วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

การผลิตสัตว์จะเติบโตขึ้นร้อยละสิบสี่ในทศวรรษถัดไป

 การผลิตสัตว์เพื่อการบริโภคทั่วโลก รวมถึงสัตว์น้ำ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔ ในช่วง ๑๐ ปีข้างหน้าเนื่องจากประชากรทั่วโลกมีแนวโน้มบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์มากขึ้น โดยการบริโภคต่อหัวคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖ ตามรายงานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา

การบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์จะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ประเทศรายได้สูงจะยังคงมีอัตราการบริโภคสูงที่สุด ส่วนประเทศที่ยากจนที่สุดจะมีการบริโภคในระดับต่ำต่อไป ในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า การบริโภคเนื้อสัตว์ ปลา และผลิตภัณฑ์นมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓ โดยการเติบโตเกิดขึ้นในประเทศรายได้ปานกลาง ซึ่งมีประชากรและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยครึ่งหนึ่งของการเติบโตเกิดจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น อีกครึ่งหนึ่งเกิดจากการบริโภคต่อหัวที่เพิ่มขึ้น สำหรับประเทศที่ยากจน การบริโภคต่อหัวจะไม่เพิ่มขึ้น แต่การบริโภครวมจะเพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรที่มากขึ้น อีกประเด็นที่น่าสนใจคือการขนส่งอาหารที่เพิ่มขึ้น โดยภายในเวลา ๑๐ ปี คาดว่า ร้อยละ๒๒ ของแคลอรีที่บริโภคทั่วโลกจะมาจากการนำเข้าจากต่างประเทศ สะท้อนว่าการผลิตอาหารเกิดขึ้นห่างจากแหล่งบริโภคมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีความร่วมมือระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น

การผลิตที่มากขึ้นจะเกิดจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตต่อสัตว์หนึ่งตัว และต่อพื้นที่หนึ่งเฮกตาร์ โดยมีเทคโนโลยีใหม่ การลงทุนในระบบทุน และการใช้ปุ๋ยหรืออาหารเสริมอย่างเข้มข้นเป็นแรงขับเคลื่อน โดยเฉพาะในประเทศขนาดกลาง ขณะเดียวกันการขยายพื้นที่เกษตรกรรมจะเกิดขึ้นในแอฟริกาและเอเชียใต้ ซึ่งยังขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเกษตรกรรมขั้นต้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ ๖ ซึ่งน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นของการผลิต โดยปริมาณการปล่อยก๊าซต่อผลิตภัณฑ์หนึ่งกิโลกรัมจะลดลง นักวิชาการมองว่ายังมีโอกาสปรับปรุงอีกมาก โดยหากใช้วิธีการผลิตที่ปล่อยก๊าซต่ำ จะสามารถเพิ่มผลผลิตได้ร้อยละ ๑๕ พร้อมกับลดการปล่อยก๊าซได้ร้อยละ ๗

เอกสารอ้างอิง

Oppewal J. 2025. Global animal production to grow 14% in the next decade. [Internet]. [Cited 2025 Jul 25]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/global-animal-production-to-grow-14-in-the-next-decade/

ภาพที่ในช่วง 10 ปีข้างหน้า การบริโภคเนื้อสัตว์ ปลา และผลิตภัณฑ์นมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากแนวโน้มความต้องการอาหารจากสัตว์ที่สูงขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศรายได้ปานกลางที่มีประชากรและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  (แหล่งภาพ Canva)



วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568

Better Chicken Commitment: สิ่งท้าทายสู่สวัสดิภาพไก่ที่ดีขึ้น

งานวิจัยล่าสุดของ Royal Veterinary College ได้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายที่สำคัญซึ่งเป็นอุปสรรคต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกของสหราชอาณาจักรในการปรับใช้มาตรฐานสวัสดิภาพที่สูงขึ้นตามแนวทางของ Better Chicken Commitment

ความกังวลที่มีมายาวนานเกี่ยวกับสวัสดิภาพของไก่เนื้อแบบทั่วไป ที่ใช้ในการผลิตเนื้อไก่ได้นำไปสู่คำมั่นสัญญาจากผู้ค้าปลีก ร้านอาหาร และผู้ให้บริการอาหารจำนวน ๑๐๔ รายในสหราชอาณาจักรว่า ภายในปี พ.ศ. ๒๕๖๙ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกของพวกเขาจะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดของ Better Chicken Commitment รวมถึงการผลิตด้วยสายพันธุ์ที่เติบโตช้ากว่า ซึ่งให้ผลลัพธ์ด้านสวัสดิภาพที่ดีกว่า อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในระดับกว้างเพื่อใช้สายพันธุ์เหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร

แรงกดดันทางเศรษฐกิจ ความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม และช่องว่างระหว่างพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคกับความตระหนักรู้ได้ชะลอความก้าวหน้า แม้จะมีความสนใจที่เพิ่มขึ้นต่อแนวทางการปรับปรุงสวัสดิภาพสัตว์ปีกก็ตาม

แม้ว่าไก่จะเป็นเนื้อสัตว์ที่มีการบริโภคมากที่สุดในสหราชอาณาจักร แต่มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ผลิตภายใต้มาตรฐานสวัสดิภาพที่สูงขึ้น Better Chicken Commitment ได้กำหนดแนวทางด้านสวัสดิภาพที่อิงหลักวิทยาศาสตร์สำหรับไก่เนื้อ โดยมุ่งแก้ไขข้อกังวลเกี่ยวกับอัตราการเจริญเติบโตที่เร็ว สภาพแวดล้อม ที่อยู่อาศัย ความหนาแน่นของการเลี้ยง และแนวทางปฏิบัติในการฆ่า เพื่อกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาในระดับอุตสาหกรรม

ความท้าทายในการยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพ

เพื่อศึกษาความท้าทายในการบรรลุมาตรฐานสวัสดิภาพที่สูงขึ้น Royal Veterinary College ได้สัมภาษณ์ตัวแทนในอุตสาหกรรมจำนวน ๓๐ รายที่คุ้นเคยกับ Better Chicken Commitment โดยเน้นศึกษาว่าทำไมการเปลี่ยนไปใช้ไก่เนื้อที่โตช้าจึงยังคงเป็นเรื่องยาก

การศึกษานี้ได้รับทุนสนับสนุนจาก Animal Welfare Foundation และ British Poultry Council โดยเผยให้เห็นถึงฉันทามติว่า ไก่สายพันธุ์โตช้ามีสวัสดิภาพที่ดีกว่าไก่เนื้อโตเร็วแบบดั้งเดิมเมื่อเลี้ยงภายใต้สภาพแวดล้อมเดียวกัน อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญเกิดจากต้นทุนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความเต็มใจของผู้บริโภคในการจ่ายเงินเพิ่มเพื่อปรับปรุงสวัสดิภาพ

มุมมองต่อความยั่งยืนและแนวทางแก้ไข

มุมมองด้านความยั่งยืนส่งผลให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวทางที่เป็นไปได้ ผู้ค้าปลีกและตัวแทนอุตสาหกรรม ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Net-Zero โดยมองว่าไก่ราคาถูกเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค และป้องกันการเปลี่ยนไปสู่การนำเข้าไก่ที่มีสวัสดิภาพต่ำ

ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงมองว่าไก่เนื้อโตช้าไม่สามารถทำได้ในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และเสนอให้ปรับปรุงสวัสดิภาพของไก่เนื้อทั่วไป หรือใช้สายพันธุ์ที่มีอัตราการเติบโตปานกลาง เพื่อเป็นทางเลือกที่ประนีประนอม

อย่างไรก็ตาม องค์กรด้านสวัสดิภาพสัตว์ นักวิทยาศาสตร์ และหน่วยงานรับรองมาตรฐาน มีมุมมองที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืน โดยรวมถึงข้อกังวลด้านมลพิษทางน้ำ ความหลากหลายทางชีวภาพ และปัจจัยทางเศรษฐกิจและสังคม มีเหตุผลว่าสวัสดิภาพสัตว์ควรเป็นส่วนสำคัญของการผลิตอาหารอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เป็นลำดับความสำคัญที่แข่งขันกัน

ความสับสนของผู้บริโภคเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและฉลากสินค้า

นอกจากนี้ นักวิจัยยังพบว่า การตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการที่แท้จริง เนื่องจากมีความสับสนเกี่ยวกับกระบวนการผลิตและการติดฉลากสินค้า ผู้เข้าร่วมการศึกษาย้ำถึงความจำเป็นในการปรับโครงสร้างระบบอาหารครั้งใหญ่ ซึ่งรวมถึงแนวทางลดต้นทุนทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับไก่เนื้อโตช้า การปรับปรุงความชัดเจนของฉลากและการตลาดเพื่อให้การเลือกซื้อของผู้บริโภคสอดคล้องกับความต้องการมากขึ้น และแนวทาง "บริโภคน้อยลง แต่เลือกสิ่งที่ดีกว่า" ในการบริโภคเนื้อไก่

