วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ฝรั่งเศสเริ่มทำวัคซีนหวัดนกรอบใหม่

 กระทรวงเกษตรฝรั่งเศสซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดนกแล้ว ๖๗.๘๕ ล้านโด๊ส

โครงการทำวัคซีนไข้หวัดนกรอบใหม่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม โดยรัฐบาลฝรั่งเศสอุดหนุนค่าใช้จ่ายร้อยละ ๗๐ ในช่วงสามเดือนแรกของโครงการฯ

ฝรั่งเศสได้เริ่มโครงการให้วัคซีนไข้หวัดนกในสัตว์ปีกรอบแรกตั้งแต่เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ภายหลังเกิดโรคระบาดอย่างร้ายแรงเป็นวางกว้างในฤดูหนาวก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเป็ด เป็นสัตว์ปีกที่มีความไวรับต่อการติดเชื้อโรคไข้หวัดนกมากที่สุด โดยส่วนใหญ่เกิดการระบาดในทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการเลี้ยงเป็ดอย่างหนาแน่นเพื่อป้อนอุตสาหกรรมฟัวกราส์

โครงการทำวัคซีนไข้หวัดนกที่ใหญ่ที่สุด

               ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็ด ๕๐ ล้านตัวได้รับวัคซีนแล้ว เป็นโครงการแรกที่มีการให้วัคซีนจำนวนมากขนาดนี้ในระดับโลก ผลที่ออกมาเป็นที่น่าพอใจมาก ฝรั่งเศสไม่มีรายงานการระบาดของโรคไข้หวัดนกในฤดูหนาว หรือฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคมก็เกิดการระบาดใหม่ในฟาร์มไก่ ในแถบบริทาเนียในทางตะวันตกของประเทศ กระทรวงฯจึงจำเป็นต้องนำเสนอโครงการใหม่นี้ เนื่องจาก ข้อมูลทางระบาดวิทยาบ่งชี้ว่า พบอัตราการติดเชื้อสูงในนกป่า โครงการแรกประสบความสำเร็จไปด้วยดี ต้องขอบคุณความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทุกภาคส่วน ทั้งผู้ผลิตวัคซีน สัตวแพทย์ หน่วยงานด้านเกษตรกรรม ภาครัฐบาล และผู้เลี้ยงสัตว์ปีก ถึงเวลานี้ก็เป็นความสำเร็จ ด้วยประสบการณ์และความรู้ผสานร่วมกันเป็นปฏิบัติการครั้งแรก ภาครัฐบาลได้ริเริ่มโครงการฯใหม่ขึ้น เพื่อป้องกันไวรัสเข้ามา และแพร่กระจายในประเทศ

ผู้ผลิตวัคซีนฝรั่งเศสและเยอรมัน

               โรงงานฯทั้งฝรั่งเศส ซีวา และเยอรมัน บอริงเกอร์ อินเจลเฮม ร่วมกันผลิตวัคซีน ๖๗.๗๕ ล้านโด๊ส โดยในรอบแรก กระทรวงฯเลือกเฉพาะ บอริงเกอร์ อินเจลเฮม เป็นผู้ผลิต แต่กลายเป็นข้อวิพากษ์วิจารณ์ของทั้งภาคปศุสัตว์ และซีวาเอง    

เอกสารอ้างอิง

Peys R. 2024. France begins new avian influenza vaccination round. [Internet]. [Cited 2024 Aug 26]. Available from: https://www.poultryworld.net/health-nutrition/health/france-begins-new-avian-influenza-vaccination-round/

ภาพที่ ๑ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เป็ด ๕๐ ล้านตัวในฝรั่งเศสได้ทำวัคซีนแล้ว   (แหล่งภาพ Canva, 2024)



วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2567

สหรัฐฯ แบนเนื้อไก่เทียม ปรับเข็มทิศวิจัยห้าด้าน

 กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ หรือยูเอสดีเอ เปิดเผยทิศทางระยะยาวสำหรับอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของประเทศ แสดงให้เห็นอนาคตที่แข็งแกร่งข้างหน้า

การผลิตทั้งเนื้อไก่และไข่ คาดว่าจะเติบโตอย่างคงเส้นคงวาไปตลอดถึงปี พ.ศ.๒๕๗๖ หลังจากโรคไข้หวัดนกระบาดหนักจนทำให้ฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่และสัตว์ปีกชนิดอื่นๆลดลงอย่างมากในช่วงปี พ.ศ.๒๕๖๕ ถึง ๒๕๖๖

การประกาศทิศทางในอีกสิบปีข้างหน้าเป็นที่รู้จักกันในชื่อ สภาวะพื้นฐานของเกษตรกรรมสหรัฐฯ ให้ข้อมูลทิศทางระยะยาวสำหรับสินค้าปศุสัตว์ โดยอาศัยสมมติฐานที่จำเพาะบางประการ เช่น ไม่มีการระบาดของโรคสัตว์เกิดขึ้น โดยยังคงนโยบายและข้อตกลงทางการค้าทั้งในประเทศ และต่างประเทศเหมือนเดิม สภาวะอากาศปรกติ และเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่ผันผวน

