ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปตัดสินใจห้ามการใช้ฟอร์มัลดีไฮด์ในอาหารสัตว์ปีก
โดยมีการลงคะแนนตัดสินระหว่างการประชุมของคณะกรรมการพืช สัตว์ อาหาร และอาหารสัตว์
(Standing Committee on
Plants, Animals, Food and Feed, SCOPAFF) ทบทวนการอนุญาตใช้ฟอร์มัลดีไฮด์เป็นวัตถุถนอมอาหารสัตว์
และปรับสภาพสุขอนามัยอาหารสัตว์
ยี่สิบหกประเทศสมาชิกลงคะแนนห้ามใช้ฟอร์มัลดีไฮด์ในอาหารสัตว์ปีกอย่างเป็นเอกฉันท์
คณะกรรมาธิการอ้างว่าทั้ง ๒๖ ประเทศลงคะแนนปฏิเสธข้อเสนอ โดยมีเพียง ๑
ประเทศงดออกเสียง และอีก ๑ เสียงมีความเห็นตรงก้นข้าม
โดยคำตัดสินจะเผยแพร่ในวารสารอย่างเป็นทางการของสหภาพยุโรปกำหนดกรอบเวลาถือเป็นอันสิ้นสุดความพยายามในการทบทวนมาตรการนี้ใหม่ที่ใช้เวลายาวนาน
หลังจากตอนแรกคณะกรรมมาธิการแนะนำให้กลับมาอนุญาตให้มีการใช้สารเคมีได้
แต่ประเทศสมาชิกไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้เป็นเวลานานกว่า ๒ ปีแล้ว
สเปน
และโปแลนด์หยุดการใช้ฟอร์มัลดีไฮด์ในอาหารสัตว์แล้ว
เมื่อปีที่แล้ว โปแลนด์
และสเปนหยุดการใช้สารดังกล่าวในอาหารสัตว์ปีกแล้ว เนื่องจาก ข้อกังวลว่าอาจก่อมะเร็ง
และความปลอดภัยสำหรับพนักงาน แม้ว่า อีเอฟเอสเอ จะลงความเห็นว่า
สารประกอบดังกล่าวไม่ได้ก่อมะเร็ง
และสามารถอนุโลมให้ใช้เป็นสารเติมอาหารสัตว์ภายใต้มาตรการป้องกันความปลอดภัยของผู้ปฎิบัติงานอย่างเหมาะสม
ผู้ผลิตฟอร์มัลดีไฮด์เจ้าของผลิตภัณฑ์ตัวเก่งอย่างเทอร์มิน
๘ นาม อะนิท็อกซ์ (Anitox)
ผิดหวังกับการตัดสินใจครั้งนี้อย่างรุนแรงต่อว่าคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปว่า
ไม่เคารพผลการประเมินทางวิทยาศาสตร์ของอีเอฟเอสเอ วิทยาศาสตร์ไม่มีอิทธิพลใดๆอีกแล้วในยุโรป
คำตัดสินครั้งล่าสุดเพิ่งเปิดเผยออกมาภายหลังศูนย์ควบคุมโรคยุโรป
หรือซีดีซีแห่งยุโรปเปิดเผยรายงานว่า
เชื้อซัลโมเนลลาที่ลดลงหลายปีติดต่อกันเริ่มมีแนวโน้มสูงขึ้นอีกครั้ง นับตั้งแต่ปี
ค.ศ.๒๐๑๔ เป็นต้นมา
จำนวนผู้ป่วยด้วยเชื้อซัลโมเนลลาในมนุษย์ของสหภาพยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ๓
เปอร์เซ็นต์ อ้างตามศูนย์ควบคุม และป้องกันโรคยุโรป (อีซีดีซี)
และสำนักงานความปลอดภัยอาหารยุโรป (อีเอฟเอสเอ) โดยเฉพาะ ซ. เอนเทอไรทิดิส
เป็นสาเหตุหนึ่งในหกของโรคอาหารเป็นพิษในปี ค.ศ.๒๐๑๖ แล้วทำไม
สมาคมอุตสาหกรรมการอาหารสัตว์จึงต้องเป็นผู้กระตุ้นคณะกรรมาธิการยุโรปให้กลับมาอนุญาตให้ใช้ฟอร์มัลดีไฮด์ในอาหารสัตว์
อาจเป็นสาเหตุให้ข้อเสนอนี้ถูกตีตกไป เพราะความไม่ไว้วางใจทางการเมือง
