ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคไข้หวัดนก
อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของประเทศกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักในการรักษาระดับการผลิต
วิกฤตที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้คาดว่าจะเร่งให้เกิดการรวมตัวของธุรกิจภายในอุตสาหกรรมมากขึ้น
โดยมีปัจจัยซับซ้อนหลายด้านเป็นแรงขับเคลื่อน ทั้งการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากร
ความท้าทายด้านสภาพภูมิอากาศ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
การผลิตไข่ของญี่ปุ่นคาดว่าจะลดลงร้อยละ
๖ ในปี พ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยจะอยู่ที่ประมาณ ๒.๒ ถึง ๒.๓ ล้านตัน
ตามข้อมูลจากสมาคมสัตว์ปีกญี่ปุ่น
การระบาดของโรคไข้หวัดนกยังคงดำเนินต่อเนื่องเป็นฤดูกาลที่ห้าในประเทศ
เป็นปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางการผลิต ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ถึงกุมภาพันธ์
พ.ศ.๒๕๖๘ ทำลายสัตว์ปีกประมาณ ๘.๔ ล้านตัวเพื่อตอบสนองต่อการระบาด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ตลาดไข่ของญี่ปุ่นเผชิญกับความไม่มั่นคงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในปี
พ.ศ.๒๕๖๖ การระบาดรุนแรงของโรคไข้หวัดนกทำให้เกิดการขาดแคลนไข่อย่างหนัก
จนผู้วิเคราะห์ตลาดท้องถิ่นเรียกสถานการณ์นี้ว่า “เอ้กช็อค (ช็อกไข่)”
ฤดูกาลนั้นมีการทำลายสัตว์ปีกถึง ๑๗.๗ ล้านตัว ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๕
ถึงเมษายน พ.ศ.๒๕๖๖ ถือเป็นฤดูกาลไข้หวัดนกที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ
อุตสาหกรรมสัตว์ปีกกำลังเผชิญแรงกดดัน
อย่างไรก็ตาม
โรคไข้หวัดนกไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ขัดขวางการผลิตไข่ของญี่ปุ่น ในเดือนมกราคม
พ.ศ.๒๕๖๘ บริษัทวิวิด การ์เดน เป็นผู้ดำเนินงาน ตาเบโชคุ ผู้ค้าปลีกอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ที่สุดของประเทศ
เปิดเผยว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การผลิตไข่ลดลง “ตาเบโชคุ
ระบุว่า ความร้อนในฤดูร้อนปีที่ผ่านมาได้ทำให้ไก่อ่อนแอลง ส่งผลให้การผลิตลดลง” โดยอ้างอิงผลการสำรวจจากผู้ผลิตไข่หลายสิบรายทั่วญี่ปุ่น
“ประมาณร้อยละ ๔๐ ของผู้ผลิตไข่ตอบว่าการผลิตไข่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
โดยบางฟาร์มคาดว่าการผลิตอาจลดลงถึงร้อยละ ๕๐”
ความเสียหายจากความร้อนในฤดูร้อนส่งผลยาวนาน
เนื่องจากพบว่าเปลือกไข่ยังคงมีสภาพไม่ดีแม้ในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวถัดมา
“สภาพอากาศที่ร้อนผิดปกติทำให้ไก่อ่อนแรงและเริ่มออกไข่น้อยลง
ยิ่งความร้อนยาวนานเท่าไร ผลกระทบก็ยิ่งมากขึ้น” ยูอิจิ อารามากิ เจ้าของฟาร์มสีเขียวคูจู
กล่าว
เกษตรกรในญี่ปุ่นรู้สึกถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากขึ้นเรื่อย
ๆ อุณหภูมิเฉลี่ยรายเดือนสูงขึ้นทำสถิติใหม่ทั้งในปี พ.ศ.๒๕๖๖ ๒๕๖๗ และล่าสุดในปี
๒๕๖๘ ช่วงต้นเดือนสิงหาคม ญี่ปุ่นบันทึกอุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ ๔๑.๘