 สัตว์ปีกยังคงเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ที่บริโภคมากที่สุดในสหรัฐฯ ทั้งไก่และไก่งวงรวมกันก็คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ ๔๖ ของการบริโภคทั้งเนื้อแดง และสัตว์ปีกรวมกันในปี พ.ศ.๒๕๖๖ นอกเหนือจากนั้น สหรัฐฯ ยังเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่ลำดับสองของโลกรองจากบราซิล ในปี พ.ศ.๒๕๖๖ ร้อยละ ๑๖ ของไก่เนื้อที่ผลิตได้ส่งออกไปยังต่างประเทศ

 จากการระบาดของโรคไข้หวัดนก การผลิตไก่ไก่สหรัฐฯตกลงจาก ๙.๔ พันล้านโหลในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็น ๙.๑ พันล้านโหลในปี พ.ศ.๒๕๖๕ คาดการณ์ในอนาคตโดยอาศัยสมมติฐานว่าไม่มีการระบาดของโรคไข้หวัดนกอีก การผลิตไข่ไก่สหรัฐฯก็จะเพิ่มไปคืนกลับได้ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ และจะขยายต่อไปทำลายสถิติ ๑๐.๘ พันล้านฟองในปี พ.ศ.๒๕๗๖ นี้ เมื่อจำนวนประชากร และการบริโภคไข่ไก่ต่อหัวเพิ่มขึ้น

การต่อสู้ทางกฏหมายต่อเนื้อเทียม

               ขณะที่ การพัฒนาเนื้อเทียมทั้งเนื้อไก่ เนื้อวัว และอื่นๆ ถูกจำหน่ายอย่างถูกกฏหมายในสหรัฐฯตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๖ ต่อมาในเดือนกรกฏาคม พ.ศ.๒๕๖๗ รัฐฟลอริดาก็ได้สั่งห้ามจำหน่ายเนื้อเทียม เนื่องจาก รูปแบบของโปรตีนเป็นภัยคุกคามต่อเกษตรกรรม อย่างไรก็ตาม คำสั่งห้ามนี้กำลังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมระหว่างองค์กรกฏหมายที่ไม่แสวงหารายได้ และบริษัทอัพไซด์ฟู้ดส์ ผู้นำด้านการผลิตเนื้อเทียมในประเทศ โดยอ้างว่า คำสั่งห้ามจำหน่ายดังกล่าวไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ และทำลายหลักการตลาดร่วมของประเทศ

การสนับสนุนงานวิจัยใหม่ ๕ ด้าน

               ผู้พัฒนาสายพันธุ์สัตว์ปีก คอบบ์-แวนเทรส เปิดเผยว่า งบด้านการวิจัยในปี พ.ศ.๒๕๖๗ เป็นปีที่สองของโปรแกรม ดังนี้

๑.     โพรเฟต เอไอ ที่วิจัยเกี่ยวกับการใช้เอไอสำหรับการสอบย้อนกลับฟีโนไทป์ที่สัมพันธ์กับสุขภาพแบบแม่นยำ

๒.    แฝดดิจิตอลในการผลิตไก่เนื้อ ที่มหาวิทยาลัยควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย

๓.    การทำความเข้าใจผลของโภชนาการไก่รุ่นตั้งแต่ระยะแรกต่อการผลิตไข่ไก่ และปัจจัยอื่นๆ ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนา

๔.    การพัฒนาสารฆ่าเชื้อ แบคเทอริโอฝาจ ที่ออกฤทธิ์อย่างกว้างขวางในโรงฟัก ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน

๕.    การพัฒนาเซนเซอร์ตรวจสอบไรในโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่ หลังจากปรับมาเลี้ยงไก่ไข่ปล่อยอิสระแล้ว จำนวนไรเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเทียบกับไก่ไข่ขังกรง ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์  

เอกสารอ้างอิง

Hein T. 2024. US poultry industry projections, state ban on cultivated chicken, new funding, lice findings. [Internet]. [Cited 2024 Aug 23]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/us-industry-projections-state-ban-on-cultivated-chicken-new-funding-lice-findings/

ภาพที่ ๑ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ เชื่อว่าการผลิตทั้งเนื้อไก่และไข่จะเติบโตอย่างคงเส้นคงวาไปตลอดถึงปี พ.ศ.๒๕๗๖   (แหล่งภาพ Canva, 2024)

 

วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2567

สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อหวัดนกสิบสามรายแล้ว

 กรมควบคุมโรคสหรัฐฯ หรือซีดีซี รายงานพลผู้ติดเชื้อโรคไข้หวัดนกสับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ รวมแล้ว ๑๓ รายตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา หลังจากรายงานสัตว์ป่วยจากการระบาดเอช ๕ เอ็น ๑ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง 

