วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เจาะลึกเชื้ออีโคไลในสัตว์ปีกและความท้าทายด้านสุขภาพสัตว์

 งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยเซอร์รีย์และมหาวิทยาลัยบริสตอล ร่วมกับหน่วยสุขภาพสัตว์ปีก ได้ค้นพบสาเหตุที่ทำให้สายพันธุ์ต่าง ๆ ของเชื้อเอเพคมีพฤติกรรมแตกต่างกันอย่างมาก

โดยทั่วไปแล้ว แบคทีเรีย อี. โคไล มักไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่บางสายพันธุ์ที่เรียกว่า อี. โคไล ก่อโรคในสัตว์ปีก หรือเอเพค สามารถทำให้สัตว์ปีกป่วยรุนแรง ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก และกระทบต่อสวัสดิภาพสัตว์ งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารไวรูเลนซ์ ได้วิเคราะห์การระบาดของโรคโคไลบาซิลโลซิส ในไก่งวงที่สหราชอาณาจักร และพบว่าสายพันธุ์ที่ชื่อว่า เอสที-๑๐๑ เป็นสาเหตุหลักของการระบาด โดยคิดเป็นเกือบร้อยละ ๖๐ ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยสายพันธุ์นี้ไม่เคยถูกระบุว่าเป็นสาเหตุหลักของการระบาดในไก่งวงในสหราชอาณาจักรมาก่อน

สายพันธุ์ที่บุกรุกและอยู่รอดได้ดีกว่าเดิม

จากการเปรียบเทียบสายพันธุ์ เอสที-๑๐๑ กับสายพันธุ์เอเพค ที่มีความเสี่ยงสูงหลายชนิด ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซอร์รีย์ นำโดย ดร. ไจ เมหัต ดร. เจมส์ อดัมส์ และ ศาสตราจารย์ โรแบร์โต ลา ราจิโอเนพบว่า สายพันธุ์เอสที-๑๐๑ เอสที-๙๕ และ เอสที-๑๔๐ มีความสามารถในการบุกรุกและอยู่รอดภายในเซลล์เยื่อบุลำไส้ของไก่ รวมถึงเซลล์ภูมิคุ้มกันอย่างมาโครฟาจ ได้ดีกว่า สายพันธุ์ เอสที-๒๓ และเอสที-๑๑๗ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เอสที-๑๑๗ จะบุกรุกเซลล์ได้ไม่ดีเท่า แต่กลับพบว่าเป็นสายพันธุ์ที่ ก่อโรคได้รุนแรงที่สุด ในแบบจำลองการติดเชื้อในแมลง บ่งชี้ว่า แต่ละสายพันธุ์ของเอเพค อาจก่อโรคด้วยกลไกที่แตกต่างกัน

ศาสตราจารย์ชาห์รียาร์ เบห์บูดี ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยและศาสตราจารย์ด้านการศึกษาความสัมพันธ์ของภูมิคุ้มกัน ณ มหาวิทยาลัยบริสตอล กล่าวว่า “เราสรุปได้ว่า มาตรการควบคุมแบบครอบคลุม เช่น การฝึกฝนระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไก่ให้ควบคุมสายพันธุ์เชื้อ อี.โคไล ที่หลากหลาย จะให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากวัคซีนในปัจจุบันมักออกแบบมาเพื่อป้องกันสายพันธุ์เฉพาะ และอาจไม่สามารถรับมือกับภัยคุกคามจากสายพันธุ์เอเพคที่เกิดขึ้นใหม่ได้”

ดร.ซารา เปเรซ ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยและผู้อำนวยการคลินิกแห่งหน่วยสุขภาพสัตว์ปีก กล่าวว่า “การติดเชื้อที่เกิดจาก เอเพค เป็นภัยคุกคามสำคัญต่อสัตว์ปีกที่เลี้ยงในฟาร์ม การเพิ่มการเฝ้าระวังฝูงสัตว์ปีกเพื่อทำความเข้าใจการมีอยู่และวิวัฒนาการของสายพันธุ์ เอเพค จะช่วยส่งเสริมสวัสดิภาพของสัตว์ และส่งผลต่อความปลอดภัยของอาหารของเราโดยตรง”

เอกสารอ้างอิง

Mcdougal T. 2025. Diverse threats posed by avian E. coli. [Internet]. [Cited 2025 Oct 22]. Available from: https://www.poultryworld.net/health-nutrition/health/diverse-threats-posed-by-avian-e-coli/  

