วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ถึงเวลาทบทวนข้อจำกัดการค้าจากหวัดนกแล้ว

 ไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรง สามารถคงสภาพอยู่ได้ในเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุก ข้อเท็จจริงนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการจำกัดการค้าตามหลักการป้องกันไว้ก่อน เพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัส อย่างไรก็ตาม แม้ไวรัสจะคงอยู่ในผลิตภัณฑ์เนื้อดิบ งานวิจัยล่าสุดจากองค์กรระหว่างรัฐบาลระบุว่า ความเสี่ยงในการแพร่เชื้อผ่านช่องทางนี้แทบจะเป็นศูนย์ จึงมีการเสนอให้ทบทวนนโยบายการค้าดังกล่าวอีกครั้ง

จากความรู้และแนวปฏิบัติที่เคยใช้กันมาในอดีต การปิดพรมแดนระหว่างประเทศเมื่อพบการระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ในต่างประเทศดูเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล อย่างไรก็ตาม มีหลายกรณีที่ประเทศต่างๆ ระงับการค้าภายใต้กรอบแนวปฏิบัติเดิม เพียงเพื่อปกป้องการผลิตภายในประเทศ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลด้านโรคระบาด แต่ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ หรือแม้แต่การเมือง การค้าเสรีแม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทุกฝ่ายยอมรับหรือสนับสนุน

เป็นความจริงที่ว่าไข้หวัดนกชนิดรุนแรงโดยเฉพาะสับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ เป็นเชื้อก่อโรคที่มีความสำคัญ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์เป็นหลัก และมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อความมั่นคงด้านอาหารและการค้าระหว่างประเทศ ไข้หวัดนกที่เกิดจากสับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ ๒๕๔๓ เนื่องจากความรุนแรงในการทำให้สัตว์ปีกเสียชีวิต ความสามารถในการติดจากสัตว์สู่คนในบางกรณี และผลกระทบต่อการค้าสินค้าสัตว์ปีกทั่วโลก นอกจากนี้ยังเป็นความจริงว่า เอช ๕ เอ็น ๑ เป็นเชื้อที่คงอยู่ได้นาน  จากการศึกษาทางห้องปฏิบัติการพบว่าไวรัส เอช ๕ เอ็น ๑  สามารถคงสภาพอยู่ในเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุกได้นานกว่า ๖๐ วัน ที่อุณหภูมิ -๑๘ องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่า

ความเสี่ยงที่แท้จริง

ตามทฤษฎีแล้ว ไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสามารถแพร่ข้ามพรมแดนผ่านผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกได้ แต่คำถามคือ ในแง่ของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แล้ว การคงไว้ซึ่งข้อจำกัดทางการค้าที่เกินความจำเป็นนั้นมีเหตุผลมากน้อยเพียงใด? ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา หรือซีดีซี และองค์การสุขภาพสัตว์โลก หรือโวอ้า ได้ระบุไว้ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ ว่า “การที่ไวรัสยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้หมายความว่าจะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้ออย่างมีนัยสำคัญ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกนั้นผ่านการตรวจสุขภาพสัตว์ก่อนและหลังการฆ่า ผ่านกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการควบคุม และมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภคของมนุษย์ จะต้องผ่านการปรุงสุกที่อุณหภูมิสูงกว่า ๗๔ องศาเซลเซียส

องค์การสุขภาพสัตว์โลก ถือว่าการค้าสินค้าเนื้อสัตว์ปีกที่ผ่านการฆ่าและตรวจสอบโดยสัตวแพทย์แล้วเป็นการค้าที่ปลอดภัย แม้จะมาจากประเทศที่มีการระบาดของไข้หวัดนกชนิดรุนแรงก็ตาม ตราบใดที่ผลิตภัณฑ์นั้นไม่ได้มาจากพื้นที่ที่เกิดการระบาดโดยตรง ดังนั้น ข้อเสนอเรื่องการแบ่งเขต หรือโซนนิ่ง ที่องค์กรเดียวกันนี้เสนอ จึงควรได้รับการพิจารณาอย่างเร่งด่วนจากประเทศที่ยังไม่ได้นำแนวทางนี้มาใช้ในการค้าระหว่างประเทศ เมื่อมีการดำเนินการตามกระบวนการผลิตที่ดีในฝั่งผู้นำเข้า เช่น การใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ผ่านการอบด้วยความร้อนในระดับอุตสาหกรรม การห้ามใช้ผลพลอยได้จากเนื้อดิบในอาหารสัตว์ และการตรวจสอบสุขอนามัยตามปกติ ความเสี่ยงในการนำเชื้อ เอช ๕ เอ็น ๑  เข้าสู่สัตว์มีชีวิตจากเนื้อสัตว์นำเข้า ตามเกณฑ์ทางระบาดวิทยาแล้ว ถือว่าใกล้เคียงกับศูนย์