ผู้ติดเชื้อไวรัสเอช ๕ เอ็น ๑ มีรายงานในสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนเมษายน ในจำนวนนี้สี่รายเกิดจากการสัมผัสโคนมป่วย และเก้ารายติดมาจากสัตว์ปีก ขณะเดียวกัน กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ หรือยูเอสดีเอ รายงานว่า โคนม ๑๙๑ ฝูง ยืนยันการติดเชื้อเอช ๕ เอ็น ๑ ใน ๑๓ รัฐ และยังคงระบาดต่อไป นอกจากนี้ตั้งแต่เดือนเมษายน พบในฟาร์มสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์อีก ๓๕ แห่ง และสัตว์ปีกหลังบ้าน ๒๑ ฝูง รวมแล้วมีสัตว์ปีกที่ได้รับผลกระทบ ๑๘.๖๘ ล้านตัว จากข้อมูลที่มีอยู่ในเวลานี้ ซีดีซีประเมินว่า ความเสี่ยงเอช ๕ เอ็น ๑ ในการระบาดในมนุย์ยังถือว่าต่ำ

ซีดีซี ยังทำงานร่วมกับรัฐมิชิแกน และโคโลราโด เพื่อสืบสวนทางซีโรโลยีต่อเอช ๕ เอ็น ๑ ในคนงานฟาร์มโคนม ที่มีโอกาสได้รับเชื้อจากโค ตัวอย่างจากทั้งสองรัฐจะถูกทดสอบโดยซีดีซีสำหรับการปรากฏของแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสเหล่านี้ ที่บ่งชี้ถึงการติดเชื้อมาก่อน

ก่อนหน้านี้ ผลการศึกษาจากมิชิแกนเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฏาคม ไม่พบแอนติบอดีที่จำเพาะต่อเอช ๕ เอ็น ๑ ในตัวอย่างเลือดที่เก็บจากคนงาน ๓๕ รายที่ทำงานในฟาร์มโคนมรัฐมิชิแกน ซึ่งฝูงโคได้รับการยืนยันแล้วว่ามีผลเลือดเป็นบวกต่อเอช ๕ เอ็น ๑

รัฐมิชิกแนได้บันทึกฟาร์มที่เกิดการระบาดเพิ่มเติมในรัฐจากการศึกษาระยะที่ ๒ ซีดีซี กำลังทำงานร่วมกับทั้งสองรัฐ เพื่อแปลผล และแบ่งปันผลการศึกษาเหล่านี้

คุณลักษณะทางแอนติเจนของเชื้อไวรัสที่แยกได้จากผู้ป่วย ๕ ใน ๙ รายในคนงานสัตว์ปีกรัฐโคโลราโด แสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสยังคงมีคุณสมบัติทางแอนติเจนคล้ายคลึงกับไวรัสที่ถูกพัฒนาเป็นวัคซีนสองชนิดก่อนหน้านี้ ซึ่งซีดีซีได้พัฒนาขึ้นมาร่วมกับโรงงานผู้ผลิตวัคซีน แต่ไม่พบไวรัสจากอีก ๔ ราย จึงไม่ทราบคุณสมบัติของเชื้อไวรัสดังกล่าว

ผลการตรวจแสดงให้เห็นว่า เชื้อไวรัสมีคุณลักษณะทางแอนติเจนคล้ายคลึงกับเคลด ๒.๓.๔.๔บี ที่แยกได้จากคนงานในฟาร์มโคนม ยังรอผลการทดสอบความไวรับต่อยาต้านไวรัส ซีดีซียังคงประสานงานกับห้องปฏิบัติการเชิงพาณิชย์ เพื่อหารือข้อตกลงในการรับรองการทดสอบเอช ๕ สำนักงานถ่ายทอดเทคโนโลยีของซีดีซี และหน่วยโรคไข้หวัดนกกำลังดำเนินงานเพื่อออกใบอนุญาตกับหลายบริษัท และหลายบริษัทสำเร็จลุล่วงไปแล้ว ย้อนหลังไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โคนมในสหรัฐฯได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเป็นครั้งแรก

เอกสารอ้างอิง

Feed Strategy Staff. 2024. CDC: US sees 13 human cases of H5N1 since April. [Internet]. [Cited 2024 Aug 19]. Available from: https://www.wattagnet.com/latest-news/news/15682032/cdc-us-sees-13-human-cases-of-h5n1-since-april

ภาพที่ ๑ สหรัฐฯ พบผู้ติดเชื้อหวัดนกสิบสามรายแล้ว (แหล่งภาพ JegasRa | BigStock.com)



วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2567

การผลิตสัตว์ปีกในบราซิลคาดโตขึ้นอีกปีนี้

 การผลิตสัตว์ปีกในบราซิลคาดว่าเติบโตขึ้นร้อยละ ๑.๘ ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ โดยปริมาณการผลิตอยู่ระหว่าง ๑๕ ถึง ๑๕.๑ ล้านเมตริกตันในปีนี้ สะท้อนให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ๑๔.๘๓ ล้านตัน อ้างอิงตามข้อมูลจากสมาคมโปรตีนจากสัตว์บราซิล หรือเอบีพีเอ (Brazilian Association of Animal Protein, ABPA) 