ดร. สิยอบัน อเบยซิงเฮ รองศาสตราจารย์ด้านพฤติกรรมสัตว์และวิทยาศาสตร์สวัสดิภาพสัตว์แห่ง Royal Veterinary College และผู้เขียนหลักของงานวิจัยกล่าวว่า "ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าเราจำเป็นต้องมีความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับความคาดหวังของผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรต่อสวัสดิภาพของไก่เนื้อและการติดฉลากสวัสดิภาพ รวมถึงวิธีที่พวกเขาจัดลำดับความสำคัญของสวัสดิภาพเมื่อเทียบกับต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมและราคา นี่เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ขาดหายไป ซึ่งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต้องเผชิญในการประเมินความสำคัญและความเป็นไปได้ของการปรับปรุงสวัสดิภาพไก่เนื้อกว่า หนึ่งพันล้านตัวต่อปีอย่างสมจริง หากการปรับปรุงสวัสดิภาพจะขับเคลื่อนโดยตลาด ผลประโยชน์ด้านสวัสดิภาพต้องมีความสำคัญเพียงพอสำหรับต้นทุนเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้อง ได้รับการยอมรับจากผู้บริโภค และสมดุลกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนอื่น ๆ"

เทสโก้ตั้งเป้ายกระดับสวัสดิภาพสัตว์ปีก

ประเด็นนี้มีความซับซ้อนมาก และเทสโก้ได้ประกาศเสร็จสิ้นการปรับปรุงครั้งใหญ่ในกระบวนการสวัสดิภาพสัตว์ปีกของบริษัท แม้ว่าจะไม่ได้ลงนามใน Better Chicken Commitment แต่เทสโก้จะให้การสนับสนุนทางการเงินเพิ่มเติมแก่ซัพพลายเออร์และเกษตรกรเป็นจำนวนประมาณ ๒,๒๑๖ ล้านบาทต่อปี เพื่อช่วยดำเนินการปรับปรุงสวัสดิภาพไก่และต้นทุนที่เกี่ยวข้อง

 การปรับปรุงครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพทั่วทั้งอุตสาหกรรม และต่อยอดจากแบรนด์ที่มีมาตรฐานสวัสดิภาพสูงของ เทสโก้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เพิ่มพื้นที่ให้ไก่สามารถเคลื่อนไหวได้มากขึ้น นอกจากนี้ การดำเนินการดังกล่าวยังช่วยให้ไก่สามารถเข้าถึงสิ่งเร้าทางสิ่งแวดล้อมได้มากขึ้น เช่น ก้อนฟาง คอนเกาะ วัสดุสำหรับจิก และแสงธรรมชาติ

แคลร์ โลเรนส์ ผู้อำนวยการฝ่ายคุณภาพและความยั่งยืนของ เทสโก้ กล่าวว่า "เราได้ทำงานร่วมกับเกษตรกรชาวอังกฤษอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าไก่สดของเราทุกตัวมีมาตรฐานสวัสดิภาพที่สูงขึ้น โดยมีพื้นที่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐ จากมาตรฐานอุตสาหกรรม คำมั่นสัญญานี้ไม่เพียงแต่สนับสนุนภาคเกษตรกรรมของอังกฤษ แต่ยังช่วยยกระดับมาตรฐานสวัสดิภาพของอุตสาหกรรมสัตว์ปีกในสหราชอาณาจักรอย่างมีนัยสำคัญ ผู้บริโภคสามารถซื้อไก่คุณภาพสูงได้ ในขณะที่ยังคงได้รับความคุ้มค่าที่ดีเยี่ยม"

เอกสารอ้างอิง

Mcdougal T. 2025. Challenges facing the Better Chicken Commitment. [Internet]. [Cited 2025 Jun 6]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/challenges-facing-the-better-chicken-commitment/

ภาพที่ ๑ เพื่อศึกษาความท้าทายในการบรรลุมาตรฐานสวัสดิภาพที่สูงขึ้น Royal Veterinary College ได้สัมภาษณ์ตัวแทนจากอุตสาหกรรมที่มีความคุ้นเคยกับ Better Chicken Commitment โดยมุ่งเน้นไปที่สาเหตุที่ทำให้การเปลี่ยนไปใช้ไก่เนื้อที่เติบโตช้ากว่ายังคงเป็นเรื่องยาก (แหล่งภาพ Mark Pasveer)


วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ปิดโรงงานอาหารสัตว์ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ

 บริษัท อะโซซิเอเต็ดบริติชฟู้ดส์ กำลังพิจารณาหยุดการดำเนินงานหรืออาจปิดโรงงานไบโอเอทานอล วีเวอร์โก ในเมืองฮัลล์ ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตอาหารสัตว์ที่เป็นผลพลอยได้หลักจำนวน ๔๐๐,๐๐๐ ตันต่อปี ต้องยุติลง ทำให้ วีเวอร์โก ซึ่งเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักรหายไปจากตลาด

ประวัติของโรงงานวีเวอร์โก ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๕๖ โดยเป็นการร่วมทุนระหว่างเอบีเอฟ บีพี และดูปองต์ ซึ่งหวังให้ไบโอเอทานอลจากธัญพืชเป็นส่วนหนึ่งของน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์ วีเวอร์โก ใช้ข้าวสาลีอาหารสัตว์กว่า ๑.๑ ล้านตัน จากเกษตรกรเกือบเก้าร้อยราย ในภูมิภาคตะวันออกของอังกฤษ

