ไฟเตสกำลังมีการวิจัยกันอย่างกว้างขวาง
แต่ยังมีข้อมูลน้อยเกี่ยวกับนิเวศวิทยาของเชื้อจุลชีพในระบบทางเดินอาหารของไกเนื้อ
โดยไฟเตสยังช่วยปลดปล่อยแคลเซียมจากอาหารสัตว์
ต้องใส่แคลเซียมมากน้อยเพียงใดเมื่ออาหารสัตว์มีการเสริมไฟเตส
ไฟเตสเชื่อว่าเป็นสารเติมอาหารสัตว์ที่มีการศึกษามากที่สุดชนิดหนึ่ง
ใช้เป็นเอนไซม์เสริมที่ใช้ในสูตรอาหารของสัตว์เลี้ยงที่ไม่ใช่สัตว์เคี้ยวเอื้อง
ช่วยเพิ่มผลผลิต โดยช่วยในการสร้างสารอาหารมากมายหลายชนิด รวมถึง มาโครอิเลเมนต์
และแร่ธาตุที่มีอยู่น้อยในการศึกษาหลายครั้งในสัตว์ชนิดต่างๆ
การเสริมไฟเตสในสูตรอาหารสัตว์
ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการใช้แร่ธาตุอาหารจากหินแป้ง
และฟอสเฟตโดยการปลดปล่อยฟอสฟอรัส และแคลเซียมออกจากไฟเตตที่มีความซับซ้อน
เอนไซม์ไฟเตส ช่วยลดปริมาณการเติมฟอสเฟต และแคลเซียมในรูปอนินทรีย์ที่ใช้ในสูตรอาหารสัตว์
ส่วนใหญ่นิยมใช้ในรูปของโมโน หรือไดแคลเซียม ฟอสเฟต อย่างไรก็ตาม
เนื่องจากเอนไซม์ไฟเตสปลดปล่อยฟอสฟอรัสได้มากกว่าแคลเซียม
(ตามสัดส่วนของความต้องการ) ดังนั้น
การเสริมเอนไซม์ไฟเตสจึงต้องเติมหินแป้งมากขึ้น เพื่อให้อัตราส่วนระหว่างแคลเซียม
และฟอสฟอรัสเป็น ๒ ต่อ ๑ ในอาหารสัตว์
อาหารสัตว์มีระดับฟอสฟอรัส
และแคลเซียมแตกต่างกัน ดังนั้น การศึกษาปฏิกิริยาระหว่างแคลเซียม
และไฟเตสจึงมีรายละเอียดมาก
การทดลองในมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ชีวิตในโปแลนด์โดยใช้ลูกไก่พันธุ์ รอส
เพศเมียอายุ ๑ วัน แบ่งเป็น ๔ กลุ่ม วัตถุประสงค์ของการวิจัย
เพื่อศึกษาผลของการเสริมเอนไซม์ไฟเตสต่อผลการเลี้ยงไก่เนื้อที่ใช้แคลเซียม
และฟอสฟอรัสในระดับแตกต่างกันต่อประชากรไมโครไบโอตา
และเมตาโบไลต์ในทางเดินอาหารส่วนต่างๆกัน
ผลต่อประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหาร
พบว่า อัตราการตายต่ำ น้อยกว่า ๓ เปอร์เซ็นต์
โดยไม่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มการทดลอง ในทุกระยะของการทดลอง และทุกพารามิเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับการผลิต
โดยไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างระดับแคลเซียม และฟอสฟอรัส และการเสริมไฟเตส นั่นคือ
ไม่พบผลกระทบของความเข้มข้นของแคลเซียม และฟอสฟอรัสต่อการกินอาหารตลอดการทดลอง อย่างไรก็ตาม
ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ถึง ๒๑ การลดระดับของฟอสฟอรัส
และแคลเซียมส่งผลต่อการเพิ่มน้ำหนักที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
และประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยอาหารก็แย่ลงเช่นกัน
ในระยะแรกของการเลี้ยง (อายุ ๑ ถึง ๑๔ วัน) การเติมไฟเตสที่ระดับ ๕๐๐๐
เอฟทียูต่อกิโลกรัมช่วยเพิ่มน้ำหนัก การกินอาหาร
และประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหารที่ดีขึ้น ในช่วงอายุ ๑๕ ถึง ๒๑ วัน
การเสริมไฟเตสก็ช่วยเพิ่มน้ำหนัก และลดประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหาร
แต่ไม่มีลผต่อการกินอาหาร ระหว่างอายุ ๒๒ ถึง ๔๒ วัน
มีเพียงประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหารเท่านั้นที่ดีขึ้น โดยภาพรวมนับตั้งแต่อายุ ๑
ถึง ๔๒ วัน การเสริมไฟเตสที่ระดับ ๕๐๐๐ เอฟทียูต่อกิโลกรัมในอาหาร
ช่วยเพิ่มน้ำหนักตัว และลดประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหาร โดยไม่มีผลต่อการกินอาหาร
ผลต่อแบคทีเรีย และกรดแลกติกในลำไส้ จำนวนรวมของแบคทีเรีย (DAPI
counts) ต่ำลง โดยการลดความเข้มข้นของแคลเซียม และฟอสฟอรัส
แต่เพิ่มขึ้นโดยการเสริมไฟเตส ไม่มีสูตรอาหารใดที่ส่งผลต่อจำนวนของเชื้อแบคเทอรอยเดส
จำนวนของเชื้อคลอสตริเดียม
และเอนเทอโรคแบคเทอริซีอีลดลงในอาหารจากลำไส้เล็กส่วนท้ายที่เก็บตากไก่กินอาหารที่ขาดแคลเซียม
และฟอสฟอรัส ไม่มีผลกระทบที่เห็นชัดของระดับแคลเซียม และฟอสฟอรั
และการเสริมไฟเตสต่อความเข้มข้นของกรดอะซิติก และแลกติก เช่นเดียวกับปริมาณรวมของ SCFA
ในกระเพาะพัก อย่างไรก็ตาม ปฏิสัมพันธ์ระหว่างไฟเตส
และระดับแคลเซียม และฟอสฟอรัส สังเกตพบสำหรับอะซิเตต และ SCFA
โดยสรุปแล้ว
นักวิจัย พบว่า ฟอสฟอรัสเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการหมักในลำไส้เล็กส่วนท้าย
โดยไฟเตสมีบทบาทสำคัญในการควบคุมเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ของไก่ อย่างไรก็ตาม
ยังไม่พบความเชื่อมโยงที่ชัดเจนของระดับฟอสฟอรัส และแคลเซียมในอาหารสัตว์
แหล่งข้อมูล Emmy Koeleman, All About Feed
&Dairy Globa (16/2/16)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น