ข้อคำนึงด้านภูมิประเทศ
ตัวอย่างเช่น ความดันบรรยากาศจะลดลงหากพื้นที่ตั้งฟาร์มอยู่ห่างจากระดับน้ำทะเล
ยิ่งพื้นที่สูงจากระดับน้ำทะเลเท่าใด
จำนวนของเม็ดเลือดแดงที่จำเป็นต้องนำส่งออกซิเจนให้กับเนื้อเยื่อก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
จำนวนของเม็ดเลือดแดงที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความหนืดของเลือด
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงอื่นๆก็สามารถเกิดขึ้นไปพร้อมกัน
เมื่อเลือดถูกสูบฉีดเข้าสู่เส้นเลือดแดง
เส้นผ่านศูนย์กลางก็จะยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจาก
ผนังสี่ชั้นยังคงแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรองรับปริมาณเม็ดเลือดแดงที่เพิ่มเติมเข้ามาได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับเส้นเลือดดำ แม้ว่า
จะมีจำนวนชั้นของผนังหลอดเลือดเท่ากัน แต่ผนังสองชั้นมีความบางกว่าอย่างมาก
ผลลัพธ์ก็คือ ปริมาตรของเลือดที่ผ่านเส้นเลือดดำเพิ่มขึ้นส่งผลให้เกิดการขยายขนาดของหลอดเลือด
พึงระลึกไว้ในใจเสมอว่า
เมื่อพยายามแก้ไขปัญหาที่ยากเย็นบางประการที่มักเกิดขึ้นที่โรงงานแปรรูปการผลิต
โดยเฉพาะ กล้ามเนื้อบริเวณปีก และอก เมื่อไก่เลี้ยง และผลิตในภูมิอากาศหนาวเย็น
ฤดูหนาว หรือที่ภูมิประเทศสูง หลอดเลือดแบกภาระเก็บกักเลือดไว้ถึง ๘๔ เปอร์เซ็นต์
ขณะที่ อวัยวะรับเลือดไว้เพียง ๑๖ เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
การกระจายของเลือดภายในหลอดเลือด แบ่งเป็น เส้นเลือดดำ ๖๔ เปอร์เซ็นต์
เส้นเลือดแดง ๑๕ เปอร์เซ็นต์ และหลอดเลือดฝอย ๕ เปอร์เซ็นต์ สรุปได้ว่า
เลือดส่วนใหญ่อยู่ในเส้นเลือดดำ และพึงระลึกไว้เสมอว่า
เส้นเลือดที่ปีกมีมวลกล้ามเนื้อน้อย เพราะเหตุว่า
มีการสะสมของเลือดจากเส้นเลือดดำไว้มาก
จึงสังเกตเห็นได้ง่ายส่งผลให้ไก่ถูกปลดทิ้งในขั้นตอนการควบคุมคุณภาพสินค้าได้บ่อยที่สุด
อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงไก่ในสภาวะอากาศเย็น เส้นเลือดก็จะพยายามหดตัว เพื่อรักษาความร้อนไว้ภายในร่างกายของไก่
และเป็นสาเหตุให้ระยะเวลาการไหลของเลือดเพิ่มขึ้น (Bleeding time) ตามปรกตินานออกไปมากกว่า
๓ นาที ๓๐ วินาที ในบางสภาวะอาจนานกว่า ๔ นาทีเลยทีเดียว
สำหรับการปล่อยให้เลือดออก
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการตอบสนองต่อภาวะการหดตัวของหลอดเลือด
ยังคงมีกระบวนการอื่นๆที่สามารถส่งผลกระทบต่อการปลดซากทิ้ง รวมถึง
ระยะเวลาระหว่างการแขวนไก่บนแชคเกิล (Shackles) และเข้าสู่เครื่องสตันเนอร์
