ราคาอาหารสูง
และอ่อนไหว แต่ไก่สหรัฐฯยังพุ่งสูงทะยานตามความต้องการตลาดโลกสำหรับโปรตีนจากเนื้อสัตว์
เมื่อวันที่
๑๙ เมษายนนี้ สามบริษัทผู้ผลิตไก่รายใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯได้แก่ Pilgrim’s Inc.,
Sanderson Farms และ Perdue
Farms แสดงความเห็นถึงสถานการณ์การผลิตสัตว์ปีกโลก
ราคาอาหารสัตว์เป็นสิ่งท้าทายสำคัญต่อผลประกอบการมาก เนื่องจาก ราคาข้าวโพดสูง
และอ่อนไหว แต่ไก่สหรัฐฯยังพุ่งสูงทะยานตามคาดการณ์ความต้องการตลาดโลกสำหรับโปรตีนจากเนื้อสัตว์
ภาพรวมของอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่สหรัฐฯยังสดใส แม้ว่า จะยังมีความวิตกกังวลกับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์
และความต้องการผู้บริโภค จนกระทั่ง ต้องมีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์
แต่เมื่อคำนวณแล้วยังได้กำไร คาดการณ์ว่า สหรัฐฯจะผลิตไข่ฟักประมาณ ๒๐๐
ล้านฟองต่อสัปดาห์ แม้ว่า ราคาข้าวโพดเฉลี่ยจะสูงถึง ๘ เหรียญฯต่อบุชเชลมากกว่าอดีตที่ผ่านมา
โดยเฉพาะเมื่อสองสถานการณ์ประกอบกันในปีเดียว ได้แก่ ราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ระดับกลางๆ
และภาวะจ้างงานดีขึ้นจะยิ่งกระตุ้นความต้องการไก่
และขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไก่ให้สดใสในปีนี้ มาตรฐานเชื้อเพลิงใหม่ก็จะยิ่งทำให้เกิดความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรม
หลังจากที่อุตสาหกรรมสัตว์ปีกได้รับความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
มีการล้มละลาย หรือปิดกิจการของบริษัท ๑๒ แห่งภายใน ๗ ปี ตั้งแต่มีการบังคับใช้มาตรฐานเชื้อเพลิงใหม่ของสหรัฐฯ
เนื่องจาก ราคาข้าวโพดที่สูง และอ่อนไหว ข้าวโพดสัดส่วน ๔๐ เปอร์เซ็นต์ถูกนำไปใช้ในการผลิตเอธานอลสำหรับการผลิตพลังงานเชื้อเพลิง
อุตสาหกรรมไก่ลดกำลังผลิตลง ๑๐ เปอร์เซ็นต์จากปี ค.ศ. ๒๐๐๗ แต่ก็ยังมีผลกำไรที่ดี เนื่องจาก
ผู้ผลิตไก่อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของโปรตีนจากเนื้อสัตว์ในสภาวะราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพง
เนื่องจาก ไก่มีประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหารได้ดีที่สุดเทียบกับเนื้อแดง
ความสามารถในการแลกเปลี่ยนอาหารของไก่เป็นจุดแข็งสำหรับการแข่งขัน
ยกตัวอย่างเช่น ๑. การผลิตเนื้อโคไม่รวมกระดูก
๑ ปอนด์ต้องใช้อาหารสัตว์ ๑๘ ปอนด์
๒.
การผลิตเนื้อสุกรไม่รวมกระดูก ๑ ปอนด์ ต้องใช้อาหารสัตว์ ๑๑ ปอนด์
๓.
การผลิตเนื้อไก่ไม่รวมกระดูก ๑ ปอนด์ ใช้อาหารสัตว์เพียง ๓ ปอนด์เท่านั้น
นอกเหนือจากนั้น
การเลี้ยงไก่เวลาน้อยลงในการเลี้ยงไก่ให้ถึง ๔ ปอนด์ หรือ ๘ ปอนด์
การใช้วิทยาศาสตร์ด้านพันธุกรรม และโภชนาการ สามารถเลี้ยงไก่ให้ได้ ๔ ปอนด์ภายใน
๓๔ ถึง ๓๕ วันเท่านั้น จากอดีตที่ต้องใช้เวลาถึง ๖ สัปดาห์ให้ได้ไก่ขนาดเดียวกัน และไม่ต้องใช้พื้นที่สำหรับการเลี้ยงมาก
สามารถเลี้ยงไก่ได้น้ำหนักเป็นปอนด์ต่อเอเคอร์เพิ่มขึ้นจากอดีต การผลิตไก่ยังเพิ่มขึ้นในบราซิล
และจีน เนื่องจากประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหารเป็นโปรตีน ผู้ผลิต ๓ รายใหญ่ที่สุดในโลก
ได้แก่ สหรัฐฯ จีน และบราซิล ไก่เป็นเสมือนเครื่องจักรที่ดีที่สุดสำหรับการเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ให้กลายเป็นโปรตีน
ดังนั้น มหาอำนาจอย่างจีนจึงได้ให้ความสำคัญกับไก่เป็นอย่างมาก
พวกเขาได้ตระหนักแล้วว่า โปรตีนจากเนื้อสัตว์จะผลิตได้จากไก่มากกว่าสุกรโดยใช้ข้าวโพดภายในประเทศ
เราจึงเห็นว่า ประเทศจีนกำลังเปลี่ยนทิศทางเป็นการผลิตไก่อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
การแข่งขันในตลาดโลก อุตสาหกรรมไก่มุ่งเน้นการส่งออก โดยเฉพาะ สหรัฐฯ และบราซิล เนื่องจากทั้งสองประเทศสามารถผลิตเมล็ดพันธุ์ภายในประเทศได้
ทั้งสองประเทศมองเห็นโอกาสที่ประชากรโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น ๗.๕ พันล้านคนในปี ค.ศ.
๒๐๒๐ และ ๙ พันล้านคนในปี ค.ศ. ๒๐๕๐ อันจะส่งผลให้มีความต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้น
โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ความต้องการโปรตีนคาดว่าจะเติบโตขึ้น ๗๐.๒
เปอร์เซ็นต์ในแอฟริกา ๔๘.๗ เปอร์เซ็นต์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ๔๗.๗
เปอร์เซ็นต์ในเอเชียเหนือ และ ๔๑.๔ เปอร์เซ็นต์ในตะวันออกกลางเปรียบเทียบกับ ๗.๕
เปอร์เซ็นต์ที่พยากรณ์ไว้สำหรับอเมริกาเหนือ
สหรัฐฯเจริญเติบโต
และผลิตไก่เป็นไปตามความต้องการของตลาดโลก
โดยมีความได้เปรียบหลายๆประการเหนือกว่าคู่แข่งอย่างบราซิล เช่น ระบบการกระจายสินค้า
และการขนส่ง การใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านเพื่อจัดหาข้าวโพด
และกากถั่วเหลืองจากบราซิล และอาร์เจนตินา ตอนนี้ ผู้ผลิตเนื้อสัตว์ และเนื้อสัตว์ปีกของสหรัฐฯ
นำเข้าเมล็ดพันธุ์จากอเมริกาใต้เพื่อต่อสู้กับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์แพง
และอ่อนไหว หลังจากปีที่แล้ว เกิดภาวะแห้งแล้ง และส่งผลให้ความต้องการข้าวโพดของสหรัฐฯ
และมีสินค้าน้อย บริษัทต่างๆจึงเริ่มนำเข้าข้าวโพดจากอเมริกาใต้เป็นครั้งแรก
แหล่งข้อมูล Gray Thornton, Watt Poultry USA (June
13)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น