การนำหลักการป้องกันไว้ก่อนมาใช้โดยไม่พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะในกรณีของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตรวจสอบด้านสุขอนามัยและมีวัตถุประสงค์เพื่อการบริโภคของมนุษย์ อาจก่อให้เกิดมาตรการทางการค้าที่ไม่จำเป็นและมีผลกระทบเกินกว่าภัยคุกคามที่แท้จริง การปิดตลาดนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยอย่างมีนัยสำคัญ แต่กลับสร้างภาระทางเศรษฐกิจแก่ประเทศผู้ส่งออก และก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อด้านอาหาร ส่งผลกระทบต่อประชากรที่มีรายได้น้อยเป็นพิเศษ โดยจำกัดการเข้าถึงโปรตีนที่มีคุณค่าทางชีวภาพสูงและอุดมด้วยกรดอะมิโนจำเป็น

การเปลี่ยนกระบวนทัศน์

ภายใต้เงื่อนไขการผลิต การฆ่า และการแปรรูปที่มีการควบคุมเพื่อการบริโภคของมนุษย์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยต่อฝูงสัตว์เชิงอุตสาหกรรมในประเทศอื่น ดังนั้น มาตรการจำกัดทางการค้าที่อ้างอิงหลักการป้องกันไว้ก่อนอย่างเกินจริงจึงขาดพื้นฐานทางเทคนิคและเชิงปฏิบัติ อีกทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการจัดหาผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกในระดับโลก ความสมดุลของตลาด และความเป็นอยู่ทางโภชนาการของประชากรกลุ่มเปราะบาง

มีการเสนอการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ด้านกฎระเบียบ โดยอิงจากความเสี่ยงที่แท้จริง วิทยาศาสตร์ และความเหมาะสมตามสัดส่วน พร้อมทั้งยอมรับความจำเป็นในการอยู่ร่วมกันในโลกที่โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน หมุนเวียนตามธรรมชาติ รวมถึงผ่านช่องทางที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น การอพยพของนกป่า ท้ายที่สุดแล้ว ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกจะมีความเสี่ยงมากไปกว่านกป่าหรือนกอพยพที่มีอยู่แล้วหรือไม่? เราจำเป็นต้องมีแนวทางที่สมดุลสำหรับภาคส่วนของเราและเพื่อความมั่นคงทางอาหารระดับโลก

เอกสารอ้างอิง

Brockötter F. 2025. Human H5N1 avian flu cases can be asymptomatic, and the virus likely spreads among people. [Internet]. [Cited 2025 Oct 31]. Available from:  https://www.poultryworld.net/health-nutrition/health/time-to-reevaluate-avian-influenza-trade-restrictions/

ภาพที่ ๑ ภายใต้เงื่อนไขการผลิต การฆ่า และการแปรรูปที่มีการควบคุมเพื่อการบริโภคของมนุษย์ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านสุขอนามัยต่อฝูงสัตว์เชิงอุตสาหกรรมในประเทศอื่น ๆ (แหล่งภาพ Mark Pasveer)



วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

นักวิจัยชี้ H5N1 ในมนุษย์ไม่แสดงอาการและติดต่อกันได้

 งานวิจัยที่เผยแพร่ล่าสุดในวารสารวิชาการ ค้นคว้าข้อมูลจากงานศึกษาที่รายงานการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูงสับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑ ในมนุษย์ ซึ่งเผยแพร่จนถึงวันที่ ๒๕ สิงหาคมนี้

“ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ มีรายงานการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูงชนิด เอ สับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑ ในมนุษย์มากกว่า ๑,๐๐๐ รายทั่วโลก” “เนื่องจากยังคงมีการระบาดของไวรัสชนิด เอ สับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑ ในสัตว์ การทำความเข้าใจความถี่ของการติดเชื้อในผู้ที่ไม่แสดงอาการจะช่วยให้สามารถประเมินความเสี่ยงด้านสาธารณสุขและกำหนดแนวทางป้องกันการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พบผู้ติดเชื้อสับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑ ในมนุษย์โดยไม่แสดงอาการจำนวน ๑๘ ราย จากรายงาน ๑๐ ฉบับที่ทีมวิจัยรวบรวมได้ โดยในจำนวนนี้ ๒ รายได้รับการยืนยันด้วยทั้งการตรวจระดับโมเลกุลและการตรวจทางเซรุ่มวิทยา (MSC) และอีก ๑๖ รายได้รับการยืนยันด้วยการตรวจระดับโมเลกุลเพียงอย่างเดียว (MC) ผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันการติดเชื้อแบบ MSC (ตรวจพบทั้งระดับโมเลกุลและแอนติบอดี) จำนวน ๒ ราย เป็นผู้ใหญ่จาก ปากีสถาน และ เวียดนาม ถูกตรวจพบจากการสอบสวนผู้สัมผัสใกล้ชิดในครัวเรือนของผู้ป่วยสับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑  รายแรกในบ้านเดียวกัน โดยหนึ่งรายมีประวัติสัมผัสกับไก่ที่ติดเชื้อ ส่วนอีกราย ไม่มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกป่วยหรือตาย จึงเชื่อว่าอาจติดเชื้อจากการแพร่ระบาดระหว่างคนสู่คน ทั้งสองราย ไม่ได้สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ขณะสัมผัสกับผู้ติดเชื้อในบ้านหรือสัตว์ปีกที่ติดเชื้อ

สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันแบบ MC (ตรวจพบระดับโมเลกุลเพียงอย่างเดียว) จำนวน ๑๖ ราย (ผู้ใหญ่ ๑๔ ราย เด็ก ๒ ราย) โดย ๑๑ ราย ตรวจพบจากการเฝ้าระวังเชิงรุกในกลุ่มที่สัมผัสสัตว์ปีกติดเชื้อ สับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑ ได้แก่ ๘ รายในบังกลาเทศ ๒ รายในสเปน ๑ รายในสหราชอาณาจักร อีก ๕ ราย ตรวจพบจากการติดตามผู้สัมผัส ได้แก่ ๓ รายในเวียดนาม ๒ รายในกัมพูชา “การติดเชื้อไวรัส สับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑ ในมนุษย์โดยไม่แสดงอาการนั้นมีรายงานไม่บ่อยนัก โดยส่วนใหญ่ตรวจพบจากการเฝ้าระวังเชิงรุกหรือการสอบสวนผู้สัมผัสในครัวเรือนที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ติดเชื้อที่ทราบแน่ชัด” “จึงจำเป็นต้องมีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบจากผู้ที่อาจติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการ เพื่อใช้ในการวางแผนตอบสนองด้านสาธารณสุขในอนาคต”

ในบทความแสดงความคิดเห็นในวารสารฉบับเดียวกัน ดร.ริก ไบรต์ จากองค์กร ไบรต์ โกลบอล เฮลท์ และ ดร.นิโคล ลูรี จากองค์กรพันธมิตรเพื่อการเตรียมความพร้อมรับการระบาดแห่งนวัตกรรม หรือซีอีพีไอ และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2024 เป็นต้นมา ไวรัสไข้หวัดนกสับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑ สายพันธุ์ย่อย ๒.๓.๔.๔บี ได้แพร่ระบาดใน โคนม โดยมีการยืนยันการติดเชื้อใน ฝูงโคนมมากกว่า ๘๐๐ แห่ง ในอย่างน้อย ๑๖ รัฐของสหรัฐอเมริกา พบระดับไวรัสในปริมาณสูงในน้ำนมดิบ และตรวจพบไวรัสมีชีวิตในเนื้อเยื่อเต้านมและอุปกรณ์รีดนม

มีบันทึกการแพร่เชื้อข้ามสายพันธุ์และการแพร่ระบาดระหว่างสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่นแล้ว รวมถึงแมว สุนัข หนู สัตว์กินเนื้อป่า สัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม และสุกร” “มีการยืนยันผู้ติดเชื้อในมนุษย์ในหลายรัฐ และ ณ กลางปีนี้ มีรายงานผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการประมาณ ๗๐ ราย ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง แต่มีอย่างน้อย ๑ รายเสียชีวิต”

ไบรต์และลูรีระบุว่า ข้อมูลเหล่านี้ ท้าทายความเชื่อเดิมที่ว่า การติดเชื้อสับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑ ในมนุษย์มักมีอาการและรุนแรงเสมอ และไม่เคยมีการแพร่เชื้อจากคนสู่คน “ข้อมูลนี้ยังสะท้อนถึงช่องว่างสำคัญในระบบเฝ้าระวังระดับชาติและระดับโลกหลายแห่ง มักเน้นการตรวจหาโรคที่แสดงอาการ มากกว่าการตรวจหาการติดเชื้อ หรือการตรวจภูมิคุ้มกันที่ตอบสนองขึ้นมาภายหลังการติดเชื้อ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตรวจสอบอย่างละเอียดในกลุ่มผู้สัมผัสที่อาจมีการแพร่เชื้อในระดับจำกัด”

เอกสารอ้างอิง

Van Beusekom M. 2025. Human H5N1 avian flu cases can be asymptomatic, and the virus likely spreads among people. [Internet]. [Cited 2025 Oct 31]. Available from: https://www.cidrap.umn.edu/avian-influenza-bird-flu/review-human-h5n1-avian-flu-cases-can-be-asymptomatic-and-virus-likely  

ภาพที่ ๑ เอช ๕ เอ็น ๑ ในคนมักจะไม่แสดงอาการและแพร่ระบาดระหว่างกันได้   (แหล่งภาพ Alina Rosanova / iStock)



ญี่ปุ่นยืนยันการระบาดหวัดนกครั้งที่สามในฤดูกาลนี้

 หลายประเทศในยุโรปรายงานสัตว์ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูงรายใหม่ในฤดูกาล