ในปีหน้า พ.ศ.๒๕๖๘ คาดว่า การผลิตจะอยู่ในช่วง ๑๕.๒๕ ถึง ๑๕.๓๕ ล้านเมตริกตัน เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ ๒.๓ เปรียบเทียบกับปี พ.ศ.๒๕๖๗

การส่งออกเนื้อสัตว์ปีก

               เอบีพีเอ คาดว่าปีนี้ยอดการส่งออกจะถึง ๕.๒๕ ล้านเมตริกตัน เพิ่มร้อยละ ๒.๒ จาก ๕.๑๓๙ ล้านเมตริกตันในปีที่แล้ว และเชื่อว่าปีหน้า ยอดส่งออกอาจทะยานขึ้นเป็น ๕.๓๕ ล้านเมตริกตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๙ จากที่คาดการณ์ไว้ในปี พ.ศ.๒๕๖๗

               การขายเนื้อไก่ภายในประเทศในปี พ.ศ.๒๕๖๗ คาดการณ์ว่ามีอยู่ราว ๙.๘๕ ล้านเมตริกตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๕ จาก ๙.๖๙๔ ล้านเมตริกตันในปี พ.ศ.๒๕๖๖ สำหรับในปีหน้า พ.ศ.๒๕๖๘ การจำหน่ายเนื้อไก่ภายในประเทศน่าจะอยู่ถึง ๑๐ ล้านเมตริกตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๕ เปรียบเทียบกับที่คาดไว้ในปีนี้

การบริโภค 

               การบริโภคอยู่ที่ราว ๔๕ กิโลกรัมต่อคน ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว และในปีหน้า พ.ศ.๒๕๖๘ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น ๔๖ กิโลกรัมต่อคน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒ จากที่คาดไว้ในปีนี้

ควบคุมโรคนิวคาสเซิลได้แล้ว 

               ภายหลังการยืนยันโรคนิวคาสเซิลไปแล้วในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกเมื่อวันที่ ๑๗ กรกฏาคม บราซิลได้เดินหน้าเปิดตลาดใหม่อีกครั้ง และกำลังฟื้นฟูการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์

               กระทรวงเกษตรและปศุสัตว์ หรือมาป้า (Ministry of Agriculture and Livestock, Mapa) รายงานการระบาดควบคุมไว้ได้แล้วต่อโวอ้าเมื่อวันที่ ๒๕ กรกฏาคมที่ผ่านมา เอกสารทางการได้ถูกบันทึกไว้แล้วล่าสุดเมื่อวันที่ ๒๖ กรกฏาคม บ่งชี้ว่า ไม่มีการระบาดของโรคอีกต่อไปในประเทศ  รัฐบาลบราซิลรอคอยการยกเลิการนำเข้าจากประเทศผู้ซื้อสินค้า เพื่อฟื้นฟูการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกของบราซิลให้กลับมาเหมือนเดิม

               รายงานที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ของโวอ้าอ้างถึงการสอบสวนด้านระบาดวิทยาโดยหน่วยงานบริการด้านสัตวแพทย์ของรัฐ ไม่พบสัตว์ที่แสดงอาการสัมพันธ์กับโรคนิวคาสเซิลอีกแล้วในพื้นที่โดยรอบ และพื้นที่เฝ้าระวังโรค ยังไม่ทราบแหล่งต้นตอของโรค       

เอกสารอ้างอิง

Azevedo D. 2024. Poultry production in Brazil forecast to grow 1.8% in 2024. [Internet]. [Cited 2024 Aug 14]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/brazil-poultry-production-forecast-to-grow-1-8-in-2024/

ภาพที่ ๑ เอบีพีเอรายงานยอดส่งออกบราซิลแตะ ๕.๒๕ ล้านเมตริกตัน (แหล่งภาพ Azevedo, 2024)



วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2567

ไมโครเอนแคปซูเลชันช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร และการใช้อาหาร

อุตสาหกรรมสัตว์ปีกกำลังวิวัฒนาการไปตามความต้องการด้านการผลิตอย่างยั่งยืน และผลิตภัณฑ์ปลอดยาปฏิชีวนะ เทคโนโลยีเอนแคปซูเลชันเป็นความหวังใหม่สำหรับการนำส่งผลิตภัณฑ์ทางเลือกที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร และประสิทธิภาพการใช้อาหารสัตว์

ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ ๒๐ เป็นต้นมา อุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปีกได้พัฒนาอย่างมากทั้งด้านโภชนาการ พันธุกรรม สัตวแพทย์ และการจัดการ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหาร การเจริญเติบโต และปริมาณเนื้อดีขึ้นกว่าในอดีตมาก ล่าสุดมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัยอาหารจากการเลี้ยงสัตว์ ผู้บริโภคก็ต้องการ ฉลากสะอาด (clean labels)” และยินดีจ่ายเงินเพิ่มสำหรับเนื้อสัตว์ที่ปลอดจากยาปฏิชีวนะตกค้าง และเลี้ยงสัตว์ในสิ่งแวดล้อมที่ปลอดโรค