แทนที่จะเป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์
ข้อเท็จจริงว่าด้วยซัลโมเนลลา
จำนวนผู้ป่วยซัลโมเนลลาในสหภาพยุโรปไม่ได้ลดลงอีกต่อไป
จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น ๓ เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่ปี ค.ศ.๒๐๑๔ อ้างตามอีซีดีซี
และอีเอฟเอสเอ โดยมีจำนวนผู้ป่วยสูงถึง ๙๔,๕๓๐ รายจากโรคซัลโมเนลโลซิสรายงานในปี
ค.ศ. ๒๐๑๖ เพียงปีเดียว ในจำนวนนี้ ๕๙ เปอร์เซ็นต์มีสาเหตุจากเชื้อ ซ.
เอนเทอไรทิดิส ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการบริโภคไข่ ผลิตภัณฑ์จากไข่
และเนื้อสัตว์ปีก นักวิทยาศาสตร์อีเอฟเอสเอ ยังไม่สามารถอ้างได้ถึงสาเหตุที่ทำให้แนวโน้มของอุบัติการณ์สูงขึ้น
การระบาดของ ซ. เอนเทอไรทิดิส
น่าจะมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มทั้งในมนุษย์ และสัตว์ปีก ขณะนี้
กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเพิ่มเติมโดยเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจด้านสาธารณสุข
และความปลอดภัยอาหาร เพื่อทำความเข้าใจเหตุผลของการเพิ่มขึ้นของโรค อย่างไรก็ตาม
จำนวนผู้ป่วยซัลโมเนลลาเพิ่มขึ้นราว ๗๓ เปอร์เซ็นต์ (เพิ่มจาก ๐.๗ เปอร์เซ็นต์เป็น
๑.๒๑ เปอร์เซ็นต์) นับตั้งแต่ปี ค.ศ.๒๐๑๔ เป็นต้นมา
หลังจากการใช้ฟอร์มัลดีไฮด์ในอาหารสัตว์ของฟาร์มไก่ไข่หยุดใช้ไป เช่นเดียวกันนักวิทยาศาสตร์จากอีซีดีซีแสดงความวิตกกังวลถึงการเพิ่มขึ้นนี้
การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยซัลโมเนลลาจากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคในช่วงที่ผ่านมาเป็นที่น่าวิตก
และเตือนให้เราไม่ประมาท แม้กระทั่งมีการเตือนภัยระดับสูง
และมีแผนการควบคุมระดับชาติสำหรับเชื้อ ซ. เอนเทอไรทิดิส แล้วก็ตาม
ก็ยังจำเป็นต้องมีการจัดการควบคุมความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องในระดับของประเทศสมาชิก
และยุโรป
เอกสารอ้างอิง
McDougal T. 2017. EU member
states decide to ban formaldehyde in poultry feed. [Internet]. [Cited 2017 Dec 22]. Available from: http://www.poultryworld.net/Nutrition/Articles/2017/12/EU-member-states-decide-to-ban-formaldehyde-in-poultry-feed-228694E/
ภาพที่ ๑ ปีที่แล้ว โปแลนด์ และสเปนหยุดใส่ฟอร์มัลดีไฮด์ในอาหารสัตว์ปีก เนื่องจาก
ข้อกังวลว่าจะเป็นสารก่อมะเร็ง และความปลอดภัยสำหรับพนักงานในโรงงานอาหารสัตว์ (แหล่งภาพ
Jan Willem van Vliet)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น