วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2566

กรดจีเอเอลดปัญหาคุณภาพเนื้ออกในไก่เนื้อ

 กรดกัวนิไดโนอะซิติก (Guanidinoacetic acid, GAA) ในอาหารไก่เนื้อ ช่วยลดปัญหาคุณภาพเนื้ออกไก่

ปัจจุบัน ไก่เนื้อปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้มีกล้ามเนื้ออกใหญ่และหนัก เนื่องจาก ชิ้นส่วนอกไก่เป็นชิ้นส่วนที่มีราคาสูงที่สุดในตลาดค้าปลีกและตลาดร้านจำหน่ายอาหาร อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงพันธุกรรมได้ส่งผลให้ความชุกของโรค เช่น กล้ามเนื้อแข็งเหมือนไม้ หรือวู้ดดี้เบรสต์ (woody breast, WB) และการปรากฏเป็นลายทางสีขาว (white striping, WS) ส่งผลให้กำไรของผู้ผลิตไก่เนื้อลดลงอย่างมาก ปัจจัยอื่นๆ เช่น ไขมันที่รวมกับออกซิเจนในอาหารสัตว์ ก็ส่งผลให้อุบัติการณ์และความรุนแรงของพยาธิสภาพกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น

  ปัจจุบันเริ่มมีงานวิจัยจำนวนมากค้นพบสาเหตุของการเกิดพยาธิสภาพกล้ามเนื้อ หนึ่งในวิธีการในการลดปัญหาเป็นการใช้กรดจีเอเอ ซึ่งผลิตได้เองตามธรรมชาติในเซลล์สัตว์ ช่วยลดอุบัติการณ์ของปัญหานี้ได้ โดยไม่ส่งผลต่อผลผลิตการเลี้ยง เช่น อัตราการเจริญเติบโต

กรดกัวนิไดโนอะซิติก

กรดกัวนิไดโนอะซิติก และอาร์จินีนในอาหารสัตว์เสริมฤทธิ์กันโดยตรงสร้างเป็นครีเอทีน ที่มีบทบาทสำคัญอย่างมากในกระบวนการเมตาโบลิซึมพลังงาน ดังนั้น จึงมีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของสัตว์และเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ตามคำอธิบายของ ดร.เคซีย์ โอเวน นักวิจัยด้านเนื้อสัตว์ และศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สัตว์ปีกที่มหาวิทยาลัยอาร์คันซอ เห็นได้ชัดเจนว่า กรดอะมิโน เช่น อาร์จินีน จำเป็นต้องการสร้างกล้ามเนื้อและโปรตีน

ดร.โอเวน รายงานว่า กลุ่มนักวิจัย เช่น ดร.บิล โดซิเออร์ และคณะที่มหาวิทยาลัยเออร์เบิร์น ได้ประเมินกรดอะมิโนที่สำคัญที่เวลาต่างๆในวงจรการเจริญเติบโตไก่เนื้อ ซึ่งการดึงให้เจริญเติบโตช้าลง ช่วยลดอุบัติการณ์ปัญหากล้ามเนื้ออกได้ อย่างไรก็ตาม ก็ไม่เป็นที่พอใจต่อผู้ผลิตสัตว์ปีก ทั้งผลผลิต ปริมาณเนื้อที่ได้ลดลง และประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหารแย่ลง

ไม่กี่ปีมานี้เอง คณะนักวิจัยอีกกลุ่มที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส เอแอนด์เอ็มได้ประเมินกลยุทธ์ต่างๆ รวมถึง การเสริมอาร์จินีนและวิตามินซี การเพิ่มวิตามินเป็นสองเท่าของปริมาณที่ผสมในพรีมิกซ์ การลดกรดอะมิโน พบว่า การใช้วิตามินซี การเพิ่มวิตามินเป็นสองเท่าของปริมาณที่ผสมในพรีมิกซ์ และผสมผสานกลยุทธ์ร่วมกัน สามารถลดปัญหากล้ามเนื้ออกได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ก็ยังส่งผลกระทบต่ออัตราการแลกเปลี่ยนอาหารด้วยเช่นกัน การเสริมอาหารไก่เนื้อด้วยอาร์จินีนระดับสูงอย่างเดียว ช่วยลดปัญหากล้ามเนื้ออกได้เล็กน้อยเท่านั้น นักวิจัยยังพยายามทดลองใช้ครีเอทีนลดปัญหากล้ามเนื้ออก

ครีเอทีนเคยเป็นความหวังในการลดปัญหาคุณภาพกล้ามเนื้อ แต่มีข้อด้อยด้านความคงตัวในการเสริมอาหารสัตว์ ดังนั้น จึงไม่ประสบความสำเร็จในการลดปัญหาคุณภาพกล้ามเนื้อ อย่างไรก็ตาม ดร.โอเวน อธิบายว่ากรดจีเอเอเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของครีเอทีนที่มีความคงตัวมากกว่าในอาหารสัตว์ กรดจีเอเอสามารถสำรองอาร์จินีน ที่ช่วยขยายหลอดเลือด และหากไม่มีระดับที่สูงอย่างเพียงพอ อาจพบปัญหาการหล่อเลี้ยงเลือดไม่เพียงพอ ส่งผลต่อการพัฒนากล้ามเนื้อ โดยเฉพาะ กล้ามเนื้ออกของไก่