ดังนั้น อุตสาหกรรมสัตว์ปีก และพันธมิตร จึงลดหรือเลิกใช้ยาผสมอาหาร ผลิตภัณฑ์ททางเลือกที่มีคุณสมบัติยับยั้งเชื้อจุลชีพ เช่น กรดอินทรีย์ แร่ธาตุ สมุนไพร และน้ำมันหอมระเหย จึงถูกนำเสนอออกมาเพื่อทดแทนในอาหารสัตว์ปีก เพื่อลดปริมาณเชื้อจุลชีพในลำไส้

การนำส่งผลิตภัณฑ์ทางเลือกแบบมุ่งเป้าหมาย 

ผลิตภัณฑ์ทางเลือกใหม่ส่วนใหญ่ เช่น กรดอินทรีย์ แร่ธาตุ สมุนไพร และน้ำมันหอมระเหย ทั้งเดี่ยว และรวม ไม่สามารถลดปริมาณเชื้อจุลชีพโดยรวมได้โดยตรงในลำไส้เหมือนกับยาปฏิชีวนะ แต่เป็นการปรับสมดุลของจุลชีพในทางเดินอาหารโดยยับยั้งแบคทีเรียที่ก่อโรค ขณะที่ สนับสนุนการหมักของเชื้อที่เป็นประโยชน์ จึงเป็นการส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหารผ่านกลไกอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนพีเอชในลำไส้ รักษาสารมิวซินที่ปกป้องทางเดินอาหาร คัดเลือกจุลชีพที่เป็นประโยชน์ ช่วยให้กรดสำหรับการหมักทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มการดูดซึมสารอาหาร และกระตุ้นการตอบสนองภูมิคุ้มกันในกระแสเลือด

น้ำมันหอมระเหย เป็นที่ยอมรับกันมานานสำหรับการต่อต้านเชื้อจุลชีพ และได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากปรากฏเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ หนึ่งในสารเมตาโบไลต์ที่เกิดขึ้นจากส่วนต่างๆของพืชนั้น น้ำมันหอมระเหยเป็นทางเลือกที่เป็นความหวังสำหรับการผลิตปศุสัตว์ ผลการวิจัย แสดงให้เห็นว่า ประสิทธิภาพในการลดเชื้อก่อโรคอาหารเป็นพิษ และกลไกการออกฤทธิ์ได้ทำให้น้ำมันหอมระเหยเป็นที่สนใจของนักวิชาการอย่างมากสำหรับความสามารถในการต่อต้านเชื้อจุลชีพดื้อยา และเชื้อก่อโรค กลยุทธ์ที่ใช้กับน้ำมันหอมระเหยสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตได้ เมื่อถูกใช้อย่างเหมาะสม

กรดอินทรีย์ใช้ลดระดับพีเอชในลำไส้เล็กของสัตว์กระเพาะเดี่ยว เช่น สุกร และสัตว์ปีก นอกจากนั้น ยังช่วยเพิ่มความต้านทานต่อการติดเชื้อแบคทีเรียก่อโรค นอกเหนือจากการทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อจุลชีพแล้ว กรดอินทรีย์ และเกลือ ยังส่งผลบวกต่อความสามารถในการย่อยได้ การดูดซึมสารอาหาร และผลผลิตของลูกสุกรหย่านม และสุกรขุน

กลไกการออกฤทธิ์

              การต่อต้านเชื้อจุลชีพสามารถอธิบายได้ด้วยสองกลไก เริ่มจากระดับพีเอชที่ลดลงต่ำกว่า ๖ ในกระเพาะ ที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรค เช่น โคลิฟอร์ม ถัดมา กรดอินทรีย์ยังสามารถแทรกเข้าไปในรูปที่ไม่แตกตัวผ่านผนังเซลล์แบคทีเรียแล้วทำลายเชื้อจุลชีพบางชนิดได้

               การออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย หรือยับยั้งเชื้อแบคทีเรียของกรดอินทรีย์ เป็นผลมาจากการทำงานโดยตรงของไอออนประจุลบบนผนังเซลล์ สำหรับการทำงานของกรดอินทรีย์โดยการยับยั้งเชื้อแบคทีเรียอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องถูกนำส่ง แล้วแตกตัวในลำไส้ใหญ่ ซึ่งแบคทีเรียที่เป็นอันตรายส่วนใหญ่ เช่น อี. โคไล อาศัยอยู่ แทนที่จะเป็นลำไส้เล็ก

               ประโยชน์ของการใช้สารปรับสภาวะความเป็นกรด และกรดอินทรีย์สำหรับสัตว์ปีก อาจได้ผลดีในอาหารลูกสุกรระยะแรก เนื่องจาก ยังสร้างกรดเกลือได้น้อยกว่าในลูกไก่ นอกเหนือจากนั้น กรดอินทรีย์ยังถูกทำให้เป็นกลางได้อย่างรวดเร็วในลำไส้เล็ก ยกเว้น ถูกนำส่งไปยังลำไส้เล็กส่วนท้ายลงไป