องศาเซลเซียส รัฐบาลจึงแนะนำให้ประชาชนอยู่ในบ้านและให้คำมั่นว่าจะดำเนินมาตรการเพื่อลดความเสียหายต่อการเกษตรที่เกิดจากสภาพอากาศ
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สถานการณ์ไข้หวัดนกเลวร้ายลง
“มีการพูดกันว่าลักษณะเส้นทางและช่วงเวลาการอพยพของนกอพยพอาจค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
และไวรัสไข้หวัดนกอาจได้ตั้งหลักอยู่ในนกป่าของญี่ปุ่นแล้ว” อารามากิกล่าว
ตามข้อมูลจากสมาคมวิทยาศาสตร์สัตว์ปีกญี่ปุ่น
เรื่องนี้ถือเป็นผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกของประเทศ
เดิมทีเกษตรกรได้รับคำแนะนำให้ระมัดระวังเฉพาะในช่วงฤดูหนาว
แต่ปัจจุบันภัยคุกคามจากโรคไข้หวัดนกมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นปัญหาต่อเนื่องตลอดเวลา
เพื่อรับมือกับความร้อน
เกษตรกรได้ลงทุนติดตั้งถังทำความเย็นเพื่อลดอุณหภูมิน้ำที่ไก่ดื่ม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
หน่วยงานเทศบาลญี่ปุ่นได้ติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำตามสถานีรถไฟและป้ายรถเมล์ทั่วประเทศ
เพื่อปกป้องประชากรสูงอายุจากสภาพอากาศร้อนจัด และในปัจจุบันแนวทางเดียวกันนี้ก็ถูกนำมาทดลองใช้โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่บางราย
ที่ติดตั้งระบบพ่นละอองน้ำเพื่อบรรเทาผลกระทบจากความร้อน
การแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ความท้าทายด้านการผลิตได้มาพร้อมกับความกังวลว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ญี่ปุ่นอาจประสบความยากลำบากในการจัดหาไก่เนื้อ
จากตลาดโลกได้ง่ายเหมือนในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ตามรายงานของสื่อเจแปนนิวส์ สื่อท้องถิ่นในปี
พ.ศ.๒๕๖๖ โดยอ้างคำกล่าวของผู้ค้ารายหนึ่ง
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ซื้อเนื้อไก่ในราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทุกประเทศ
อย่างไรก็ตาม กำลังซื้อของประชากรญี่ปุ่นได้ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
ส่วนใหญ่เกิดจากการลดค่าเงินของประเทศในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นกำลังเผชิญการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในการนำเข้าสัตว์ปีก
โดยเฉพาะจากบราซิล เนื่องจากความต้องการจากจีนและตลาดภูมิภาคอื่นๆ
กำลังเร่งตัวขึ้น
“พวกเราชาวญี่ปุ่นอาจกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่สูญเสียความสามารถในการแข่งขันด้านการซื้อโดยสิ้นเชิง”
เจ้าหน้าที่บริษัทการค้ารายหนึ่งกล่าว
แนวโน้มนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริบททางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อน นัน-เดิร์ก
มุลเดอร์ ผู้เชี่ยวชาญระดับโลกอาวุโสจากราโบแบงค์ Rabobank แสดงความคิดเห็นว่า “แม้ว่าญี่ปุ่นยังคงเป็นตลาดนำเข้าที่ใหญ่ที่สุด
แต่สัดส่วนของญี่ปุ่นได้ลดลงหลังจากที่การนำเข้าในภูมิภาคอื่น ๆ
ของโลกเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา เช่น จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง
และแอฟริกา นั่นหมายความว่าตำแหน่งการเจรจาของญี่ปุ่นกำลังอ่อนลง”