การผลิตอาหารสัตว์สูงตั้งแต่แรกเปิดโรงงาน

ในช่วงเริ่มต้น วีเวอร์โก เป็นโรงงานผลิตอาหารสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โดยผลิตอาหารสัตว์คุณภาพสูง ๕๐๐,๐๐๐ ตัน ให้กับฟาร์มกว่า ๘๐๐ แห่ง ทั่วสหราชอาณาจักร แต่เนื่องจากรัฐบาลอังกฤษไม่ได้เพิ่มสัดส่วนของไบโอเอทานอลในน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงการเลื่อนการใช้ อี๑๐ ทำให้โรงงานไม่สามารถดำเนินการได้อย่างคุ้มค่า เอบีเอฟจึงตัดสินใจหยุดดำเนินงานชั่วคราวในปี พ.ศ.๒๕๖๐ และปิดโรงงานในปี พ.ศ.๒๕๖๑

เปิดใหม่ในปี ๒๕๖๔ ท่ามกลางอนาคตที่ไม่แน่นอน

เอบีเอฟเปิดโรงงานอีกครั้งในปี พ.ศ.๒๕๖๔ เพื่อกลับมาผลิตอาหารสัตว์ให้กับฟาร์มหลายแห่งในสหราชอาณาจักร แต่ล่าสุดบริษัทได้ประกาศเป็นครั้งที่สามว่ากำลังพิจารณาหยุดหรือปิดโรงงานอีกครั้ง โดยระบุว่า กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเชื้อเพลิงชีวภาพส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจ แม้ว่ากำลังหารือกับรัฐบาลอยู่ แต่ก็ไม่มีการรับประกันว่าจะได้รับผลที่ต้องการ หมายความว่า ผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักรจะหายไปจากตลาดอีกครั้ง ทั้งนี้ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในขณะนี้

เอกสารอ้างอิง

Peijs R. 2025. UK’s largest feed supplier Vivergo faces shutdown. [Internet]. [Cited 2025 May 8]. Available from: https://www.allaboutfeed.net/the-industry/feed-companies/uks-largest-feed-supplier-vivergo-faces-shutdown/

ภาพที่ ๑ รัฐบาลอังกฤษไม่ได้เพิ่มสัดส่วนบังคับของไบโอเอทานอลและได้เลื่อนการนำ อี๑๐ มาใช้ ซึ่งทำให้โรงงานวีเวอร์โกไม่สามารถดำเนินการได้อย่างคุ้มทุน (แหล่งภาพ Canva)



วันพุธที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

สหรัฐฯอ้างหวัดนกระบาดเพราะอาวุธชีวภาพ

 หากข่าวลือเกี่ยวกับการโจมตีทางชีวภาพด้วยโรคปากและเท้าเปื่อยในประเทศฮังการีเป็นเรื่องจริงเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันอาจเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาได้เช่นกัน

ขณะนี้อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของสหรัฐฯ และล่าสุดคืออุตสาหกรรมนม กำลังเผชิญกับการระบาดของไข้หวัดนกชนิดรุนแรง เอช ๕ เอ็น ๑ มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อทั้งอุตสาหกรรมและผู้ผลิต

ดร.แดน เฟรเซน ผู้ประสานงานฉุกเฉินด้านการเกษตร ประจำกรมปศุสัตว์รัฐโคโลราโด แสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่บุคคลที่ไม่หวังดีจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก โดยระบุในที่ประชุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียพันธมิตรด้านปศุสัตว์ เมื่อวันที่ ๒ พฤษภาคมว่า “สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดคือการใช้เชื้อโรคเหล่านี้เป็นอาวุธ โดยเฉพาะโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

ก่อนหน้านี้ในงานเดียวกัน ได้มีการพูดถึงเหตุการณ์บุคคลภายนอกบุกรุกฟาร์มและขโมยสัตว์ปีก ซึ่งมักเป็นฝีมือของนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสัตว์ที่ต้องการ “ช่วยเหลือ” สัตว์ออกไปจากระบบอุตสาหกรรม แต่เฟรเซนได้ตั้งคำถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นหากการบุกรุกและขโมยสัตว์เหล่านี้มีจุดประสงค์ที่เลวร้ายกว่านั้น เช่น การนำสัตว์ที่ติดเชื้อหรือเชื้อตัวอย่างไวรัสไปปล่อยยังฟาร์มอื่นๆ เพื่อให้เกิดการระบาด เหตุการณ์เช่นนี้เป็นไปได้ และอ้างถึงความสงสัยว่า การระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในฮังการีอาจเป็นผลจากการโจมตีทางชีวภาพโดยจงใจแพร่เชื้อ “ถ้าเกิดการโจมตีทางชีวภาพในสหรัฐฯ มันจะไม่ใช่แค่การฆ่าไก่หรือวัวเท่านั้น แต่จะเป็นการบ่อนทำลายความไว้วางใจในอุตสาหกรรม และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจการเกษตรทั้งในระดับท้องถิ่น รัฐ และประเทศ”