               การเตรียมผลิตภัณฑ์กรดอินทรีย์ในรูปไมโครเอนแคปซูเลชัน และส่วนประกอบของแร่ธาตุค่อยๆปล่อยอย่างช้าๆ เพื่อนำส่งสารเติมอาหารสัตว์ไปยังลำไส้เล็กส่วนต้น และถัดๆมา กำลังนำมาใช้ในการปรับปรุงสุขภาพทางเดินอาหารในสัตว์ปีก และช่วยลดการใช้ยาปฏิชีวนะในอาหารสัตว์

ไมโครเอนแคปซูเลชัน: วิธีนำส่งสารไปยังเป้าหมาย 

               ในปี พ.ศ.๒๕๕๐ นักวิจัยได้ทดลองกับลูกสุกรที่ได้รับอาหารที่ประกอบด้วยกรดอินทรีย์ในรูปไมโครเอนแคปซูเลชันที่ระดับต่ำกว่าอัตราปรกติ ๑๐ เท่า พบว่า ให้ผลการตอบสนองต่อการลดอัตราลูกสุกรท้องเสียลงได้ใกล้เคียงกัน นั่นหมายความว่า การใช้กรดอินทรีย์ในรูปไมโครเอนแคปซูเลชันที่ระดับต่ำลง มีประสิทธิภาพ และคุ้มค่าต่อการลดจำนวนลูกสุกรท้องเสียได้

               ในการศึกษาในสัตว์ที่ใช้เทคโนโลยีไมโครเอนแคปซูเลชันของแม็กซ์เพอร์ฟอร์แมนซ์ เพื่อให้การปล่อยสารกรดอินทรีย์ไปยังเป้าหมายได้อย่างแม่นยำโดยการเติมลงในอาหารลูกสุกร ช่วยเพิ่มความสูงของวิลไล ลดอาการท้องเสียในลูกสุกร และการแลกเปลี่ยนอาหารดีขึ้น หมายความว่า อัตราการเพิ่มน้ำหนัก และระยะเวลาการเลี้ยงส่งตลาดเร็วขึ้นกว่าเดิม ไมโครเอนแคปซูเลชันกำลังถูกใช้ในการนำส่งสารที่ออกฤทธิ์ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย โดยผลิตภัณฑ์ประกอบด้วย กรดอินทรีย์ ซิงค์ออกไซด์ ทองแดง และอื่นๆที่มีการจำหน่ายเชิงพาณิชย์

               นอกจากนั้น เทคโนโลยีนี้ยังประสานกับเทคโนโลยีการเคลือบผิวผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วซึมของสารออกฤทธิ์ โดยเคลือบด้วยขนาดและรูปร่างแตกต่างกันไป เช่น ภาพภายใต้กล้องจุลทรรศน์จะสังเกตเห็นการเคลือบสารล้อมรอบอนุภาคสารออกฤทธิ์ที่เป็นกลุ่มสมุนไพร และน้ำมันหอมระเหย เมื่อเคลือบอนุภาคของผลิตภัณฑ์เป็นอย่างดีแล้ว การรั่วซึมของสารออกฤทธิ์ก็จะได้รับการป้องกัน เพื่อให้การทำงานของสารกลุ่มสมุนไพรยังมีประสิทธิภาพสามารถนำส่งไปยังลำไส้ใหญ่ เพื่อส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร หรือเปลี่ยนแปลง หรือส่งเสริมการเจริญเติบโตของเชื้อจุลชีพที่เป็นประโยชน์ในลำไส้ได้

กรณีศึกษา: การส่งเสริมการแลกเปลี่ยนอาหารและการเจริญเติบโต

               ส่วนผสมของกรดอินทรีย์ แร่ธาตุ กับสารที่มีคุณสมบัติยับยั้งการเจริญเติบโตแบคทีเรียอย่างวิตามิน ซี (กรดแอสโคบิก) สารต่อต้านอนุมูลอิสระ และน้ำมันหอมระเหย ในรูปไมโครเอนแคปซูเลชัน ในอาหารไก่เนื้อ อัตราการผสม ๕๐ กรัมต่อตันอาหารสัตว์          

               วัตถุประสงค์ก็เพิ่มการออกฤทธิ์ของสารต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และลดปริมาณเชื้อจุลชีพในลำไส้ ดังนั้น จึงช่วยเพิ่มการแลกเปลี่ยนอาหารและการเจริญเติบโตต่อวัน

               การแลกเปลี่ยนอาหารดีขึ้นร้อยละ ๑๘ ขณะที่ อัตราการเจริญเติบโตเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๓ ข้อมูลเหล่านี้บ่งชี้ว่า ไมโครเอนแคปซูเลชันเป็นระบบนำส่งตรงสู่เป้าหมายที่สามารถนำส่งกรดอินทรีย์ แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ และน้ำมันหอมระเหยไปยังลำไส้เล็ก และช่วยให้สุขภาพทางเดินอาหารดีขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการใช้อาหาร และอัตราการเจริญเติบโตในสัตว์ปีก จึงช่วยลดการใช้ยาปฏิชีวนะที่ต่ำกว่าระดับการรักษาในอาหารสัตว์ได้