จังหวัดนีงาตะ ทางการประกาศเมื่อวันอังคารว่า ได้ยืนยันการระบาดของไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูงในฟาร์มสัตว์ปีกแห่งหนึ่งในเมืองไทไน ถือเป็น การระบาดของไข้หวัดนกครั้งที่สามในฟาร์มสัตว์ปีกของญี่ปุ่นในฤดูกาลนี้ ฟาร์มแห่งนี้มีไก่ไข่ทั้งหมด ๖๓๐,๐๐๐ ตัวจะต้องถูกทำลายเพื่อควบคุมการระบาด ตามรายงานของทางจังหวัด ฟาร์มดังกล่าวแจ้งพบความผิดปกติในเช้าวันจันทร์ รวมถึงจำนวนไก่ที่ตายเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ผลการตรวจเชื้อเบื้องต้นพบว่าเป็นบวก และมีการวิเคราะห์พันธุกรรมอย่างละเอียดเพิ่มเติม การระบาดครั้งแรกของฤดูกาลนี้ได้รับการยืนยันเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ที่เมือง ชิราโออิ ในจังหวัดฮอกไกโด ส่วนการระบาดครั้งที่สองเกิดขึ้นที่เมือง เอนิวะ ในฮอกไกโดเช่นกัน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

เอกสารอ้างอิง

The Japanese Times. 2025. Japan confirms third bird flu outbreak of season. [Internet]. [Cited 2025 Nov 6]. Available from: https://www.japantimes.co.jp/news/2025/11/04/japan/science-health/bird-flu-niigata/

ภาพที่ ๑ เจ้าหน้าที่ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า มีการยืนยันการระบาดของ ไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูง ในฟาร์มสัตว์ปีกแห่งหนึ่งในเมือง ไทไน จังหวัด นีงาตะ (แหล่งภาพ Getty Image)




วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

หวัดนกระบาดครอบคลุมหลายประเทศในยุโรป

 หลายประเทศในยุโรปรายงานสัตว์ป่วยติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูงรายใหม่ในฤดูกาลนี้

สหราชอาณาจักรดูเหมือนจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด ขณะที่เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม ฝรั่งเศส โปแลนด์ และเดนมาร์ก ก็ยืนยันการระบาดในฟาร์มสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์เช่นกัน

สถานการณ์ไข้หวัดนกในสหราชอาณาจักร

ในสหราชอาณาจักร มีการระบาดระลอกใหม่ในช่วงฤดูร้อน ไม่เป็นไปตามฤดูกาลปกติ ส่งผลให้มีการบันทึกสัตว์ป่วยรวมทั้งสิ้น ๘๑ ราย ระหว่างเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ถึงเดือนกันยายนปีนี้ หลังจากนั้น ยังมีการยืนยันผู้ป่วยใหม่อีก ๙ ราย ในฟาร์มสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ ฟาร์มที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ ฟาร์มไก่ไข่แบบปล่อยอิสระจำนวน ๓๒,๐๐๐ ตัว ใกล้เมืองซินวิด การระบาดครั้งที่สองในฟาร์มใกล้เมือง เพนริธ มีไก่ ๓๒,๐๐๐ ตัว การระบาดครั้งที่สามในฟาร์มไก่ไข่แบบปล่อยอิสระจำนวน ๖๘,๐๐๐ ตัว ใกล้เมืองบีเดล

สถานการณ์ไข้หวัดนกในเยอรมนี

ระหว่างวันที่ ๑ กันยายน ถึง ๒๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ตรวจพบการระบาดของไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูงสับไทป์ เอช ๕ เอ็น ๑ ในสัตว์ปีกจำนวน ๑๕ ราย กรณี ครอบคลุม ๗ รัฐของประเทศเยอรมนี สถาบัน ฟรีดริช เลิฟฟ์เลอร์ หรือเอฟแอลไอ ระบุว่า สถานการณ์ไข้หวัดนกในขณะนี้มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ฟาร์มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ ฟาร์มไก่เนื้อในรัฐเมคเลนบูร์ก-ฟอร์พอเมิร์น มีสัตว์ปีกมากกว่า ๓๕,๐๐๐ ตัว เอฟแอลไอ แสดงความกังวลว่า การระบาดในปัจจุบันมีลักษณะคล้ายกับการระบาดครั้งใหญ่ในปี พ.ศ.๒๕๖๔ ถือเป็นหนึ่งในปีที่รุนแรงที่สุดสำหรับไข้หวัดนกในเยอรมนี โดยในปีนั้นมีสัตว์ปีกมากกว่า ๒ ล้านตัว ที่ต้องถูกทำลายเพื่อควบคุมการระบาด