ระดับของไก่ที่กระพือปีก (Wing flapping) เมื่อแขวนบนแชคเกิล
และปัจจัยที่มีผลต่อการหุบปีก ยกตัวอย่างเช่น หากไก่แขวนด้วยขา
ไก่ก็จะพยายามกระพือปีกลงเพื่อให้ตัวเองเป็นอิสระ เช่นเดียวกับ การแขวนโดยคอ
การสะสมของเลือดในปีก และอกที่ปรากฏในระยะนี้ของการแปรรูปการผลิต
และเข้าถึงระดับวิกฤติ เป็นช่วงเวลาที่จำเป็นต้องมีการทบทวน
ปฏิบัติการอย่างนุ่มนวล
และรวดเร็ว
การแขวนไก่บนแชคเกิลเป็นเวลานานกว่า
๓๐ วินาทีจะส่งผลให้มีการสะสมของเลือดในปีก เนื่องจาก แรงโน้มถ่วงของโลก ดังนั้น
แนะนำให้ระยะเวลาจนถึงเข้าสู่เครื่องสตันเนอร์ไม่ควรเกินกว่า ๒๐ ถึง ๓๐ วินาที
พื้นที่การแขวนไก่ที่ยังไม่มืดเพียงพอ อุปกรณ์นวดอกไก่ (Breast massager) ไม่ได้ปรับตั้งอย่างเหมาะสม
และวิธีการแขวนไก่ยังไม่ระมัดระวังอย่างเพียงพอ การกระพือปีกก็จะเพิ่มขึ้น
ความเข้มข้นของการเคลื่อนที่ส่งผลให้การปั๊มเลือดจากหัวใจมีปริมาตรของเลือดสู่อก
และปีกมากขึ้น เพื่อนำส่งออกซิเจนสู่กล้ามเนื้อ หมายความว่า
ปริมาตรของเลือดที่เพิ่มขึ้นก็จะปรากฏตามบริเวณเหล่านี้
และเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อระยะเวลาการเลือดออก (Bleed time) พึงระลึกไว้เสมอว่า
ไก่จะกระพือปีกอย่างมากระหว่างการจับส่งผลให้มีเลือดสูบฉีดเติมเข้าไปสู่ปีกเพิ่มขึ้น
หากระยะเวลาการเลือดออกอยู่ระหว่าง
๓ นาที ๓๐ วินาที ไปจนถึง ๔ นาทีก็จะส่งผลให้มีเลือดถูกระบายจากอก
และปีกได้มากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นกับอุณหภูมิ สภาวะอากาศ ความสูง ระดับของการกระพือปีก หากการเลี้ยงไก่
และแปรรูปการผลิตในสภาวะอากาศอบอุ่น เลือดจะมีความหนืดต่ำ และหลอดเลือดไม่หดตัว
ช่วยให้ลักษณะปรากฏของซากไก่ดีขึ้น พึงระลึกไว้เสมอว่า เลือดมีปริมาณ ๓
เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักไก่มีชีวิต
จับตามองการเปลี่ยนแปลง
วิธีการง่ายๆสำหรับการตรวจติดตามระยะเวลาการเลือดออก (Bleeding time) ว่า
เพียงพอในสภาวะอากาศเย็นหรือไม่ ให้ตรวจติดตามไก่ระหว่างที่ออกจากเครื่องถอนขน (Plucker)
และเข้าสู่ขั้นตอนแรกของกระบวนการล้วงเครื่องใน (Evisceration
process) หากพบว่ามีเลือดออกมาปริมาณมากตามเครื่องมือ รางระบายน้ำ
หรือพื้น ให้พิจารณาเพิ่มระยะเวลาการเลือดออก
เมื่อพิจารณาตัดสินลักษณะของปีก
จุดเลือดออกสีแดงขนาดเล็กสามารถใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ปัญหาของกระบวนการก่อนการทำให้ไก่สลบ (Pre-stunning)
จุดแดง
อาจเกิดขึ้นระหว่างการผ่านอ่างสตันเนอร์ มีการสัมผัสกับทางลาด
แล้วตัวเริ่มเปียกจนกระทั่ง สามารถนำกระแสไฟฟ้าได้
ไก่ก็จะมีปฏิกิริยาตอบสนองโดยการยกคอ
