วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

สร้างสำนึกใหม่ ลดการใช้ยาปฏิชีวนะในฟาร์ม

หลังข่าวใหญ่ การค้นพบกลไกการดื้อยาใหม่ในแบคทีเรียจากสุกร เนื้อสุกร เนื้อสัตว์ปีก และมนุษย์จากประเทศจีน นับเป็นอันตรายด้านสาธารณสุข เนื่องจาก การดื้อยาครั้งนี้เป็นยาปฏิชีวนะชนิดสุดท้ายที่ใช้สำหรับการแพทย์  ศ. ดิค เมเวียส แสดงความเห็นถึงการผลิตสัตว์ปีกนับจากนี้
               โคลิสตินเป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้ในสัตว์สำหรับการรักษา และควบคุมอาการท้องเสียเป็นเวลาหลายสิบปีแล้วในปศุสัตว์  แต่ปัจจุบัน โคลิสตินถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ เนื่องจาก การพัฒนาการดื้อยาอย่างต่อเนื่องในช่วงสิบปีที่ผ่านมา การแพร่กระจายของเชื้อ ESBL และเชื้อก่อโรคที่สร้างเอนไซม์คาร์เบนเพเนเมส ทำให้ยาโคลิสตันเป็นยาปฏิชีวนะชนิดสุดท้ายสำหรับการติดเชื้อในมนุษย์ที่ติดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาพร้อมกันหลายชนิด รายงานการดื้อยาครั้งล่าสุดในประเทศจีนจึงเป็นปัญหาสำคัญสำหรับมนุษย์
               นับตั้งแต่ทศวรรษที่ ๑๙๕๐ เป็นต้นมา โคลิสตินถูกใช้ปริมาณมากในปศุสัตว์ เพื่อรักษา และควบคุมอาการท้องเสียจากเชื้อ  อี. โคลัย และซัลโมเนลลา ในลูกโค และสุกร ในสัตว์ปีก โคลิสตินใช้สำหรับรักษาโรคติดเชื้อโคลัยบาซิลโลซิสในแม่ไก่ โดยต้องมีระยะหยุดยาสำหรับการให้ไข่ การใช้โพลีมิกซินค่อยๆลดลงในช่วงสิบปีที่ผ่านมาแล้ว เมื่อเร็วๆนี้ นักวิทยาศาสตร์ชาวจีน และอังกฤษ รายงานเชื้อ อี. โคลัย ที่ดิ้อยาโคลิสติน ในประเทศจีน และหลายส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยการถ่ายทอดการดื้อยานี้พบในสุกร เนื้อสุกร เนื้อสัตว์ปีก และผู้ป่วยชาวจีน  
               มีความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างการใช้ยาปฏิชีวนะในการเลี้ยงสัตว์ และการดื้อยาในสัตว์ที่โรงฆ่า อาหาร และมนุษย์ การดื้อยานี้มีสาเหตุมาจากการกลายพันธุ์ของยีน MCR-1 และสามารถแพร่กระจายได้ ตัวอย่างจากการศึกษาครั้งนี้มาจากเนื้อสุกร และเนื้อสัตว์ปีกในซูเปอร์มาร์เก็ต และตลาดสด รวมถึง ตัวอย่างที่เก็บจากผู้ป่วยในโรงพยาบาล ตัวอย่าง ๒๐ เปอร์เซ็นต์มาจากสัตว์ และ ๑๕ เปอร์เซ็นต์มาจากเนื้อที่ตรวจพบเชื้อดื้อยา การดื้อยาครั้งนี้สร้างความวิตกกังวลว่า แบคทีเรียจะสามารถถ่ายทอดภาวะดื้อยาไปยังแบคทีเรียชนิดอื่นๆข้ามชนิดกัน แม้ว่าจะยังไม่มีข้อพิสูจน์ความเชื่อมโยง แต่เชื่อว่า อุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์เป็นแหล่งต้นตอของเชื้อดื้อยา ในประเทศจีน ยาปฏิชีวนะนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการเลี้ยงสัตว์
อันตรายต่อชีวิตมนุษย์
               การพัฒนาเชื้อดื้อยาครั้งนี้ได้สร้างความกดดันต่อภาคสาธารณสุข โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาร่วมกับปัญหา ESBL ที่เกิดขึ้นแล้วทั่วโลก จำเป็นต้องมีการเตือนภัย ไม่ใช่เพราะว่า การดื้อยาโคลิสตินเป็นปัญหาใหญ่หลวงในการเลี้ยงสัตว์ แต่เพื่อไม่ให้อุตสาหกรรมการผลิตปศุสัตว์เป็นแหล่งของเชื้อแบคทีเรียดื้อยาที่เป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ เชื้อแบคทีเรียดื้อยาสามารถระบาดไปได้ทั่วโลกภายในระยะเวลาอันสั้น ในกรณีร้ายแรง แพทย์จะไม่มียาเหลือไว้ให้ใช้สำหรับรักษาโรคติดเชื้อในมนุษย์เป็นการหวนกลับไปสู่ยุคก่อนการใช้ยาปฏิชีวนะ ในอนาคต เชื่อว่า การระบาดเชื้อดื้อยาจะเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตหลายหมื่นคนในแต่ละปี  