ภาพที่ ๑ เชื้ออีโคไลก่อโรคในสัตว์ปีก หรือเอเพค เป็นกลุ่มย่อยของเชื้อ เอสเชอริเชีย โคไล ที่ก่อโรคซึ่งอยู่นอกระบบทางเดินอาหาร โดยสามารถทำให้สัตว์ปีกที่มีความไวต่อการติดเชื้อเกิดโรคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำไปสู่ภาวะโคไลบาซิลโลซิส colibacillosis ที่แสดงอาการทางคลินิกอย่างชัดเจน (แหล่งภาพ Mcdougal, 2025)



วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์พบหวัดนกระลอกแรกของฤดูกาล

 ในสองประเทศในเอเชียนี้ รวมถึงอิหร่าน มีการยืนยันการระบาดครั้งแรกของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในสัตว์ปีก หลังจากช่วงเวลาที่ไม่มีการระบาดมาก่อนหน้านี้

การระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรง ครั้งแรกในฤดูใบไม้ร่วงได้รับการยืนยันแล้วในประเทศญี่ปุ่น ตามรายงานของกระทรวงเกษตร เริ่มต้นขึ้นหลังจากพบอัตราการตายที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติในฟาร์มไก่ไข่บนเกาะฮอกไกโด ซึ่งเป็นเกาะหลักทางตอนเหนือของประเทศ ขณะนี้พบว่าไวรัสมีความรุนแรงสูง แต่ยังไม่สามารถระบุชนิดสับไทป์ได้ในระยะเริ่มต้นนี้ โดยมีไก่ไข่ประมาณ ๔๕๙,๐๐๐ ตัวในฟาร์มที่ตั้งอยู่ในเมืองชิราโออิได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาดครั้งนี้

การระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกของญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วเริ่มต้นในช่วงกลางเดือนตุลาคม โดยตั้งแต่เวลานั้นจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม มีสัตว์ปีกมากกว่า ๙.๒ ล้านตัวใน ๕๑ ฟาร์มทั่วประเทศได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาด ตามรายงานที่แจ้งต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก ซึ่งการระบาดทั้งหมดในช่วงเวลาดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงเอช ๕ เอ็น ๑

สำหรับฟิลิปปินส์ จนถึงเดือนนี้ยังไม่มีรายงานการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในสัตว์ปีกเลยนับตั้งแต่สิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา พบการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสายพันธุ์เอช ๕ เอ็น ๑ ในฝูงไก่พ่อแม่พันธุ์เนื้อแห่งหนึ่งในจังหวัดอิซาเบลา ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคคากายันแวลลีย์ ทางตะวันออกของเกาะลูซอน ซึ่งเป็นเกาะหลักของฟิลิปปินส์ ขณะเดียวกัน มีการตรวจพบไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช ๕ เอ็น ๘ ที่ฟาร์มเป็ดสองแห่งในจังหวัดโคตาบาโต ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะมินดาเนา เป็นอีกหนึ่งเกาะหลักของประเทศ

การระบาดในสัตว์ปีกในภูมิภาคเอเชียใต้และตะวันออก

               ตามรายงานอย่างเป็นทางการขององค์การสุขภาพสัตว์โลก การระบาดครั้งนั้นมีไก่พื้นเมืองจำนวน ๓,๓๗๔ ตัวที่ได้รับผลกระทบ โดยเกิดขึ้นทางตอนเหนือของประเทศ ใกล้กับชายแดนประเทศเกาหลีเหนือ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีการรายงานการระบาดครั้งที่สองของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรง ตามรายงานของกระทรวงเกษตรของเกาหลีใต้ จากการเฝ้าระวังตามปกติ พบการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในกลุ่มเอช ๕ ในฝูงห่านเลี้ยงประมาณ ๑๗๐ ตัว ในเมืองกวางจู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ กระทรวงฯ ได้ดำเนินมาตรการที่คุ้นเคยโดยประกาศ “หยุดเคลื่อนย้ายสัตว์ปีกทั่วประเทศเป็นเวลา 24 ชั่วโมง” ทันที เพื่อให้สามารถดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรการนี้ครอบคลุมการเคลื่อนย้ายทั้งหมดของฟาร์มสัตว์ปีก ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น โรงฆ่าสัตว์ โรงงานผลิตอาหารสัตว์ รวมถึงการขนส่งปศุสัตว์ด้วย