มุลเดอร์กล่าวเสริม การบริโภคเนื้อสัตว์ปีกยังคงเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยร้อยละ ๑.๕
ถึง ๒ เนื่องจากประชากรสูงอายุที่นิยมเนื้อไม่ติดมัน
มุลเดอร์กล่าวเพิ่มเติมว่าการไหลเข้าของนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่นก็มีส่วนสนับสนุนแนวโน้มนี้เช่นกัน
ในขณะเดียวกัน
ความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านสัตว์ปีกของญี่ปุ่นถูกประเมินไว้ที่ร้อยละ ๖๒ และกำลังอยู่ในแนวโน้มลดลง
ขยายตัวโตขึ้น
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความปั่นป่วนทางการค้าจะมีแนวโน้มผลักดันให้เกิดการรวมตัวของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกในญี่ปุ่นมากขึ้น
โดยที่เกษตรกรรายเล็กและรายกลางยังคงเป็นผู้ผลิตหลักของเนื้อไก่และไข่
นักวิเคราะห์เชื่อว่า แม้สัตว์ปีกยังคงมีอัตราการพึ่งพาตนเองสูงที่สุดเมื่อเทียบกับโปรตีนชนิดอื่น
แต่คาดว่าจะลดลงเนื่องจากปัญหาการสืบทอดกิจการฟาร์มในญี่ปุ่น มุลเดอร์กล่าว “เกษตรกรจำนวนมากอยู่ในวัยใกล้เกษียณและไม่มีผู้สืบทอด
อีกทั้งกำลังการผลิตของฟาร์มยังได้รับการลงทุนไม่เพียงพอ นี่เป็นความท้าทาย
เนื่องจากผู้ผลิตสัตว์ปีกในประเทศมุ่งเน้นการจัดหาสินค้าไก่สดแช่เย็นให้กับตลาดภายในประเทศ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะจัดหาจากตลาดต่างประเทศ” มุลเดอร์ระบุ ตามการประเมินต่าง
ๆ อายุเฉลี่ยของเกษตรกรในญี่ปุ่นขณะนี้อยู่ที่ ๖๗ ปี และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น
ฟาร์มขนาดเล็กในญี่ปุ่นกำลังพบว่าการรับมือกับผลกระทบจากความร้อนจัด
การป้องกันโรคไข้หวัดนก และการแข่งขันกับสินค้านำเข้ายากขึ้นเรื่อย ๆ
เนื่องจากผู้บริโภคชาวญี่ปุ่นโดยเฉลี่ยมีความอ่อนไหวต่อราคามากขึ้น นอกจากนี้
ญี่ปุ่นยังต้องพึ่งพาการนำเข้าธัญพืชอาหารสัตว์และถั่วเหลืองทั้งหมด
ทำให้ฟาร์มสัตว์ปีกมีความเปราะบางต่อความผันผวนทางตลาด ตามที่มุลเดอร์ระบุ
ประเทศญี่ปุ่นมีระบบบริหารจัดการราคาเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาธัญพืชอาหารสัตว์ภายในประเทศ
และมีการลงทุนขนาดใหญ่จากบริษัทญี่ปุ่นเพื่อจัดหาธัญพืชอาหารสัตว์จากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม
ภายใต้สภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ฟาร์มจำนวนมากกลับมีประสิทธิภาพต่ำ “ขณะนี้มีแนวโน้มการบูรณาการในแนวดิ่ง
โดยผู้ผลิตรายใหญ่เข้าซื้อฟาร์มและดำเนินการในรูปแบบการจัดการแบบบูรณาการเพื่อรักษาความมั่นคงด้านอุปทาน” มุลเดอร์สรุป
เอกสารอ้างอิง
Vorotnikov V. 2025. Japan’s poultry industry under
avian influenza and climate pressure. [Internet]. [Cited
2025 Dec 1]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/japans-poultry-industry-faces-unprecedented-challenges-from-avian-influenza-and-climate-change/
ภาพที่ ๑ ไก่เนื้อยังคงมีอัตราการพึ่งพาตนเองสูงที่สุดเมื่อเทียบกับโปรตีนชนิดอื่น
แต่มีการคาดการณ์ว่าจะลดลงเนื่องจากปัญหาการสืบทอดกิจการฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น
ภาพนี้สร้างขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากปัญญาประดิษฐ์ (แหล่งภาพ Reve.art)