การศึกษากรดจีเอเอ

               ดร.เอ็ดการ์ โอเวียโด-รอนดอน ศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สัตว์ปีก และโภชนาการ มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา ได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยกรดจีเอเอในอาหารไก่เนื้อตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๖๑ ผลการศึกษาแรก บ่งชี้ว่า การเติมกรดจีเอเอที่สัดส่วนร้อยละ ๐.๐๖ ในอาหารสัตว์ช่วยลดปัญหาวู้ดเด้นเบรสต์ ขณะที่ ช่วยให้การเจริญเติบโต ผลผลิตเนื้ออก และประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหารดีขึ้น ผลการศึกษาครั้งนี้ยังพบความแปรปรวนของผลตามสูตรอาหารสัตว์ เช่น สูตรที่ใช้ข้าวฟ่างจะมีความสามารถในการย่อยได้ของอาร์จินีน และเมไทโอนีนต่ำ เนื่องจาก การปรากฏของแคฟิริน และแทนนิน ทำให้ประสิทธิภาพของกรดจีเอเอลดลง

ดร. โอเวียโด-รอนดอน ตั้งข้อสังเกตว่า ด้วยปัจจัยด้านสูตรอาหาร เช่น การปรากฏของตัวให้หมู่เมธิล หรืออาร์จินีนที่เพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญที่จะได้ผลเชิงบวก

ผลการวิจัยล่าสุด

                ดร.โอเวน เพิ่งเสร็จสิ้นการทดลองในห้องปฏิบัติการเพื่อประเมินผลของกรดจีเอเอในสูตรอาหารไก่เนื้อ เพื่อลดปัญหาคุณภาพกล้ามเนื้อ โดยนำเสนอผลการวิจัยที่การประชุมด้านโภชนาการสัตว์ของคานาดาในปี พ.ศ.๒๕๖๖ มานี้เอง

การทดลองแรกใช้กรดจีเอเอร้อยละ ๐.๑๒ พบว่า มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการลดปัญหาวู้ดดี้เบรสต์ การเสริมกรดจีเอเอร้อยละ ๐.๐๖ หรือ ๐.๑๒ ช่วยลดความรุนแรงของไวต์สไตรบ์ปิงได้ ระดับที่เติมลงไปไม่มีผลต่อน้ำหนักมีชีวิตที่โรงงานแปรรูป และไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่ออัตราการแลกเปลี่ยนอาหารเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุมที่อายุ ๕๕ วัน

ในการทดลองครั้งที่ ๒ อัตราการใช้ร้อยละ ๐.๐๘ ในสูตรอาหารลดพลังงานลง ๒ ระดับเป็น ๒๕ หรือ ๕๐ กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมน้อยกว่ากลุ่มควบคุม เมื่อเข้าโรงงานแปรรูปฯไม่พบความแตกต่างของน้ำหนักมีชีวิตสุดท้าย หรือปริมาณเนื้ออก บ่งชี้ว่า กรดจีเอเอช่วยลดปัญหาคุณภาพกล้ามเนื้อ เช่น วู้ดดี้เบรสต์ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผลผลิต

ปัจจัยด้านพันธุกรรม

               ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า กรดจีเอเออาจมีผลต่างกันไปขึ้นกับพันธุกรรมหรือไม่ สองสายพันธุ์หลักที่นิยมเลี้ยงกับทั่วโลกมีโอกาสพบปัญหาคุณภาพกล้ามเนื้อ โดยทั่วไปยิ่งสายพันธุ์ที่มีขนาดอกใหญ่ก็มีโอกาสพบปัญหาคุณภาพกล้ามเนื้อสูงกว่าปรกติอยู่แล้ว แต่กรดจีเอเอสามารถทำงานได้คล้ายคลึงกันไม่ขึ้นกับสายพันธุ์ของไก่  

การวิจัยในอนาคต

ห้องปฏิบัติการของ ดร.โอเวน ยังพยายามผสมผสานการใช้แร่ธาตุชีเลต และสารต้านอนุมูลอิสระ เพื่อลดปัญหาคุณภาพกล้ามเนื้ออีกด้วย กรดจีเอเอตัวเดียวดูเหมือนจะไม่เพียงพอที่จะลดประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหารและการเจริญเติบโต ผู้วิจัยยังไม่ได้ลองเพิ่มอัตราการผสมให้สูงขึ้น และอาจจะลองร่วมทดลองกับพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมบางราย แต่ก็ยังไม่มั่นใจว่า หากเสริมลงไปในระดับที่สูงขึ้นอีกจะยังให้ผลดีขึ้นหรือไม่ ทั้งนี้ต้องคำนึงถึงต้นทุนและผลกระทบเชิงลบด้วย

เอกสารอ้างอิง

Hein T. 2023. Reducing breast myopathies in broilers with Guanidinoacetic acid in diets. [Internet]. [Cited 2023 Sep 29]. Available from: https://www.poultryworld.net/poultry/broilers/reducing-breast-myopathies-in-broilers-with-guanidinoacetic-acid/

ภาพที่ ๑ การให้กรดจีเอเอมีประสิทธิภาพลดอุบัติการณ์ปัญหาคุณภาพกล้ามเนื้อได้ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อผลผลิต (แหล่งภาพ Lexo Salverda)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิวัฒนาการเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล

  ขณะที่ วัคซีนช่วยลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคนิวคาสเซิล การระบาดก็ยังพบได้อยู่ โดยมีอัตราการตายสูง และกำจัดสัตว์ที่ติดเชื้อ มีผลกระทบเ...