เมื่อประมาณหนึ่งเดือนก่อน มีรายงานการพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกครั้งแรกของฤดูใบไม้ร่วงในประเทศเกาหลีใต้ ในช่วงกลางเดือนกันยายน มีการยืนยันการพบไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสายพันธุ์ เอช ๕ เอ็น ๑ ในฝูงไก่ไข่ในเขตฉางฮัวของไต้หวัน ตามรายงานขององค์การสุขภาพสัตว์โลก โดยมีไก่ไข่ประมาณ ๒,๖๐๐ ตัวจากทั้งหมดเกือบ ๑๖,๐๐๐ ตัวในฟาร์มที่เสียชีวิต นับเป็นฝูงสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ฝูงที่สี่ของไต้หวันที่ได้รับผลกระทบจากโรคนี้นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม

ทางการกัมพูชาได้แจ้งองค์การสุขภาพสัตว์โลก ว่ามีการระบาดเพิ่มเติมอีก ๓ ครั้ง ซึ่งเชื่อมโยงกับไวรัสสายพันธุ์เดียวกัน ส่งผลให้ยอดรวมการระบาดของประเทศตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๗ เพิ่มขึ้นเป็น ๓๐ ครั้ง โดยมีสัตว์ปีกได้รับผลกระทบโดยตรงมากกว่า ๑๐,๐๐๐ ตัว ส่วนใหญ่เป็นฝูงสัตว์ปีกในหมู่บ้าน การระบาดล่าสุดครั้งแรกเกิดขึ้นช่วงปลายเดือนสิงหาคมในจังหวัดอุดอร์เมียนเจย ถือเป็นการระบาดครั้งแรกในจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของกัมพูชาในชุดการระบาดครั้งนี้ ต่อมาในช่วงกลางเดือนตุลาคม พบการระบาดเพิ่มเติมในจังหวัดโพธิ์สัตว์ทางตะวันตกของประเทศ และจังหวัดกำปงสปือซึ่งอยู่ตอนกลางค่อนไปทางใต้

ขณะเดียวกัน ทางการอินเดียได้รายงานย้อนหลังต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก ว่ามีการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรง จำนวน ๔ ครั้งในรัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือของประเทศ ระหว่างวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ถึง ๗ สิงหาคมปีนี้ มีการตรวจพบไวรัส เอช ๕ เอ็น ๑ ตลาดค้าปศุสัตว์แห่งหนึ่ง และในฟาร์มสัตว์ปีกอีก ๓ แห่ง โดยรวมแล้วมีสัตว์ปีกเกือบ ๙๘,๐๐๐ ตัวที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการระบาดครั้งนี้ ทั้งจากการตายและการทำลายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

กลับมาระบาดอีกครั้งในภูมิภาคเอเชียตะวันตก

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา หน่วยงานสัตวแพทย์ของอิหร่านและอิรักได้แจ้งต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก ว่ามีการกลับมาระบาดของไวรัสเอช ๕ เอ็น ๑ หลังจากที่ไม่มีการระบาดมาเป็นเวลานาน จนถึงช่วงปลายเดือนกันยายน อิหร่านยังไม่มีรายงานการระบาดของเอช ๕ เอ็น ๑ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสสายพันธุ์นี้เลยนับตั้งแต่เดือนมกราคมปี พ.ศ.๒๕๖๐ ตามรายงานอย่างเป็นทางการ คาดว่าการติดเชื้อในฝูงสัตว์ปีกจำนวน ๙๐ ตัวในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดอาร์เดบิล ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ มีสาเหตุมาจากการสัมผัสกับสัตว์ป่าที่เป็นพาหะนำโรค

ในประเทศอิรัก มีการตรวจพบไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช ๕ เอ็น ๑ ในฝูงสัตว์ปีกประมาณ 74,000 ตัวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยเกิดขึ้นในเขตผู้ว่าราชการจังหวัดนีนะเวห์ ทางตอนเหนือของประเทศ ก่อนหน้านี้ ประเทศอิรักเคยมีรายงานการระบาดล่าสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.๒๕๕๘ หลังจากการระบาดครั้งแรก ยังไม่มีการตรวจพบกรณีโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงเพิ่มเติมในทั้งสองประเทศ ดังนั้นทางการของแต่ละประเทศจึงได้แจ้งต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก ว่าสถานการณ์ “ได้รับการควบคุมแล้ว”