สถานการณ์ไข้หวัดนกในฝรั่งเศส

แม้จะมีการรณรงค์ให้วัคซีนขนาดใหญ่ต่อเนื่องถึง ๒ ปี แต่ ไข้หวัดนกก็กลับมาระบาดในฝรั่งเศสอีกครั้ง กรณีแรกถูกตรวจพบเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม ใกล้เมือง กาเลส์ และตามมาด้วยอีก ๔ จุดที่พบการติดเชื้อ บริเวณชายฝั่งตะวันตก กระทรวงเกษตรของฝรั่งเศสได้ ปรับระดับความเสี่ยงจาก “ต่ำมาก” เป็น “ปานกลาง” อย่างรวดเร็ว พร้อมกันนั้น ได้มีการ เพิ่มความเข้มงวดของมาตรการความมั่นคงทางชีวภาพในฟาร์มสัตว์ปีก

สถานการณ์ไข้หวัดนกในเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม

ในภูมิภาคเบเนลักซ์ ทั้งเนเธอร์แลนด์และเบลเยียม ได้กลับมาใช้มาตรการ สั่งให้เลี้ยงสัตว์ปีกในโรงเรือนอีกครั้ง หลังพบผู้ป่วยรายใหม่หลายกรณี ในเนเธอร์แลนด์ ขณะนี้มีการติดเชื้อใน ฟาร์มไก่ 1 แห่ง

ส่วนในเบลเยียม มีการรายงาน 2 ครั้ง สหภาพเกษตรกร ระบุว่า ได้เรียกร้องให้มีการออกคำสั่งให้เลี้ยงสัตว์ปีกในโรงเรือน และรู้สึกพอใจกับการตอบสนองอย่างรวดเร็วของรัฐมนตรี

 

สถานการณ์ไข้หวัดนกในโปแลนด์

โปแลนด์พบสัตว์ป่วยไข้หวัดนกเกือบ ๑๐๐ ครั้ง โดยมีการรายงาน ๙๔ ครั้ง  ตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ตามข้อมูลจากคณะกรรมาธิการยุโรป แม้ประเทศจะได้รับสถานะ “ปลอดไข้หวัดนก” กลับคืนมาในเดือนพฤษภาคมปีนี้ แต่ก็ต้องรายงานการพบสัตว์ป่วยรายใหม่ ในพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศในเดือนกันยายน

สถานการณ์ในเดนมาร์ก

เดนมาร์กได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยมีการรายงาน ๓ ครั้ง รวมถึงในฟาร์มไก่ไข่ที่เมืองเฟรเดอริเซีย มีไก่ไข่จำนวน ๑๕๐,๐๐๐ ตัว ข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยโดย สำนักงานสัตวแพทย์และอาหารแห่งเดนมาร์ก

เอกสารอ้างอิง

Peys R. 2025. Avian influenza hits most countries in Europe, again. [Internet]. [Cited 2025 Oct 29]. Available from: https://www.poultryworld.net/health-nutrition/health/avian-influenza-hits-most-countries-in-europe-again/

ภาพที่ ๑ ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีการทำลายสัตว์ปีกหลายพันตัว หลังจากมีการยืนยันการระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์ม (แหล่งภาพ Bert Jansen)



วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

เตือนรับมือภัยก่อการร้ายจากสินค้าเกษตร

 ไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูงและเชื้อโรคอื่น ๆ อาจกลายเป็นอาวุธร้ายแรงหากตกอยู่ในมือผู้ไม่หวังดี

การปล่อยเชื้อโรคโดยเจตนาเพื่อบ่อนทำลายเสถียรภาพของสังคม กำลังกลายเป็นภัยคุกคามที่ทวีความรุนแรงขึ้น แม้จะยังไม่ได้รับการตระหนักอย่างกว้างขวางเท่าที่ควร การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตแสดงให้เห็นว่าประเด็นนี้ถูกพูดถึงมาระยะหนึ่งแล้ว แต่กลับพบว่ามีข้อมูลล่าสุดหรือแผนรับมือที่เปิดเผยต่อสาธารณะอยู่น้อยมาก สิ่งนี้เป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจทั่วไปหรือไม่? อาจจะยังไม่มากเท่าที่ควร ตัวอย่างเช่น ในภาพยนตร์ ผู้ก่อการร้ายมักมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานหรือสัญลักษณ์ของอำนาจ มากกว่าการโจมตีปศุสัตว์ และเมื่อสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวปรากฏตัว เป้าหมายก็มักจะเป็นมนุษย์ ไม่ใช่ไก่ หมู หรือแกะ

อย่างไรก็ตาม ตามคำกล่าวของ แดเนียล โดนาชี ผู้จัดการโครงการด้านการจัดการภาวะฉุกเฉินใน องค์การสุขภาพสัตว์โลก หรือโวอ้า แผนกความพร้อมและความยืดหยุ่น เขาระบุว่า ภาคเกษตรกรรมมีห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อนและการเคลื่อนย้ายสัตว์ข้ามพรมแดน เป็นเป้าหมายอ่อนที่ผู้ก่อการร้ายสามารถโจมตีได้ง่าย เขาเสริมว่า ภัยก่อการร้ายทางเกษตร ไม่ใช่คำถามว่า “จะเกิดขึ้นหรือไม่” แต่เป็นคำถามว่า “จะเกิดขึ้นเมื่อใด”

ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ปีก เราได้กลายเป็นผู้ที่คุ้นชินกับความสูญเสียมหาศาลที่ไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูง สามารถก่อให้เกิดขึ้นได้อย่างน่าเศร้า แม้ว่าในปัจจุบันการระบาดของไวรัสจะไม่เป็นไปตามฤดูกาลอย่างที่เคยเป็น แต่ในหลายพื้นที่ทั่วโลก เราก็มีความพร้อมรับมือในระดับที่น่าพอใจ เรื่องของ ไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูงจึงไม่ค่อยสร้างความประหลาดใจอีกต่อไป แต่ลองจินตนาการดูว่า... ถ้าไวรัสนี้ถูกปล่อยออกมาโดยเจตนา จะเกิดอะไรขึ้น?

ข้อเท็จจริงและจินตนาการ

               โดนาชี อ้างถึงนวนิยายเจมส์ บอนด์ปี ค.ศ. ๑๙๖๓ เรื่อง On Her Majesty’s Secret Service ตัวร้ายในเรื่องวางแผนทำลายเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรโดยการปล่อยเชื้อโรคปากและเท้าเปื่อย เพื่อทำลายภาคปศุสัตว์ของประเทศนั้น จากนั้นเขากล่าวต่อว่า ไม่ถึง ๔๐ ปีหลังจากนั้น สหราชอาณาจักรได้เผชิญกับการระบาดของโรคสัตว์ครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยโรคปากและเท้าเปื่อยส่งผลกระทบต่อฟาร์มมากกว่า ๒,๐๐๐ แห่ง และแพร่กระจายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

สหราชอาณาจักรต้องฆ่าสัตว์มากกว่า ๖ ล้านตัว เพื่อควบคุมการระบาดของโรค โดยมีค่าใช้จ่ายมากกว่า ๓.๔ แสนล้านบาท นอกเหนือจากผลกระทบทางการเงินแล้ว การระบาดครั้งนั้นยังส่งผลกระทบอย่างยาวนานต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในด้านสุขภาพจิต การระบาดของโรคปากและเท้าเปื่อยในสหราชอาณาจักรครั้งนั้น เป็นผลจากอาชญากรรมทางเกษตร ไม่ใช่การก่อการร้ายทางเกษตร เกิดจากเกษตรกรรายหนึ่งที่ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ หรือไม่รายงานผลกระทบทันที แต่ผู้เขียนตั้งคำถามว่า หากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นโดยเจตนา ผลกระทบจะรุนแรงเพียงใด? แม้ว่า โรคปากและเท้าเปื่อยจะติดเชื้อในมนุษย์ได้ยาก แต่ถ้าเป็นไวรัสที่สามารถแพร่จากสัตว์สู่คนล่ะ? อาชญากรรมทางเกษตรเกิดขึ้นทุกวัน ในขณะที่ การก่อการร้ายทางเกษตรยังคงเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก แม้จะเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ข้อเสียคือ ประเด็นนี้กลับได้รับความสนใจน้อยมาก

เมื่อเปรียบเทียบรายชื่อโรคสัตว์ขององค์การสุขภาพสัตว์โลก กับบัญชีควบคุมเชื้อโรคสัตว์ของกลุ่มออสเตรเลีย เป็นกลุ่มความร่วมมือไม่เป็นทางการที่มีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ประเทศผู้ส่งออกหรือขนส่งสินค้าลดความเสี่ยงในการสนับสนุนการแพร่กระจายอาวุธเคมีและชีวภาพ พบว่า มีเชื้อโรคที่ตรงกันถึง ๓๒ ชนิด รวมถึงโรคปากและเท้าเปื่อย โรคแอนแทรกซ์ และไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูง โดนาชี ให้ความเห็นว่า รายชื่อโรคของโวอ้าอาจกลายเป็น “รายการช้อปปิ้ง” สำหรับผู้ก่อการร้ายที่ต้องการใช้อาวุธชีวภาพ รัฐบาลและประชาคมโลกจำเป็นต้องเสริมสร้างความมั่นคงทางชีวภาพ และเพิ่มทรัพยากรในการรับมือ โดยดำเนินมาตรการเพื่อพัฒนาระบบป้องกัน และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ภาคเกษตรกรรมยังคงเป็นจุดเปราะบาง ขณะที่ผู้ไม่หวังดีมีความซับซ้อนและก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ นี่ไม่ใช่คำถามว่า “จะเกิดขึ้นหรือไม่” แต่เป็นคำถามว่า “จะเกิดขึ้นเมื่อใด”

เอกสารอ้างอิง

Clements M. 2025. Are we prepared for agroterrorism?. [Internet]. [Cited 2025 Nov 3]. Available from: https://www.wattagnet.com/blogs/poultry-around-the-world/blog/15770809/are-we-prepared-for-agroterrorism

ภาพที่ ๑ ภัยก่อการร้ายทางเกษตร ไม่ใช่คำถามว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่ แต่เป็นคำถามว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด (แหล่งภาพ DavidGallie | Pixabay)



วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ฝรั่งเศสยุติระบบสนับสนุนการคัดเพศลูกไก่ในไข่

 หลังจากการหารือและความขัดแย้งยืดเยื้อนานหลายเดือนเกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณ สำหรับการคัดเพศลูกไก่ในไข่ซึ่งเป็นข้อบังคับ องค์กรอุตสาหกรรมไข่ของฝรั่งเศส หรือซีเอ็นพีโอ ก็ถึงจุดสิ้นสุดของความอดทน คณะกรรมการบริหารมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุติข้อตกลงระหว่างวิชาชีพก่อนกำหนดเกือบหนึ่งปี โดยเดิมข้อตกลงมีกำหนดสิ้นสุดในเดือนกันยายน ปี พ.ศ.๒๕๖๙

ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในเพียงสามประเทศในสหภาพยุโรปที่ออกกฎหมายบังคับให้มีการคัดเพศลูกไก่ในไข่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายลูกไก่เพศผู้จำนวนมหาศาลหลังฟักเป็นตัว เพื่อรองรับต้นทุนที่ประเมินกันว่าเกินกว่า ๑,๕๐๐ ล้านบาทต่อปี จึงมีการทำข้อตกลงกับซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ให้เรียกเก็บเงินสมทบเพิ่มเติมแบบสมัครใจ จากไข่ทุกฟองที่จำหน่าย ตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้ เงินสมทบดังกล่าวอยู่ที่ ประมาณ ๐.๐๑๕ บาทฟอง ทั้งนี้มีแผนจะขยายข้อตกลงนี้ไปยังผู้ค้าส่งและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่น ๆ ในห่วงโซ่อุปทานไข่ภายในเดือนกันยายน พร้อมกับการปรับลดเงินสมทบลงเหลือ ประมาณ ๐.๐๑๒ บาทต่อฟอง

สงครามราคาทำให้ผู้ค้าปลีกลังเลที่จะมีส่วนร่วม

ผู้ค้าปลีกมักลังเลที่จะเข้าร่วมในระบบสนับสนุนนี้มาโดยตลอด เนื่องจากต้องแข่งขันด้านราคาสินค้าอาหารอย่างเข้มข้น เมื่อไม่กี่เดือนก่อน องค์กรของผู้ค้าปลีกได้กล่าวหาว่า ซีเอ็นพีโอ ไม่รับฟังข้อเสนอของพวกเขา และตัดสินใจถอนตัวออกจากสภาอุตสาหกรรมไข่ ล่าสุด ซีเอ็นพีโอ ตอบโต้กลับด้วยการยกเลิกข้อตกลงทางการเงินทั้งหมด

องค์กรได้เปลี่ยนระบบโดยฝ่ายเดียว จากเดิมที่อิงกับการสมทบทุนผ่านการขายไข่ในทุกช่องทางจัดจำหน่าย มาเป็นระบบที่รวมต้นทุนการคัดเพศลูกไก่ในไข่เข้าไว้ในต้นทุนการผลิตของผู้เลี้ยงสัตว์ปีกโดยตรง เพื่อดำเนินการดังกล่าว ต้นทุนนี้จะถูกบรรจุไว้ในดัชนีต้นทุนการผลิตของสถาบันวิจัยอุตสาหกรรมสัตว์ปีก ซีเอ็นพีโอ ระบุว่า “เกษตรกรจะสามารถส่งผ่านต้นทุนเหล่านี้ไปยังทุกขั้นตอนในห่วงโซ่อุปทานได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดจำหน่าย ผู้ประกอบการอาหาร หรือบริษัทแปรรูปไข่ในภาคเกษตรอุตสาหกรรม”

เอกสารอ้างอิง

Ruud Peys. 2025. French finance system for in-ovo sexing collapses. [Internet]. [Cited 2025 Oct 24]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/french-finance-system-for-in-ovo-sexing-collapses/   

ภาพที่ ๑ อีฟส์-มารี โบเดต์ ประธาน ซีเอ็นพีโอ กล่าวว่า “นี่คือการตัดสินใจที่มีความรับผิดชอบและกล้าหาญจากสมาชิกทุกคนในภาคส่วน ช่วยให้ระบบเรียบง่ายขึ้น พร้อมทั้งรักษาความยั่งยืนของแนวทางในการยกระดับสวัสดิภาพสัตว์ ให้สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้บริโภคของเรา” (แหล่งภาพ Canva)



วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เจาะลึกเชื้ออีโคไลในสัตว์ปีกและความท้าทายด้านสุขภาพสัตว์

 งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยเซอร์รีย์และมหาวิทยาลัยบริสตอล ร่วมกับหน่วยสุขภาพสัตว์ปีก ได้ค้นพบสาเหตุที่ทำให้สายพันธุ์ต่าง ๆ ของเชื้อเอเพคมีพฤติกรรมแตกต่างกันอย่างมาก