โรคอื่น ๆ ที่น่ากังวล

คุณคาเรน ไมเดินบาวเออร์ ผู้ช่วยผู้จัดการโปรแกรมของโครงการป้องกันสารเคมี ชีวภาพ กัมมันตรังสี นิวเคลียร์ และวัตถุระเบิด หรือซีบีอาร์เอ็นอี รวมถึงหัวหน้ากลุ่มด้านความมั่นคงของอาหาร การเกษตร และสัตวแพทย์ แห่งห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ประยุกต์จอนส์ ฮอพกินส์ ได้แสดงความกังวลในประเด็นคล้ายกัน เมื่อถูกถามว่ากังวลเรื่องใดมากที่สุด เธอระบุว่า เป็นการระบาดของโรคสัตว์มากกว่าหนึ่งชนิดในพื้นที่เดียวกัน โดยกล่าวว่า “ตอนนี้แค่การรับมือกับโรคไข้หวัดนก ก็ส่งผลกระทบหนักต่อเจ้าหน้าที่ภาคสนามแล้ว หากมีการระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจอย่างมาก”  มีภัยคุกคามเกิดใหม่หลายประเภทที่ยังไม่ได้กล่าวถึง เช่น โรคพืช ซึ่งอยู่ในความดูแลของหน่วยงานเดียวกัน ทำให้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายเกิดภาวะเหนื่อยล้าและทรัพยากรมีจำกัด “เรากำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา มีแรงกดดันมหาศาลต่อเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่กำลังหมดแรงลงเรื่อย ๆ”

เอกสารอ้างอิง

Graber R. 2025. Intentional spread of HPAI, other diseases a legitimate worry. [Internet]. [Cited 2025 May 6]. Available from: https://www.wattagnet.com/broilers-turkeys/diseases-health/news/15745079/intentional-spread-of-hpai-other-diseases-a-legitimate-worry

ภาพที่ ๑ สหรัฐฯอ้างหวัดนกระบาดเพราะอาวุธชีวภาพ (แหล่งภาพ designersart | BigStockPhoto.com)



วันอังคารที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

ฟาร์มเป็ดฟัวกราส์ในฮังการีเจอหวัดนก

 การแพร่ระบาดของไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในยุโรปมีแนวโน้มลดลง เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อน

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮังการีได้รายงานการระบาดของไข้หวัดนกชนิดรุนแรง สายพันธุ์เอช ๕ เอ็น ๑ เพิ่มอีก ๑๒ ครั้ง โดยทั้งหมดเกิดขึ้นในฟาร์มสัตว์ปีก ตามรายงานที่ส่งไปยังองค์การโรคสัตว์ระหว่างประเทศ การระบาด ๑๐ ครั้งเกิดขึ้นในเขตบาช-กิชกูน และอีกหนึ่งครั้งในเขตเบเกช และโชโกรด-ชานาด ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ โดยในเขตบาช-กิชกูน พบว่าฝูงเป็ดฟัวกราส์เกี่ยวข้องกับการระบาด ๗ ครั้ง ในขณะที่อีกสามครั้งเกิดขึ้นในฟาร์มไก่งวง และหนึ่งครั้งเกิดขึ้นในฟาร์มที่เลี้ยงเป็ดเนื้อและห่านเนื้อ รายงานไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขนาดของฝูงสัตว์ ข้อมูลจากแหล่งข่าวเดียวกันระบุว่า ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว มีการตรวจพบไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสายพันธุ์นี้ในฟาร์มสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ ๒๘๗ แห่งใน ๑๒ เขตของฮังการี โดยเขตที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือบาช-กิชกูน ซึ่งมีฟาร์มติดเชื้อถึง ๒๒๒ แห่ง

ประเทศเดียวในยุโรปที่รายงานการระบาดใหม่ในฟาร์มสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา คือ โปแลนด์ ในโปแลนด์ มีฟาร์มสัตว์ปีก ๕  แห่งที่ตรวจพบเชื้อเอช ๕ เอ็น ๑ ทำให้จำนวนการระบาดในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น ๘๑ ครั้ง มีสัตว์ปีกได้รับผลกระทบโดยตรงมากกว่า ๖.๖๗ ล้านตัว การระบาดล่าสุดเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน และเกิดขึ้นในจังหวัดเกรตเตอร์โปแลนด์ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ ๓๔ การระบาดล่าสุดจาก ๓๕ ครั้งในประเทศ ฝูงสัตว์ที่ติดเชื้อนี้ประกอบด้วยไก่งวงเนื้อสองฝูง ไก่ไข่สองฝูง และเป็ดเนื้อหนึ่งฝูง ตามรายงานของสำนักงานสัตวแพทย์กลางของโปแลนด์

