วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

วิธีป้องกันความเสียหายของกระดูกอกแม่ไก่


ผู้เชี่ยวชาญจากทั่วยุโรป เชื่อว่า ความเสียหายของกระดูกอกแม่ไก่เกิดจากหลายปัจจัย ปัญหานี้สามารถลดลงได้อย่างมาก ผลการวิจัยเผยสาเหตุของปัญหา และทางแก้ไข
               การฝึกอบรมเกี่ยวกับ ความเสียหายของกระดูกอกไก่ในแม่ไก่ที่ศูนย์วิจัยการทดลองสัตว์ปีกในเบลเยี่ยม มีการแลกเปลี่ยนความเห็นทางวิชาการล่าสุด ศ. จอห์น ทาร์ลตัน มหาวิทยาลัยบริสตอลมีความชำนาญด้านโรคกระดูก กระดูกของสัตว์ปีกมีวิวัฒนาการสำหรับการให้ไข่ร่วมกันกับไดโนเสาร์ เรียกว่า กระดูกเมดูลาร์ (Medullary bone) กระดูกที่ปราศจากโครงสร้างที่สร้างขึ้นในโพรงไขกระดูกของกระดูกยาว เป็นแหล่งของแคลเซียมที่ใช้ในการสร้างเปลือกไข่ บรรพบุรุษของไก่คือ ไก่ป่าสีแดง สามารถไข่ได้ปีละ ๑๒ ถึง ๒๐ ฟองเท่านั้น ขณะที่ แม่ไก่ไข่ที่เลี้ยงเชิงพาณิชย์ปัจจุบันให้ไข่ราว ๓๕๐ ฟองต่อปี ดังนั้น แม่ไก่ที่เลี้ยงเชิงพาณิชย์จึงต้องการแคลเซียมมากกว่า ๘๐๐ กรัมต่อปี คิดเป็น ๓๐ เท่าของแคลเซียมจากกระดูกทั้งหมด เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ไก่ไข่ที่เลี้ยงเชิงพาณิชย์ แลกเปลี่ยน ๑๐ เปอร์เซ็นต์ของปริมาณทั้งหมดของแคลเซียมเพื่อสร้างเป็นไข่ไก่ ทั้งนี้ต้องขอบคุณกระดูกเมดูลาร์ที่เป็นแหล่งพักพิงของแคลเซียม แหล่งของแคลเซียมนี้เกิดขึ้นก่อนเริ่มไข่ไม่นานเท่านั้น เรียกได้ว่า ก่อนที่แม่ไก่จะสมบูรณ์เพศ
               แคลเซียมในอาหารจะถูกใช้เท่าไร และแคลเซียมจะถูกเคลื่อนย้ายจากกระดูกเมดูลาร์เท่าไร เพื่อสร้างเปลือกไข่ขึ้นกับปริมาณของแคลเซียมที่มีอยู่ในกระดูกในเวลาที่เปลือกไข่ถูกสร้างขึ้น แม่ไก่สามารถสำรองแคลเซียมไว้ในกระดูกได้จำกัด จำเป็นต้องได้รับอาหารที่กินเข้าไปในแต่ละวัน ขณะที่ แม่ไก่ดึงแคลเซียมมาจากแหล่งสำรองแคลเซียในกระดูกในเวลากลางคืน ปราศจากแคลเซียมในอาหาร จึงทำให้มีการเคลื่อนย้ายมาจากกระดูกโครงสร้าง รวมถึง กระดูกเมดูลาร์ การเสียสละแคลเซียมของกระดูกแคลเซียมเพื่อให้ไข่จึงทำให้กระดูกอ่อนแอลง โดยเฉพาะ แหล่งสำรองนี้ไม่สามารถชดเชยได้จากกระดูกเมดูลาร์
               ดังนั้น การเพิ่มแคลเซียมที่ใช้ประโยชน์ได้ในอาหารสัตว์อาจช่วยลดการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูกได้ เช่น อัตราส่วนของแคลเซียม ๗๕ เปอร์เซ็นต์จากอาหาร และ ๒๕ เปอร์เซ็นต์จากกระดูกเมดูลาร์ย่อมดีกว่าอัตราส่วน ๖๐ และ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ การให้ก้อนกรวดปูนขาว หรือเกล็ดเปลือกหอย ที่เป็นแหล่งแคลเซียมจากธรรมชาติจึงมีความสำคัญ จากงานวิจัยโดย Robert Pottgüter ของบริษัทลอห์มัน อาหารสัตว์ของแม่ไก่ต้องประกอบด้วยแคลเซียมสัก ๒ ถึง ๒.๕ เปอร์เซ็นต์ ขนาดของเม็ดแคลเซียมก็มีความสำคัญ เม็ดแคลเซียมที่มีขนาด ๐.๘ มิลลิเมตรจะดูดซึมดีกว่าเม็ดที่ละเอียดมากๆ   