เอกสารอ้างอิง

Maxx Performance. 2024. Using microencapsulation to improve gut health and feed efficiencya. [Internet]. [Cited 2024 Aug 2]. Available from: https://www.poultryworld.net/health-nutrition/health/using-microencapsulation-to-improve-gut-health-and-feed-efficiency/

ภาพที่ ๑ ไมโครเอนแคปซูเลชันช่วยส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร และการใช้อาหาร (แหล่งภาพ Anne van der Woude)



วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2567

อังกฤษผลิตปุ๋ยขี้ไก่ใหม่อุดมไปด้วยสารอาหารบำรุงพืช

 นิวควิป ผู้แทนจำหน่ายของบิ๊กดัทช์แมน ในสหราชอาณาจักร กำลังทำงานร่วมกับผู้ผลิตสัตว์ปีก เพื่อผลิตปุ๋ยคุณภาพสูงจากมูลไก่ดิบ   

ผู้ผลิตสัตว์ปีกกำลังเผชิญกับข้อจำกัดในการใช้ปุ๋ยคอก (muck) เนื่องจาก ข้อกังวลเกี่ยวกับสารอาหารที่ไม่สมดุล และอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ น้ำ และข้อกำหนดว่าด้วยโซนที่มีความอ่อนไหวต่อสารไนเตรต (Nitrate Vulnerable Zones regulation) กลายเป็นกระแสกดดันให้อุตสาหกรรมลงทุนกับวิธีใหม่ในการแปรรูปมูลสัตว์

จนถึงปัจจุบัน มูลสัตว์ปีกถูกเก็บไว้ใช้สำหรับใส่ลงในดินสำหรับการเพาะปลูก แต่เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับการลดค่าดัชนีดิน เนื่องจาก การสะสมปุ๋ยคอก แนวทางการเพิ่มมูลค่าจึงเป็นการเพิ่มความคงเส้นคงวา และลดปริมาณความชื้น อันเป็นผลมาจากความแปรปรวนตามฤดูกาลในฤดูร้อนแตกต่างจากมากกับฤดูหนาว

การแปลงปุ๋ยคอก

                 การเปลี่ยนปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์ปีกจากผลพลอยได้ที่เป็นประโยชน์ให้เป็นไปตามความต้องการของพืชและดิน โดยที่มีคุณภาพสูงและมีความคงเส้นคงวาจนสามารถทดแทนการใช้ปุ๋ยเคมีได้ ผลิตภัณฑ์สุดท้ายของปุ๋ยคอกต้องสอดคล้องกับคุณลักษณะของปุ๋ยเคมีทุกประการ โดยต้องมีความคงเส้นคงวา และความเสถียร เพื่อให้การใช้ในการบำรุงดินเป็นไปอย่างแม่นยำ นอกจากนั้น ยังจำเป็นต้องขนส่งได้ง่าย และเก็บรักษาไว้ได้เช่นกัน โดยไม่มีกลิ่นเหม็น โรงเรือนมีขนาดใกล้เคียงกับโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ปีก บางแห่งก็ยาว ๑๒๐ เมตร โดยยกระดับให้สูงขึ้นมีความสูงอย่างน้อย ๔ เมตรสำหรับลงวัตถุดิบและการส่งสินค้า รวมถึง ช่องอากาศที่มีความสำคัญมากในการสร้างกล่องอากาศ เป็นห้องอากาศที่จะช่วยให้เกิดการผสมผสานอากาศคลุกเคล้ากันได้

มูลไก่จากฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ครึ่งล้านตัว

               การประเมินประสิทธิภาพของระบบฯคาดว่าจะแล้วเสร็จในปลายปี พ.ศ.๒๕๖๗ นี้ โดยผู้รับเหมาดำเนินการก่อสร้างโรงเรือนไปแล้วครึ่งทาง

               เกษตรกรได้จัดการตามแนวทางของกฏหมายการจัดการของเสียและผลพลอยได้จากการผลิต กำลังการผลิตสำหรับการทดลองนี้สามารถจัดการมูลไก่ไข่ได้ราวราวครึ่งล้านตัน อย่างไรก็ตาม ยังสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับมูลไก่ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับเกษตรกรในอนาคตที่จะมีทางออกสำหรับการวางแผนด้านกฏหมาย ขณะที่ ยังช่วยเพิ่มสารอินทรีย์ในดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก ให้เป็นประโยชน์ และลดการปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อม 

               ด้วยขนาดที่เป็นอยู่จำเป็นต้องซื้อมูลสัตว์ปีกจากฟาร์มใกล้เคียง แต่ในอนาคตก็ตั้งใจจะผลิตปุ๋ยแบบพรีเมียม ดังนั้น คุณสมบัติของวัตถุดิบที่มาถึงจำเป็นต้องมีการวางแผนจัดการ เริ่มตั้งแต่ มูลสัตว์ปีกจากสายพานเท่านั้นที่จะรับเข้ามา เพื่อลดสิ่งแปลกปลอม และเพิ่มความสม่ำเสมอของวัตถุดิบ