ฟาร์มในยุโรปพบโรคไข้หวัดนกถึง ๒๓๐ ครั้ง

ยุโรปยังคงเผชิญกับการระบาดของไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง ในฟาร์มสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ โดยจำนวนการระบาดในปี พ.ศ.๒๕๖๗ ได้เพิ่มขึ้นเป็น ๒๓๔ ครั้งใน ๑๖ ประเทศ ข้อมูลนี้มาจากคณะกรรมาธิการยุโรป หรืออีซี ณ วันที่ 23 เมษายน ซึ่งระบบข้อมูลโรคสัตว์ของอีซี ใช้ในการติดตามโรคสัตว์ที่มีรายชื่อในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและประเทศที่อยู่ใกล้เคียง

ในปี 2024 เกิดการระบาดของโรคไข้หวัดนก ในประชากรสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ทั้งหมด ๔๕๑ ครั้ง โดย ๒๐ ประเทศในภูมิภาครายงานการระบาดนี้ ฮังการีมีจำนวนการระบาดสูงสุดอยู่ที่ ๙๖ ครั้ง รองลงมาคือโปแลนด์ ๘๑ ครั้ง โดยจำนวนของทั้งสองประเทศเพิ่มขึ้น ๑๒ และ ๒ ครั้งตามลำดับเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ในระบบของอีซี กรณีการติดเชื้อไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ปีกเลี้ยง ได้แก่ ฝูงสัตว์ปีกในครัวเรือน สัตว์เลี้ยงเพื่อความเพลิดเพลิน และสวนสัตว์ จะถูกรายงานแยกต่างหากจากฟาร์มเชิงพาณิชย์ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเพียงเยอรมนีที่รายงานการระบาดใหม่ในกลุ่มนี้ โดยเพิ่มขึ้น ๒  ครั้ง ทำให้ยอดรวมของปี พ.ศ.๒๕๖๘ อยู่ที่ ๑๕ ครั้ง โปแลนด์มีการระบาดของไข้หวัดนกในสัตว์ปีกเลี้ยง ๑๗  ครั้ง ซึ่งเป็นจำนวนสูงสุดของประเทศในปีนี้ รองลงมาคือเยอรมนีและสาธารณรัฐเช็กที่มี ๑๐ ครั้ง ตามระบบของอีซี พบว่า ๑๕ ประเทศได้รายงานการระบาดในกลุ่มนี้รวม ๖๕ ครั้งในปีนี้ ส่วนปี พ.ศ.๒๕๖๗ มีรายงานการระบาดทั้งหมด ๑๔๒ ครั้งใน ๑๗ ประเทศ

หกประเทศพบไข้หวัดนกเพิ่มขึ้นในนกป่า

ณ วันที่ ๒๓ เมษายน มี ๓๐ ประเทศที่ได้รายงานการระบาดของไข้หวัดนก HPAI ในประชากรนกป่าของตนผ่านระบบของคณะกรรมาธิการยุโรป ตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. ๒๐๒๕ โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น ๕๒๑ ครั้ง ตัวเลขนี้รวมถึงการระบาดเพิ่มเติม ๑๔ ครั้งใน ๖ ประเทศ ซึ่งแต่ละประเทศได้รายงานการระบาดเพิ่มขึ้นระหว่าง ๑ ถึง ๕ ครั้งในช่วงเจ็ดวันที่ผ่านมา ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมนี ฮังการี เนเธอร์แลนด์ โปแลนด์ และสวีเดน เพื่อเปรียบเทียบ ในปี พ.ศ. ๒๐๒๔ ระบบของอีซี ได้บันทึกการระบาดของไข้หวัดนกที่เกี่ยวข้องกับนกป่าจำนวน ๙๒๖ ครั้งจาก ๓๒ ประเทศ นอกจากนี้ หน่วยงานสัตวแพทย์ของเบลเยียม ฟินแลนด์ และลิทัวเนีย ยังได้แจ้งต่อองค์การโรคระบาดสัตว์โลก หรือโวอ้า ถึงจำนวนเล็กน้อยของกรณีเพิ่มเติมของไข้หวัดนก เอช ๕ เอ็น ๑ ในประชากรนกป่าของตน

สถานการณ์โรคในสหราชอาณาจักรไม่ได้ถูกติดตามในระบบของอีซีอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มีนกป่าอีก ๙ ตัวที่ตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกเอช ๕ เอ็น ๑  ตามข้อมูลล่าสุดที่รายงานต่อโวอ้า โดยในจำนวนนั้นพบตำแหน่งการระบาดใหม่ ๒ แห่งในนอร์ทยอร์กเชอร์และซัฟโฟล์ก ทางตะวันออกของอังกฤษ นอกจากนี้ ในสหราชอาณาจักร มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมป่าอีก ๑ ตัวที่ตรวจพบเชื้อไข้หวัดนก เอช ๕ เอ็น ๑ H5N1 ตามรายงานของกรมการเกษตรของรัฐบาลอังกฤษ หรือดีฟรา สัตว์ตัวนี้คือ "นากยูเรเชีย" ที่ถูกพบในที่ราบสูงสกอตแลนด์เมื่อสิ้นเดือนมีนาคม