การทำงานของโอเมกา ๓
               กลไกการทำหน้าที่ของกระดูก แบ่งได้เป็น ๓ ระยะ ได้แก่
๑.     ระดับการรับน้ำหนักต่ำ ส่งผลให้มีแรงเพียงเล็กน้อยต่อกระดูก
๒.    ระดับการรับน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น เรียกว่า ระยะอีลาสติก (Elastic phase)” สร้างแรงกดต่อกระดูก แต่กระดูกสามารถฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์
๓.    ระดับการรับน้ำหนักมาก เรียกว่า ระยะพลาสติก (Plastic phase)” กระดูกเกิดความเสียหายแบบกลับคืนไม่ได้ จำเป็นต้องมีการซ่อมแซม และอาจส่งผลต่อการหักของกระดูกได้
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า กระดูกของสัตว์ปีกในระบบการเลี้ยงแบบไม่ขังกรง ช่วยให้กระดูกค่อยๆแข็งแรงขึ้นตลอดการวางไข่ แต่ไม่เพียงพอต่อความทนทานกับอันตรายต่อแม่ไก่ในสิ่งแวดล้อมระหว่างการวางไข่ วิธีการแก้ไขคือ การเติมกรดไขมันโอเมกา ๓ ลงในอาหาร โอเมกา ๓ สามารถเติมลงได้อย่างง่ายๆในรูปของเมล็ดของต้นแฟลคซ์ หรือปลาป่น เป็นประโยชน์ต่อการป้องกันการสูญเสียกระดูก โดยการให้โอเมกา ๓ ช่วยลดอุบัติการณ์กระดูกหักจาก ๖๕ เปอร์เซ็นต์เหลือ ๒๕ เปอร์เซ็นต์ที่อายุ ๕๐ สัปดาห์ และ ๗๐ เปอร์เซ็นต์เหลือ ๔๐ เปอร์เซ็นต์ที่อายุ ๗๐ สัปดาห์
กระดูกแข็งแรงมากขึ้นเพื่อรับน้ำหนักในระยะอีลาสติก ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยกระดูกมีความแข็งแรงมากขึ้นเมื่อรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น เช่น การออกกำลัง และกระดูกอ่อนแอลงเมื่อรับน้ำหนักลดลง เช่น แม่ไก่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่จำกัดการเคลื่อนไหว เช่น กรงตับ เป็นต้น กลไกการควบคุมเฉพาะแห่ง และตามระบบที่ส่งผลต่อการทำหน้าที่ของเซลล์กระดูก และเมตาโบลิซึมของแคลเซียม รวมถึง โกรธฮอร์โมน ฮอร์โมนไทรอยด์ เอสโตรเจน ระดับแคลเซียม และวิตามินดี เพื่อรักษาสุขภาพกระดูกที่ดี วิตามินดีเป็นศูนย์กลางที่มีหน้าที่ควบคุมการทำหน้าที่ของเซลล์กระดูก การดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ และการขับแคลเซียมในไต