และกระพือปีกอย่างรุนแรงจนกระทั่งออกจากพื้นที่การสตันเนอร์
แล้วออกจากอ่างสตันเนอร์โดยที่ยังมีสติรู้ตัวอยู่
และเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญสำหรับขั้นตอนการฆ่าไก่
สิ่งที่ควรจำไว้เสมอคือ มีระยะห่างที่สั้นมากระหว่างแต่ละแชคเคิล ดังนั้น
ปีกของไก่ตัวหนึ่งก็มักสัมผัสกับอีกตัวหนึ่ง บางครั้ง
ยังสามารถเกยซ้อนกันได้อีกด้วย นอกเหนือจากนั้น ไก่อาจกระพือปีกภายในตู้สตันเนอร์
สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดเลือดออก
(Hematomas) ตามปีกได้
เพื่อให้มั่นใจว่าได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
การกระพือปีกจะต้องเกิดขึ้นน้อยที่สุด หากไก่กระพือปีกไปข้างหน้า
ปีกอาจตีกับตู้สตันเนอร์ หากกระพือปีกไปข้างหลังก็อาจตีกับตัวเอง ราวรองอกไก่ (Breast
comforter) และแม้กระทั่งตู้สตันเนอร์ ตามธรรมชาติ
ปีกมีมวลกล้ามเนื้อเพียงเล็กน้อย ผลกระทบที่เกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดนี้จึงสังเกตเห็นได้ชัด
หากปัญหานี้ ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็อาจทำให้ต้องคัดทิ้งชิ้นส่วนปีกจำนวนมาก
และมีผลกระทบต่อมูลค่าการตลาดอย่างมีนัยสำคัญ และการป้องกันคือ การทำทางลง (Slopes)
เช่นเดียวกับในขั้นตอนการลวกน้ำร้อนทั้งก่อน
และหลังเข้าสู่อ่างสตันเนอร์ (Stunning bath) แต่เพื่อความมั่นใจคุณภาพสินค้าก็จะเป็นการดีหากได้ทบทวนกระบวนการถอนขนไก่
ความแข็งของลูกยาง (Fingers)
และมุมที่ซากเข้ามาสัมผัสกับลูกยาง รวมถึง ความดันที่กดลงบนตัวซาก
ล้วนมีผลต่อการเกิดรอยช้ำเลือด ควรระลึกไว้เสมอว่า การใช้น้ำอุ่นที่ระยะนี้จะช่วยลดปัญหาลงได้
ขนบางส่วนยากต่อการดึงออก ดังนั้น ควรใช้ลูกยางที่มีความแข็งหลายๆระดับ ยกตัวอย่างเช่น
พื้นที่ด้านบน อาจใช้ลูกยางที่แข็งกว่าบริเวณอื่นๆ บริเวณตอนกลางก็ให้ใช้ลูกยางนิ่มลง
และสำหรับบริเวณปีกก็เลือกใช้ลูกยางที่แข็งปานกลาง เป็นต้น
เมื่อปรับแต่งเครื่องถอนขน ให้มอมงจากด้านบนควรจะดูคล้ายกับรูปทรงกรวย
เริ่มจากกว้างตอนที่ไก่ยังมีขนปกคลุมเต็มตัว
แล้วค่อยๆแคบลงตรงทางออกเมื่อขนส่วนใหญ่ถูกถอนออกไปหมดแล้ว
เอกสารอ้างอิง
López EC. 2016. Improving
appearance, minimizing bruising at poultry processing. WATTAgNet.com. [Internet].
[Cited 2016 Oct 2]. Available from: http://www.wattagnet.com/articles/19463-improving-appearance-minimizing-bruising-at-poultry-processing.
ภาพที่ 1 การสะสมของเลือดเนื่องจากความหนืดเลือดเพิ่มขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น