โดยทั่วไปแล้ว แบคทีเรีย อี. โคไล มักไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่บางสายพันธุ์ที่เรียกว่า อี. โคไล ก่อโรคในสัตว์ปีก หรือเอเพค สามารถทำให้สัตว์ปีกป่วยรุนแรง ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก และกระทบต่อสวัสดิภาพสัตว์ งานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารไวรูเลนซ์ ได้วิเคราะห์การระบาดของโรคโคไลบาซิลโลซิส ในไก่งวงที่สหราชอาณาจักร และพบว่าสายพันธุ์ที่ชื่อว่า เอสที-๑๐๑ เป็นสาเหตุหลักของการระบาด โดยคิดเป็นเกือบร้อยละ ๖๐ ของผู้ป่วยทั้งหมด โดยสายพันธุ์นี้ไม่เคยถูกระบุว่าเป็นสาเหตุหลักของการระบาดในไก่งวงในสหราชอาณาจักรมาก่อน

สายพันธุ์ที่บุกรุกและอยู่รอดได้ดีกว่าเดิม

จากการเปรียบเทียบสายพันธุ์ เอสที-๑๐๑ กับสายพันธุ์เอเพค ที่มีความเสี่ยงสูงหลายชนิด ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซอร์รีย์ นำโดย ดร. ไจ เมหัต ดร. เจมส์ อดัมส์ และ ศาสตราจารย์ โรแบร์โต ลา ราจิโอเนพบว่า สายพันธุ์เอสที-๑๐๑ เอสที-๙๕ และ เอสที-๑๔๐ มีความสามารถในการบุกรุกและอยู่รอดภายในเซลล์เยื่อบุลำไส้ของไก่ รวมถึงเซลล์ภูมิคุ้มกันอย่างมาโครฟาจ ได้ดีกว่า สายพันธุ์ เอสที-๒๓ และเอสที-๑๑๗ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า เอสที-๑๑๗ จะบุกรุกเซลล์ได้ไม่ดีเท่า แต่กลับพบว่าเป็นสายพันธุ์ที่ ก่อโรคได้รุนแรงที่สุด ในแบบจำลองการติดเชื้อในแมลง บ่งชี้ว่า แต่ละสายพันธุ์ของเอเพค อาจก่อโรคด้วยกลไกที่แตกต่างกัน

ศาสตราจารย์ชาห์รียาร์ เบห์บูดี ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยและศาสตราจารย์ด้านการศึกษาความสัมพันธ์ของภูมิคุ้มกัน ณ มหาวิทยาลัยบริสตอล กล่าวว่า “เราสรุปได้ว่า มาตรการควบคุมแบบครอบคลุม เช่น การฝึกฝนระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายไก่ให้ควบคุมสายพันธุ์เชื้อ อี.โคไล ที่หลากหลาย จะให้การป้องกันที่มีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากวัคซีนในปัจจุบันมักออกแบบมาเพื่อป้องกันสายพันธุ์เฉพาะ และอาจไม่สามารถรับมือกับภัยคุกคามจากสายพันธุ์เอเพคที่เกิดขึ้นใหม่ได้”

ดร.ซารา เปเรซ ผู้ร่วมเขียนงานวิจัยและผู้อำนวยการคลินิกแห่งหน่วยสุขภาพสัตว์ปีก กล่าวว่า “การติดเชื้อที่เกิดจาก เอเพค เป็นภัยคุกคามสำคัญต่อสัตว์ปีกที่เลี้ยงในฟาร์ม การเพิ่มการเฝ้าระวังฝูงสัตว์ปีกเพื่อทำความเข้าใจการมีอยู่และวิวัฒนาการของสายพันธุ์ เอเพค จะช่วยส่งเสริมสวัสดิภาพของสัตว์ และส่งผลต่อความปลอดภัยของอาหารของเราโดยตรง”

เอกสารอ้างอิง

Mcdougal T. 2025. Diverse threats posed by avian E. coli. [Internet]. [Cited 2025 Oct 22]. Available from: https://www.poultryworld.net/health-nutrition/health/diverse-threats-posed-by-avian-e-coli/  

ภาพที่ ๑ เชื้ออีโคไลก่อโรคในสัตว์ปีก หรือเอเพค เป็นกลุ่มย่อยของเชื้อ เอสเชอริเชีย โคไล ที่ก่อโรคซึ่งอยู่นอกระบบทางเดินอาหาร โดยสามารถทำให้สัตว์ปีกที่มีความไวต่อการติดเชื้อเกิดโรคได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำไปสู่ภาวะโคไลบาซิลโลซิส colibacillosis ที่แสดงอาการทางคลินิกอย่างชัดเจน (แหล่งภาพ Mcdougal, 2025)



ถึงเวลาทบทวนข้อจำกัดการค้าจากหวัดนกแล้ว

  ไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรง สามารถคงสภาพอยู่ได้ในเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุก ข้อเท็จจริงนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการจำกัดการค้าต...