ความสำคัญของการปรับระบบ
   ถึงเวลานี้ต้องยอมรับว่าเป็นความจริงที่ว่า การออกกำลัง และการฝึกให้แม่ไก่ออกกำลังช่วยให้กระดูแข็งแรงขึ้น แต่ก็มีสิ่งที่เรียกว่า ความย้อนแย้งของอันตราย (Hazard paradox)” ของศาสตราจารย์ชาวดัทช์ บาส โรเดนเบิร์ก ภาควิชาสัตวศาสตร์ และสังคม คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอูเทร็คท์ ระบบการเลี้ยงสัตว์ปีกที่แม่ไก่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระมีความซับซ้อนมากกว่าระบบการเลี้ยงในกรง ความเสี่ยงต่อกระดูกหักมีมากกว่าอย่างมาก เช่น แม่ไก่ที่มีโอกาสบินได้ตามธรรมชาติก็จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุตกลงมาได้ง่าย ความเสี่ยงของการเกิดกระดูกหักโดยอุบัติเหตุจะน้อยลงในระบบการเลี้ยงแบบกรงจำลองธรรมชาติ (Aviary system) ระบบการเลี้ยงแบบ Portal system มีความปลอดภัยต่อแม่ไก่มากกว่าแบบเดิม Row system เช่น ระบบ Portal system จะมีอุบัติการณ์กระดูกหักส่วนกลางของกระดูกอกต่ำกว่าระบบ Row system ราว ๑๓ เปอร์เซ็นต์ และการติดตั้งระบบ Row system พบว่า ระยะห่างระหว่างแถวมีผลต่อการบาดเจ็บของแม่ไก่ แม่ไก่สีขาวมีน้ำหนักน้อยกว่าแม่ไก่สีน้ำตาล กระโดดได้ไกลกว่า ความชุกของการบาดเจ็บที่กระดูกอกในระบบ Aviary system ที่ใช้พื้นพลาสติกต่ำกว่าลวดตะข่ายราว ๙ เปอร์เซ็นต์
การเพิ่มทางลาดที่ส่วนบนของระบบ Aviary system ช่วยลดกระดูกหักลงได้ ทางลาดพิเศษที่ส่วนบนของระบบช่วยลดการร่วงตกลงมาของแม่ไก่ได้ ๔๕ เปอร์เซ็นต์ ลดการปะทะกันลง ๕๙ เปอร์เซ็นต์ และลดกระดูกหักลงได้ไม่เกิน ๒๓ เปอร์เซ็นต์เปรียบเทียบกับระบบที่ไม่มีทางลาดพิเศษ ระบบ Vencomatic ได้พัฒนาระบบนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว มุมของทางลาดชัดต้องน้อยกว่า ๔๐ เปอร์เซ็นต์ ผลการวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า ชั้นบันไดที่ประกอบด้วยตะข่ายโลหะถูกใช้ดีกว่าโดยการเลี้ยงแม่ไก่ดีกว่าพื้นที่หยาบเหมือนกระดาษทราย ผลการวิจัยก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่า มุมระหว่างขอนเกาะต่างๆมีความสำคัญ เมื่อมุมที่ใช้ในระบบนี้มากกว่า ๓๐ องศา แม่ไก่จะไม่ค่อยอยากกระโดดลงมา และมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นเป็น ๒๒ เปอร์เซ็นต์เปรียบเทียบกับการเลี้ยงบนกรง ๕ เปอร์เซ็นต์ ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า ตำแหน่งที่แม่ไก่กระโดดลงมา มุมต้องน้อยกว่า ๔๕ องศา การกระโดดขึ้นของแม่ไก่มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุน้อยกว่าการกระโดดลง

ความสำคัญของการเลี้ยงไก่รุ่นที่ดี
               ระยะการเลี้ยงไก่รุ่นมีความสำคัญมากต่อการป้องกันความเสียหายของกระดูกอก งานวิจัยเมื่อเร็วๆนี้ แสดงให้เห็นว่า แม่ไก่รุ่นที่เลี้ยงในระบบ Aviary system มีพัฒนาการที่ดีกว่าในแง่ของทักษะการเคลื่อนที่ และดีกว่าการเลี้ยงในกรง โดยเฉพาะ กระดูกหักน้อยกว่า ไม่ส่งผลต่อการผิดรูปของกระดูก พันธุกรรมก็มีบทบาทสำคัญมาก พันธุ์ลูกผสมสีขาวมีการเคลื่อนที่ในระบบ Aviary system ได้ดีกว่าพันธุ์ลูกผสมสีน้ำตาล แม้ว่า พันธุ์ลูกผสมสีขาวจะมีความเสี่ยงต่อกระดูกหักโดยทฤษฏีมากว่าพันธุ์ลูกผสมสีน้ำตาล เนื่องจาก มีระบบกระดูกที่เบากว่า มีโอกาสกระดูกหักน้อยกว่าแม่ไก่สีน้ำตาล เนื่องจาก พันธุ์ลูกผสมสีขาวเบากว่า จึงกระตือรือร้นมากกว่า และบินได้ง่ายกว่า พันธุ์ลูกผสมสีน้ำตาลจึงมีความเสียหายของกระดูกอกมากกว่าพันธุ์ลูกผสมสีขาว โดยเฉพาะที่ส่วนยอดของกระดูกอก ความสัมพันธ์ระหว่างความแข็งแรงของกระดูก และความเสี่ยงของกระดูกหัก พบว่า ปัญหากระดูกหักในสายพันธุ์สีขาวที่คัดเลือกให้ความแข็งแรงของกระดูกสูงจะมีน้อยกว่าสายพันธุ์ที่คัดเลือกให้ความแข็งแรงของกระดูกต่ำ บ่งชี้ถึง ความสำคัญของการคัดเลือกทางพันธุกรรมต่อความเสียหายของกระดูกอก   
  