 

 

ผู้ติดเชื้อในมนุษย์เพิ่มขึ้นในกัมพูชาและจีน

การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่จากสัตว์ปีก ล่าสุดทางการกัมพูชาได้รายงานผู้ติดเชื้อไข้หวัดนกเพิ่มอีก ๒ ราย เมื่อต้นเดือนนี้ เด็กหญิงวัย ๑๔ ปีจากจังหวัดตาเกียวถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อ และเด็กหญิงวัย ๓ ปีจากจังหวัดกัมปงสปือถูกส่งเข้าห้องดูแลผู้ป่วยวิกฤต เพื่อรักษาอาการอย่างใกล้ชิด ตามรายงานล่าสุดจากศูนย์ป้องกันสุขภาพฮ่องกง ระบุว่า กัมพูชามีผู้ติดเชื้อในช่วงเดือนมิถุนายนถึงตุลาคมจำนวน ๑๓ ราย แหล่งข้อมูลเดียวกันยังรายงานว่า มีผู้ป่วยเพิ่มเติมอีก ๖ รายในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิด เอ สับไทป์เอช ๙ เอ็น ๒ เชื่อมโยงกับสัตว์ปีกเช่นกันผู้ป่วย ๔ รายในจำนวนนี้เริ่มมีอาการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ และได้รับการรายงานย้อนหลัง ส่วนอีก  ๒ รายเริ่มมีอาการในช่วงปลายเดือนกันยายน โดยเป็นผู้ป่วยจากมณฑลหูหนานและเจียงซี ทั้งหมดติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิด เอ สับไทป์เอช ๙ เอ็น ๒ มีต้นกำเนิดจากสัตว์ปีก

เอกสารอ้างอิง

Linden J. 2025. Japan, Philippines confirm first avian flu outbreaks of season. [Internet]. [Cited 2025 Oct 22]. Available from: https://www.wattagnet.com/poultry-meat/diseases-health/avian-influenza/news/15769936/japan-philippines-confirm-first-avian-flu-outbreaks-of-season

ภาพที่ ๑ การระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรง ครั้งแรกในฤดูใบไม้ร่วงได้รับการยืนยันแล้วในประเทศญี่ปุ่น (แหล่งภาพ Trend Design | Bigstock)



วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568

การคัดเพศลูกไก่ด้วย AI เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโรงฟัก

 ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติสามารถช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน พร้อมทั้งยกระดับสวัสดิภาพสัตว์และความแม่นยำในการทำงานได้

เทคโนโลยีการคัดแยกเพศลูกไก่อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ สามารถปฏิวัติการดำเนินงานของโรงเพาะฟักได้ โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพ สวัสดิภาพสัตว์ และผลผลิต การคัดแยกเพศด้วยมือมักทำให้ปีกเสียหายจากการจับต้อง และความแม่นยำลดลงเมื่อคนงานอ่อนล้าตลอดกะทำงาน วิธีการแบบอัตโนมัติจะช่วยขจัดข้อกังวลด้านสวัสดิภาพเหล่านี้ออกไป พร้อมทั้งรักษาประสิทธิภาพการทำงานที่สม่ำเสมอในการคัดแยกลูกไก่ได้ระหว่าง ๔๐,๐๐๐ ถึง ๑๖๐,๐๐๐ ตัวต่อชั่วโมง

“มนุษย์จะเริ่มเหนื่อยล้าหลังจากทำงานคัดแยกลูกไก่หลายพันตัวต่อชั่วโมงเป็นเวลาห้าชั่วโมง” รามิน คาริมปูร์ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของทาร์แกน กล่าว “แต่เทคโนโลยีนี้ยังคงรักษาความแม่นยำไว้ได้โดยไม่ลดลง” ในการประชุมโพลทรีย์ เทค ซัมมิต ปี พ.ศ.๒๕๖๘ คาริมปูร์จะนำเสนอความคืบหน้าของ ทาร์แกน ในปัจจุบัน พร้อมเน้นย้ำว่าเทคโนโลยีของ ทาร์แกน ส่งผลต่อผู้ผลิตอย่างไร ทั้งกลุ่มที่ดำเนินการคัดแยกลูกไก่อยู่แล้วและกลุ่มที่ยังไม่ได้เริ่ม โดยมีผลลัพธ์ที่วัดได้ในโรงฟักไข่ ฟาร์ม และโรงงานแปรรูป รวมถึงแผนการพัฒนานวัตกรรมใหม่ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ความสม่ำเสมอ และคุณค่าในอุตสาหกรรมสัตว์ปีกระดับโลกต่อไป