กระบวนการผลิต

              มาตรการด้านความปลอดภัยทางชีวภาพเมื่อวัตถุดิบมาถึง รวมถึง การล้างล้อที่มีขนาดใหญ่ และระบบม่านสเปรย์ จึงต้องมีระบบการกรองและเก็บน้ำ มูลสัตว์ปีกจะถูกบดผสมรวมกับกับมวลชีวภาพ เพื่อให้มีโครงสร้างที่มีความเสถียร และเติมจุลชีพที่มีความสำคัญทั้งหมด แล้วหมักเอาไว้ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการเติมอากาศ เมื่อผ่านไปสองสัปดาห์ มูลสัตว์ก็จะแห้ง ผ่านการเติมออกซิเจน และทำให้เขย่าให้เข้ากับตลอดเวลา อุณหภูมิเป้าหมายราว ๖๕ องศาเซลเซียส เพื่อกำจัดเชื้อก่อโรค แต่ยังสามารถป้องกันจุลชีพที่ดีไว้ได้ ผลลัพธ์สุดท้ายประกอบด้วย วัตถุแห้งอินทรีย์ร้อยละ ๘๐ จากนี้ก็จะกำจัดความชื้นต่อไปด้วยขั้นตอนการทำให้เป็นเม็ดเพื่อให้ได้วัตถุแห้งร้อยละ ๙๕ พร้อมสำหรับการเก็บรักษาและส่งสินค้า

คุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อม

               คุณสมบัติด้านสิ่งแวดล้อมจากการกำจัดแอมโมเนีย การหมุนเวียนไอร้อน การเก็บเกี่ยวน้ำฝน และการหมุนเวียนน้ำสำหรับการล้าง เครื่องบอยเลอร์มวลชีวภาพขนาด ๘๐๐ กิโลวัตต์เป็นส่วนเพิ่มเติมเก็บเกี่ยวความร้อนมาใช้ใหม่สำหรับการอบแห้งวัสดุรองพื้น เพื่อให้มีความคงตัว หรือพร้อมสำหรับการอัดเม็ดเป็นผลิตภัณฑ์สุดท้าย ขณะที่ แผงโซลาร์บนหลังคาขนาด ๕๐๐ กิโลวัตต์สำหรับการใช้ไฟฟ้าส่วนหลักที่สำคัญ

               ขณะที่ ระบบการบำบัดอากาศเสีย ฟาร์มเก่าที่กำลังขยาย และฟาร์มใหม่มีกรดซัลฟูริกเป็นผลพลอยได้จากการผลิต มาตรการควบคุมที่สำคัญ ได้แก่ ท่อเฉพาะทาง การจำกัดและความปลอดภัยของทางเข้า กลไกการแยกและการตรวจติดตาม สารโพแทชก็ช้ำสำหรับการทำให้กรดเป็นกลาง ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น พวกมูลสุกร หรือโซเดียม คาร์บอเนต และสร้างผลผลิตที่มีคุณค่าระดับถัดมาสำหรับปุ๋ย   เพื่อลดผลเสียของดินทั่วไป และการปล่อยของเสียแพร่กระจายไปสู่สิ่งแวดล้อม สูตรคำนวณจึงต้องคำนึงถึงกระบวนการที่จะชดเชยการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เทียบกับต้นไม้หลายล้านต้นต่อไป

การประเมินผลทางวิชาการ

               ผู้ผลิตสัตว์ปีกและนิวควิปได้ขอการสนับสนุนจากหน่วยงานด้านวิจัย และวิชาการ เพื่อประเมินสมมติฐานที่ตั้งไว้ ผลการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในอังกฤษ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงฤดูร้อน โดยหวังว่า ผลการศึกษาจะเป็นการพิสูจน์ประสิทธิภาพของเทคโนโลยีการผลิตปุ๋ย และช่วยให้เกิดความเข้าใจที่ดีขึ้นจากความสัมพันธ์ของเชื้อจุลชีพแบบซิมไบโอซิสระหว่างสารอาหารต่างๆในปุ๋ย และคุณประโยชน์ของมัน และช่วยทำลายอุปสรรคต่างๆในการใช้ในการเกษตรกรรมได้

               ขณะนี้ ได้มีการติดต่อกับอุตสาหกรรมต่างๆทั้งผู้ผลิตผักผลไม้สด การปลูกพืชในเรือนกระจก โรงงานผลิตองุ่น เห็ด และผลไม้ และให้ความสนใจ และได้สร้างความตระหนักต่อนักปฐพีวิทยา และที่ปรึกษาฟาร์มอีกด้วย  

เอกสารอ้างอิง

Mcdougal T. 2024. Novel manure processing options for poultry producers. [Internet]. [Cited 2024 Jul 15]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/novel-manure-processing-options-for-poultry-producers/

ภาพที่ ๑ ทางเลือกใหม่การแปรรูปมูลไก่สำหรับผู้ผลิตสัตว์ปีก (แหล่งภาพ JegasRa | Canva)



วิวัฒนาการเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล

  ขณะที่ วัคซีนช่วยลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคนิวคาสเซิล การระบาดก็ยังพบได้อยู่ โดยมีอัตราการตายสูง และกำจัดสัตว์ที่ติดเชื้อ มีผลกระทบเ...