การออกแบบขอนเกาะ
               เป็นที่ยอมรับกันดีว่า ในระบบที่ไม่เลี้ยงขังกรง ความเสียหายจากกระดูกหักมีมากกว่าระบบการเลี้ยงขังกรง กระดูกหักยังรุนแรงกว่าในระบบที่ไม่เลี้ยงขังกรง การวิจัยเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ที่ผ่านมาใน ๔๗ ฟาร์มจากเบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ที่เลี้ยงในระบบ Aviary system ชนิดต่างๆ พบว่า การบาดเจ็บส่วนใหญ่เกิดขึ้นที่ส่วนกลางของกระดูกอก ความชุกของปัญหาในแม่ไก่ที่พบปัญหากระดูอกอกหักเฉลี่ยเป็น ๘๒.๕ เปอร์เซ็นต์ โดยเกิดจากสาเหตุต่างๆ รวมถึง พันธุกรรม พฤติกรรม สรีรวิทยา และการออกแบบระบบ Aviary system อีกด้วย และยังขึ้นกับจำนวนของทางลาด และพื้น และวัสดุที่ใช้ผลิตอีกด้วย  
ขอนเกาะมีความสำคัญสำหรับการแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติของแม่ไก่ และเพิ่มแรงกดต่อกระดูกอก เนื่องจาก การนั่งเป็นเวลานาน ขอนเกาะโลหะแข็งกระด้างกว่าไม้ แต่ไม้ก็มีโอกาสพบไรแดงมากกว่า ขอนเกาะที่ใช้โฟมพียูหุ้มไว้ช่วยลดแรงกระแทกได้ ในกรณีแม่ไก่บินไปชน นอกจากนั้น โฟมพียูยังช่วยให้เกาะได้แน่นขึ้นจึงลดการตกจากขอนเกาะได้ เนื่องจาก เส้นผ่านศูนย์กลางที่ใหญ่มากขึ้น แรงกดต่อกระดูกอกจึงกระจายน้ำหนักไปได้มากกว่าเดิม ช่วยลดปัญหาการคด และหักของกระดูกได้ อย่างไรก็ตาม โฟมพียูมีความเสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขอนามัย และ/หรือไรแดง การเลี้ยงแม่ไก่ระยะรุ่นไม่เพียงมีความสำคัญต่อการสร้างกล้ามเนื้อ และกระดูกให้แข็งแรง แต่ยังช่วยสร้างความสมดุลของโครงสร้างร่างกาย การใช้ทางลาดก็เป็นประโยชน์ต่อการลดความเสียหายของกระดูกอก ประโยชน์น่าจะมีมากกว่าผลเสียอย่างมาก
เอกสารอ้างอิง
van Doorn D. 2018. Preventing keel bone damage. [Internet]. [Cited 2018 Oct 22]. Available from: https://www.poultryworld.net/Health/Articles/2018/10/Preventing-keel-bone-damage-349301E/
ภาพที่ ๑ การคลำที่บริเวณอกไก่เป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการตรวจสอบความเสียหายของกระดูกอก




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิวัฒนาการเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล

  ขณะที่ วัคซีนช่วยลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคนิวคาสเซิล การระบาดก็ยังพบได้อยู่ โดยมีอัตราการตายสูง และกำจัดสัตว์ที่ติดเชื้อ มีผลกระทบเ...