เอกสารอ้างอิง

Linden J. 2025. More Hungarian foie-gras farms hit by avian flu. [Internet]. [Cited 2025 Apr 28]. Available from: https://www.wattagnet.com/poultry-meat/diseases-health/avian-influenza/article/15744160/more-hungarian-foiegras-farms-hit-by-avian-flu

ภาพที่ ๑ ฟาร์มผลิตฟัวกราส์ในฮังการีเจอหวัดนก (แหล่งภาพ Elionas | Bigstock)



วันจันทร์ที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

รัสเซียขึ้นแท่นผู้ส่งออกเนื้อไก่งวงแทนสหรัฐฯ

 รัสเซียกำลังเพิ่มการส่งออกเนื้อไก่งวง โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นในจีน ซึ่งมีการแข่งขันสูง

การส่งออกไก่งวงของรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ ๒๗,๐๐๐ ตันในปี พ.ศ.๒๕๖๗ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น ๓๕,๐๐๐ ตันในปี พ.ศ.๒๕๖๘ และ ๖๐,๐๐๐ ตันในปี พ.ศ.๒๕๗๓ ตามที่อนาโตลี เวลมาตอฟ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมผู้ผลิตไก่งวงแห่งชาติ เปิดเผยในงานประชุมอุตสาหกรรมที่มอสโก ประมาณร้อยละ ๖๐ ของไก่งวงที่รัสเซียส่งออกไปยังจีนสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากซัพพลายเออร์รายใหญ่อื่น ๆ ได้ “ในความเป็นจริง” เขากล่าว “เราสามารถเบียดซัพพลายเออร์รายใหญ่จากตลาดนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ หรืออเมริกาใต้” การส่งออกมีแนวโน้มจะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมไก่งวงในรัสเซีย ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ เกษตรกรรัสเซียผลิตไก่งวงได้ ๔๓๘,๐๐๐ ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓.๘ เมื่อเทียบกับปีก่อน และในปี พ.ศ.๒๕๖๘ การผลิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ ๖ เป็น ๔๖๕,๐๐๐ ตัน ตามการคาดการณ์ของเวลมาตอฟ

ความต้องการลดลง

สถานการณ์ไข้หวัดนกที่เลวร้ายลงและการบริโภคที่ลดลงในตลาดสำคัญเป็นความท้าทายหลักที่อุตสาหกรรมไก่งวงของรัสเซียกำลังเผชิญ เวลมาตอฟกล่าว “นอกจากนี้ เรายังเห็นความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลดลงของการบริโภคเนื้อสัตว์โดยรวม ตัวอย่างเช่น ยุโรปกำลังเผชิญกับแนวโน้มการบริโภคเนื้อสัตว์ทุกประเภทที่ลดลง นอกจากนี้ เนื้อสัตว์มักมีราคาสูงขึ้นจนผู้บริโภคเข้าถึงได้ยากขึ้น” เขากล่าว นอกเหนือจากนั้น ผลกระทบจากนโยบายการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน หรืออีเอสจี และกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่งวงก็นับเป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมเช่นกัน

ปัญหาไข่ฟักเกือบคลี่คลายแล้ว

ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ อุตสาหกรรมไก่งวงของรัสเซียอาจเติบโตได้มากกว่านี้ แต่โรคระบาดไข้หวัดนกส่งผลกระทบต่อการนำเข้าไข่ฟัก ซึ่งกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิตของอุตสาหกรรม เวลมาตอฟ
กล่าว “เราได้นำเข้าไข่ฟักจากยุโรป อเมริกาเหนือ และแคนาดาเป็นหลัก ภายในสิ้นปี พ.ศ.๒๕๖๗ เราผลิตไข่ฟักได้ร้อยละ ๖๖ หรือประมาณ ๓๔ ล้านฟอง ในประเทศของเรา ซึ่งความต้องการในตลาดทั้งหมดคาดว่าจะอยู่ที่ ๕๒ ล้านฟอง” เขากล่าว ในปี พ.ศ.๒๕๖๘ เวลมาตอฟคาดว่าการผลิตไข่ฟักจะเพิ่มขึ้นเป็น ๓๘ ล้านฟอง ขณะที่ความต้องการในตลาดนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น ๕๕ ถึง ๕๖ ล้านฟอง มีโครงการใหม่หลายโครงการที่กำลังอยู่ในระหว่างการหารือ ซึ่งสามารถเพิ่มการผลิตไข่ฟักของรัสเซียได้อีกร้อยละ ๓๐ ถึง ๔๐ ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เอกสารอ้างอิง