ประโยชน์ของเอไอและระบบอัตโนมัติในโรงฟักไข่

ผู้ผลิตพบว่าอัตราการตายของลูกไก่ภายในเจ็ดวันลดลงร้อยละ ๐.๒ ถึง ๐.๕ หลังจากเปลี่ยนมาใช้ระบบคัดแยกเพศแบบอัตโนมัติ โดยการปรับปรุงนี้เกิดจากการที่ลูกไก่สามารถเข้าถึงอาหารและน้ำได้เร็วขึ้นหลายชั่วโมงเมื่อเทียบกับวิธีการคัดแยกแบบใช้แรงงานคน คาริมปูร์อธิบาย “เหตุผลก็คือ ลูกไก่สามารถเข้าถึงอาหารและน้ำในฟาร์มได้เร็วขึ้นกว่าหลายชั่วโมง” เขากล่าว เทคโนโลยีนี้พัฒนาต่อยอดมาจากจุดเริ่มต้นของ ทาร์แกน ที่มุ่งเน้นการฉีดวัคซีนอัตโนมัติ คาริมปูร์ได้นำเสนอครั้งแรกในการประชุมโพลทรีย์ เทค ซัมมิต ปี พ.ศ. ๒๕๖๓ ความก้าวหน้าในด้านการถ่ายภาพความเร็วสูงและระบบเอไอ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบคัดแยกเพศที่สามารถระบุเพศของลูกไก่ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่ไมโครวินาที บริษัทมีแผนจะเปิดตัวระบบฉีดวัคซีนทางตารุ่นใหม่ในปีหน้า ผสานเทคโนโลยีเอไอ และการเรียนรู้ของเครื่องที่พัฒนาแล้ว โดยคาดว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการอื่น ๆ ของโรงฟักไข่ได้ในระดับใกล้เคียงกัน “เทคโนโลยีนี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน” คาริมปูร์กล่าว “เช่นเดียวกับที่การฉีดวัคซีนในไข่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ตอนนี้เรากำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมอีกครั้ง ทั้งในด้านการคัดแยกเพศลูกไก่ และในอนาคตคือการหยอดวัคซีนทางตา”

เอกสารอ้างอิง

Doughman E. 2025. AI-powered chick sexing could improve hatchery efficiency. [Internet]. [Cited 2025 Oct 14]. Available from: https://www.wattagnet.com/poultry-future/poultry-tech-summit-news/news/15769405/aipowered-chick-sexing-could-improve-hatchery-efficiency

ภาพที่ ๑ เทคโนโลยีการคัดแยกเพศลูกไก่อัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ กำลังปฏิวัติการทำงานของโรงเพาะฟักได้ (แหล่งภาพ Mariohagen | Dreamstime.com)



วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ฝรั่งเศสสยบหวัดนกด้วยวัคซีน

 จำนวนสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนกในอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของฝรั่งเศสลดลงถึงร้อยละ ๙๖  นับตั้งแต่รัฐบาลเริ่มโครงการฉีดวัคซีนขนาดใหญ่เมื่อสองปีก่อน ตามรายงานจากสถาบันวิจัยแห่งชาติด้านเกษตร อาหาร และสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส

เมื่อต้นเดือนนี้ มีการเริ่มต้นการฉีดวัคซีนระลอกที่สามให้กับเป็ดหลายพันตัวในฟาร์มที่มีสัตว์มากกว่า ๒๕๐ ตัว โดยมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญคือ กระทรวงเกษตรจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายวัคซีนเพียงร้อยละ ๔๐ เท่านั้น ลดลงจากร้อยละ ๗๐ เมื่อปีที่แล้ว และร้อยละ ๘๕ ในปีแรกที่เริ่มโครงการ ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศสเผชิญกับการระบาดใหญ่ของไข้หวัดนก มีฟาร์มหลายร้อยแห่งได้รับผลกระทบ และมีการทำลายสัตว์ปีก เช่น เป็ดและไก่ หลายล้านตัว