เชื้อจะระบาดอย่างรวดเร็ว
               โลกในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ทำให้ความเชื่อมโยง และความสัมพันธ์กันระหว่างมนุษย์แคบลง และทั่วถึง มีการแลกเปลี่ยนกันตลอดเวลาทั้งข้อมูลข่าวสาร คน และสินค้า ผลิตภัณฑ์ต่างๆรวมถึง เนื้อสัตว์ปีก มีการผลิต และจำหน่ายจากทั่วทุกมุมโลก ปัญหาต่างๆจะไม่เกิดขึ้นเพียงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่จะระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว มนุษย์ สิ่งของ และนกป่าเป็นพาหะที่สำคัญของโรค ปัจจุบัน นักวิจัยกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด หากห่วงโซ่การผลิตแพร่เชื้อแบคทีเรียนี้ไปแล้ว ก็อาจจะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้
               ขณะนี้ โลกกำลังให้ความสนใจเชื้อดื้อยาครั้งนี้อย่างใกลชิด ก่อนหน้านี้มีความพยายามเรียกร้องให้ลดการใช้ยาโพลีมิกซินในการเลี้ยงสัตว์ ถึงตอนนี้ เราต้องทบทวนข้อเรียกร้องเหล่านี้ และยกระดับถึงขั้นสูงที่สุดต่อรัฐบาล โดยเฉพาะการใช้ยาโคลิสติน ที่อาจต้องกำหนดให้มีการห้ามใช้สำหรับปศุสัตว์ ทั้งภาครัฐบาล และองค์กรสัตวแพทย์จำเป็นต้องพิจารณากรณีดังกล่าวโดยเร็วที่สุด ขณะนี้ ระดับยุโรป และโลก กำลังพิจารณาประเด็นนี้ แต่กระบวนการนั้นมีขั้นตอนที่ยาวนาน และมีพลังน้อยลง ทั้งที่เป็นสิ่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ทุกคน
               ในปี ค.ศ.๒๐๑๒ กลุ่มที่ปรึกษาองค์การอนามัยโลกว่าด้วย การเฝ้าระวังการดื้อยา อ้างถึงยาโคลิสตินว่าเป็นยาปฏิชีวนะที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง การใช้ยาโคลิสตินต้องลดลง แม้ว่า ประเทศตะวันตกจะยังมีอิทธิพลต่อเอเชีย อย่างไรก็ตาม ทั้งภาคการเมือง และวิทยาศาสตร์ต้องร่วมมือกันผลักดัน เพื่อให้ประเทศเอเชียเกิดความตระหนักถึงผลลบของการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ และตระหนักการใช้ทางเลือกที่ไม่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์
ภาคการผลิตสัตว์ปีกควรปรับตัวอย่างไร
               เพื่อสร้างความปลอดภัยต่อสุขภาพมนุษย์ จำเป็นต้องสร้างสำนึกใหม่ให้มุ่งใส่ใจสุขภาพสัตว์แทนที่จะคิดผลิตสัตว์ให้ต้นทุนต่ำ โดยให้ความสำคัญกับการจัดการเพื่อป้องกันโรคแทนที่จะใช้ยาปฏิชีวนะ    

แหล่งที่มา:          ศ. ดิค เมเวียส สถาบันสัตวแพทย์แห่งเนเธอร์แลนด์ (14/12/15)
 

วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2558

หวัดนกเอช ๕ ถล่มพร้อมกัน ๓ ซีโรไทป์ในฝรั่งเศส

จำนวนฟาร์มติดเชื้อโรคไข้หวัดนกทางตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสเพิ่มสูงขึ้นเป็น ๑๕ ราย การระบาดของโรคได้แพร่กระจายจากฟาร์มใกล้กับชายแดนของสเปนไปยัง Limoges ห่างไปอีก ๔๐๐ กิโลเมตร ดังนั้น สัตว์ปีกหลายหมื่นตัวทั้งเป็ด ไก่ นกกระทา ถูกทำลายไปแล้ว ขณะที่ ประเทศนอกกลุ่มอียูได้แบนสัตว์ปีก และผลิตภัณฑ์จากฝรั่งเศสเรียบร้อยแล้ว
               กรมปศุสัตว์ฝรั่งเศสได้เน้นย้ำว่า ซีโรไทป์ที่มีการระบาดไม่สามารถติดเชื้อสู่คนได้ และแตกต่างอย่างมากกับเชื้อไวรัสที่ระบาดในเอเชียที่มีการกลายพันธุ์ และติดเชื้อสู่คน ดังนั้น การบริโภคเนื้อไก่ ฟรัวกราซ์ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกอื่นๆจะยังไม่เป็นอันตรายสู่สุขภาพมนุษย์ ในฟาร์มที่เกิดการระบาดตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนกทั้ง H5N1, H5N2 และ H5N9 โดยยังไม่เคยพบมาก่อนว่า โรคไข้หวัดนกมีการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วพร้อมกันหลายๆซีโรท์ในเวลาเดียวกัน ดร. เบอร์นาร์ด วัลแลต ผู้อำนวยการ OIE กล่าวไว้ก่นอหน้านี้ โดยเชื่อว่า เชื้อไวรัสได้กลายพันธุ์จากเชื้อไวรัสชนิดความรุนแรงต่ำไปเป็นเชื้อไวรัสชนิดความรุนแรงสูงซีโรไทป์ต่างๆพร้อมกัน หรือไม่ก็เชื้อไวรัสต่างซีโรไทป์มีการแลกเปลี่ยนยีนส์กัน
 แหล่งที่มา:         Ruud Peys (16/12/15)

ลดโปรตีนให้ผลการเลี้ยงไก่ดีขึ้น

  แม้ว่าจะลดโปรตีนในอาหารสัตว์ปีก ผลการเลี้ยงก็ยังดีขึ้นได้ และยังลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ระดับโปรตีนที่สูงไม่จำเป็นแล้วในอาหารสัตว...