Vorotnikov V. 2025. Russia overtakes US as top turkey meat exporter to China. [Internet]. [Cited 2025 May 1]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/russia-has-ousted-the-us-as-the-largest-turkey-meat-exporter-to-china/

ภาพที่ ๑ เนื้อไก่งวงร้อยละ ๖๐ ของรัสเซียส่งให้จีน (แหล่งภาพ Marcel van Hoorn)



วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

องค์การการค้าโลกเตือน!!! วิกฤตการค้าผลิตภัณฑ์เกษตรทั่วโลก

 การค้าระหว่างประเทศของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรกำลังได้รับผลกระทบจากมาตรการทางการค้าของสหรัฐฯ และมาตรการตอบโต้จากจีน รวมถึงประเทศอื่นๆ ตามรายงานขององค์การการค้าโลก

การค้าระหว่างประเทศของผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมีแนวโน้มเติบโตได้ดีภายใต้กฎระเบียบที่มีเสถียรภาพและสามารถคาดการณ์ได้ ซึ่งรัฐบาลแต่ละประเทศยึดถือปฏิบัติ ข้อมูลจากระบบข้อมูลตลาดสินค้าเกษตรที่เผยแพร่เมื่อต้นเดือนนี้ระบุเช่นนั้น

จีนและแคนาดายื่นเรื่องร้องเรียน

สงครามการค้ากลายเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงสำหรับการเจรจาการค้าระดับโลก ซึ่งก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เลือกที่จะวางตัวห่างจากกระบวนการดังกล่าว ขณะที่จีนและแคนาดาได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อการประชุมการค้าระดับโลก เกี่ยวกับมาตรการทางการค้าที่สหรัฐฯ ดำเนินการ ในการหารือขององค์การการค้าโลก หลายประเทศเน้นย้ำถึงความสำคัญของการแก้ไขความขัดแย้งทางการค้าผ่านการเจรจาและความร่วมมือภายใต้กรอบขององค์การการค้าโลก

ภาษีตอบโต้สร้างความตึงเครียดทวีความรุนแรง

การกำหนดอัตราภาษีของสหรัฐฯ ได้กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาจากหลายกลุ่มการค้า เช่น คณะกรรมาธิการยุโรปได้ตัดสินใจเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมจากสินค้าต่างๆ เช่น ข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าว น้ำมันพืช เนื้อสัตว์ปีกและเนื้อวัว ผลไม้ ผัก ถั่ว ไข่ ผลิตภัณฑ์นม และน้ำตาลจากสหรัฐฯ ภายในสหรัฐฯ กระทรวงเกษตรได้จัดสรรงบประมาณ ๓.๓ หมื่นล้านบาท เพื่อสนับสนุนภาคเกษตรกรรมซึ่งกำลังเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นและความไม่แน่นอนของตลาด

ราคาที่เพิ่มขึ้นเป็นแรงขับเคลื่อนมูลค่าการค้า

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน แสดงความเห็นว่าการเคารพกฎการค้าระหว่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากภาคอาหารและเกษตรกรรมมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจ รายงานจากองค์การการค้าโลก ระบุว่า ราคามีบทบาทเพียงเล็กน้อยต่อการเติบโตของมูลค่าการค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรทั่วโลกในปีที่ผ่านมา การค้าผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓ ในด้านมูลค่า ซึ่งใกล้เคียงกับอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔ ของราคาเฉลี่ยสินค้าเกษตรทั่วโลกที่คำนวณเป็นดอลลาร์สหรัฐ ตามสถิติของธนาคารโลก การเพิ่มขึ้นของราคานี้มีสาเหตุหลักจากราคากาแฟ ชา และโกโก้ที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ ๖๔ เมื่อปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมสินค้าดังกล่าว ราคาสินค้าเกษตรโดยรวมลดลงร้อยละ ๘ ซึ่งอาจช่วยเพิ่มปริมาณการค้าสินค้าเกษตรประเภทอื่นๆ

เอกสารอ้างอิง

Braakman J. 2025. WTO sounds alarm on global agricultural trade. [Internet]. [Cited 2025 Apr 30]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/wto-sounds-alarm-on-global-agricultural-trade/

ภาพที่ ๑ การค้าสินค้าเกษตรระหว่างประเทศเติบโตอย่างมีสเถียรภาพ และคาดการณ์ได้จากภาครัฐบาล (แหล่งภาพ Canva)



การผลิตสัตว์จะเติบโตขึ้นร้อยละสิบสี่ในทศวรรษถัดไป

  การผลิตสัตว์เพื่อการบริโภคทั่วโลก รวมถึงสัตว์น้ำ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔ ในช่วง ๑๐ ปีข้างหน้าเนื่องจากประชากรทั่วโลกมีแนวโน้มบริโภคผลิต...