ครั้งแรกของโลก

ในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๖ ฝรั่งเศสเริ่มโครงการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกเป็นครั้งแรก ซึ่งถือเป็นประเทศแรกของโลกที่ดำเนินนโยบายนี้ ตามคำกล่าวของทางการฝรั่งเศส โดยได้รับการสนับสนุนจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก และคณะกรรมาธิการยุโรป “การฉีดวัคซีนได้รับการยอมรับจาก องค์การสุขภาพสัตว์โลก ว่าเป็นเครื่องมือเสริมในการควบคุมโรค ซึ่งต้องดำเนินควบคู่กับการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่มีการแพร่ระบาดของไวรัส” กระทรวงเกษตรฝรั่งเศสระบุในเอกสารล่าสุด “การใช้วัคซีนไม่ควรส่งผลกระทบต่อการค้าระหว่างประเทศ ตราบใดที่ประเทศสมาชิกปฏิบัติตามมาตรฐานของ WOAH” ในสหภาพยุโรป ขณะนี้ฝรั่งเศสยังคงเป็นประเทศเดียวที่ใช้มาตรการนี้

จำนวนสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนกลดลงมาก

แต่ความเสี่ยงยังคงรักษาไว้อยู่ จากผลของการให้วัคซีน พบว่ามีสัตว์ปีกติดเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์เพียง ๑๑ ราย เทียบกับ ๓๙๖ รายในช่วงปี พ.ศ.๒๕๖๕ ถึง ๒๕๖๗  และมากถึง ๑.๓๗๘ รายในปีก่อนหน้า ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยแห่งชาติด้านเกษตร อาหาร และสิ่งแวดล้อมของฝรั่งเศส  ฝรั่งเศสได้รับการประกาศว่า “ปลอดไข้หวัดนก” อย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ และยังคงอยู่ในระดับ “ความเสี่ยงต่ำ” ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์มเฝ้าระวังระบาดวิทยาด้านสุขภาพสัตว์ของฝรั่งเศส หรืออีซา เตือนว่า ความเสี่ยงจากการติดเชื้อไข้หวัดนกจากนกป่ายังคงสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สหราชอาณาจักรพบฟาร์มสัตว์ปีกติดเชื้อมากกว่า ๗๐ รายในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

ด้านวิทยาศาสตร์ เทคนิค เศรษฐกิจ และการเลี้ยงสัตว์

ก่อนเริ่มโครงการฉีดวัคซีน กระทรวงเกษตรของฝรั่งเศสได้ขอให้แอนเซส  หน่วยงานด้านอาหาร สิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยในการทำงานของฝรั่งเศส ประเมินสถานการณ์ต่าง ๆ จากมุมมองทางระบาดวิทยา เพื่อกำหนดกลยุทธ์ในการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในสัตว์ปีก

 

ความเห็นของ แอนเซส  ได้วางกรอบสำหรับการพิจารณาดำเนินโครงการฉีดวัคซีน โดยจัดลำดับความสำคัญของกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่ที่ควรดำเนินการ” เอกสารจากกระทรวงระบุ “ปัจจัยทางวิทยาศาสตร์เหล่านี้ถูกนำมาพิจารณาร่วมกับด้านเทคนิค เศรษฐกิจ และการจัดการฟาร์ม เพื่อกำหนดกลยุทธ์การฉีดวัคซีนเชิงป้องกัน โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำ พร้อมทั้งควบคุมผลกระทบต่อการส่งออก ความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน และต้นทุนของโครงการ”

เอกสารอ้างอิง

Peys R. 2025. France: Avian influenza almost gone after vaccination. [Internet]. [Cited 2025 Oct 9]. Available from: https://www.poultryworld.net/health-nutrition/health/france-avian-influenza-almost-gone-after-vaccination/

ภาพที่ ๑ เมื่อต้นเดือนนี้เริ่มต้นการฉีดวัคซีนระลอกที่สามให้กับเป็ดหลายพันตัวในฟาร์มที่มีสัตว์มากกว่า ๒๕๐ ตัว (แหล่งภาพ ฮันส์ พรินเซน) 



ถึงเวลาทบทวนข้อจำกัดการค้าจากหวัดนกแล้ว

  ไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรง สามารถคงสภาพอยู่ได้ในเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุก ข้อเท็จจริงนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการจำกัดการค้าต...