วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ยูเครนส่งออกไข่ไก่เกือบสองเท่าในครึ่งปีแรก

 ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ.๒๕๖๘ นี้ ยูเครนส่งออกไข่ไก่จำนวน ๖๔,๘๐๐ ตัน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๙๖ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลจากกรมศุลกากรยูเครน โดยยอดขายที่พุ่งสูงในตลาดยุโรปถือเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันแนวโน้มนี้

มูลค่าการค้า การส่งออกไข่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๑๖๐ คิดเป็นมูลค่า ๒.๘๓ พันล้านบาท โดยยูเครนส่งออกไข่ไปยังยุโรปเป็นหลัก ในช่วงครึ่งปีแรก ประเทศที่นำเข้าไข่จากยูเครนมากที่สุด ได้แก่ โครเอเชียร้อยละ ๑๔ สหราชอาณาจักร ร้อยละ ๑๒.๙ และสเปน ร้อยละ ๑๐.๙  

การเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าจากตะวันออกกลางและเอเชียสู่ยุโรป

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การส่งออกไข่ของยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยเปลี่ยนจากตลาดตะวันออกกลางและเอเชียไปสู่ตลาดยุโรปแทน

“ในช่วงเริ่มต้นของสงคราม เส้นทางการส่งออกทั้งหมดของเราถูกตัดขาด” ยูเลีย ฟเลอโรวา ผู้อำนวยการใหญ่ของบริษัท ยาเซนส์วิต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโอโวสตาร์ ยูเนียน หนึ่งในผู้ผลิตไข่รายใหญ่ของยูเครน กล่าวในงานประชุมอุตสาหกรรมที่กรุงเคียฟ “ต่อมา การเคลื่อนย้ายสินค้าเริ่มกลับมาอีกครั้ง แต่ในรูปแบบที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง หากก่อนหน้านี้บริษัทของเราส่งออกไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกาเป็นหลัก ตอนนี้เราหันมาส่งออกไปยังยุโรปแทน” ฟเลอโรวากล่าว

การปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบในแต่ละประเทศ

โดยทั่วไป การส่งออกไปยังยุโรปมีความสะดวกด้านโลจิสติกส์มากกว่า แต่บริษัทผู้ผลิตไข่ของยูเครนยังคงเผชิญกับอุปสรรคบางประการในการปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป

“แม้จะอยู่ในกลุ่มเดียวกันอย่างสหภาพยุโรป แต่แต่ละประเทศสมาชิกก็มีรายละเอียดเฉพาะของตนเองเกี่ยวกับการรับรองผลิตภัณฑ์ หมายความว่าไม่สามารถส่งออกไข่ตามมาตรฐานเดียวกันไปยังประเทศต่าง ๆ เช่น เนเธอร์แลนด์ เบลเยียม หรือสวีเดนได้ เนื่องจากแต่ละประเทศมีข้อกำหนดเฉพาะที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม ยังมีโอกาสอยู่” ฟเลอโรวาอธิบาย

ผลกระทบต่อโลจิสติกส์ภายในประเทศ

นอกจากนี้ ปัญหาโลจิสติกส์ยังส่งผลกระทบต่อยอดขายในตลาดภายในประเทศด้วย “จากความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางการขนส่ง และการยึดครองพื้นที่ชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถส่งมอบสินค้าไปยังพื้นที่แนวหน้าบางแห่งได้ และการส่งไปยังเมืองคาร์คิฟก็เป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง” ฟเลอโรวากล่าว

ราคาภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้น

การขยายตัวของการส่งออกถูกมองว่า เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ราคาตลาดไข่ภายในประเทศยูเครนปรับตัวสูงขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๖๘ โดยในเดือนมิถุนายน ราคาขายเฉลี่ยของไข่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ ๕๙.๒ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ตามรายงานจากหน่วยงานรัฐบาล

ตรวจพบพฤติกรรมละเมิดกฎหมายการแข่งขันภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว หน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของยูเครน รายงานว่า พบสัญญาณของการละเมิดกฎหมายการแข่งขันทางการค้าโดยผู้ผลิตไข่รายใหญ่ที่สุดสองรายของประเทศ

เอกสารอ้างอิง

Global Poultry Sector Authors. (2025, August 8). Ukraine nearly doubles egg exports in the first half of 2025. https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/ukraine-nearly-doubles-egg-exports-in-the-first-half-of-2025/

ภาพที่ ๑ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา การส่งออกไข่ของยูเครนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในด้านภูมิศาสตร์การค้า โดยได้เปลี่ยนจากตลาดตะวันออกกลางและเอเชียไปสู่ตลาดยุโรปเป็นหลัก (แหล่งข้อมูล  Canva)




วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เวียดนามพบเป็ดติดเชื้อไข้หวัดนก

 จังหวัดกว๋างหงายรายงานการตรวจพบเป็ด จำนวน ๘๐๐ ตัวติดเชื้อไข้หวัดนกชนิดเอ สับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ และถูกทำลายหลังจากตรวจพบว่าติดเชื้อไข้หวัดนก

นายดังซวนจุง ประธานคณะกรรมการประชาชนตำบลเซินติง จังหวัดกว๋างหงาย เปิดเผยว่า ทางพื้นที่ได้ดำเนินการทำลายฝูงเป็ดที่ติดเชื้อไข้หวัดนกสับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ จำนวนทั้งสิ้น ๘๐๐ ตัว น้ำหนักรวมประมาณ ๔๐๐ กิโลกรัม ฝูงเป็ดที่ติดเชื้อเป็นของครัวเรือนหนึ่งในหมู่บ้านฮาไนบั๊ก ตำบลเซินติง โดยเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม เป็ดเริ่มแสดงอาการป่วย จากนั้นสำนักงานปศุสัตว์และสุขภาพสัตว์จังหวัดได้เก็บตัวอย่างส่งไปยังสถานีวินิจฉัยและทดสอบที่ ๑ อยู่ภายใต้ศูนย์กลางวินิจฉัยและทดสอบสัตวแพทย์แห่งที่ ๒ ผลการตรวจยืนยันว่า ตัวอย่างเป็ดมีผลเป็นบวกต่อเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ชนิดเอ สับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑   

เนื่องจากไข้หวัดนกชนิดเอ สับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑   มีความสามารถในการแพร่เชื้อสู่มนุษย์ การทำลายเป็ดที่ติดเชื้อจึงดำเนินการอย่างปลอดภัยและเป็นไปตามขั้นตอนที่กำหนด ตำบลเซินติงได้สั่งการให้ศูนย์บริการสาธารณะประสานงานกับฝ่ายเศรษฐกิจของตำบล เพื่อระดมกำลังและดำเนินการทำลายเป็ดตามระเบียบปัจจุบัน โดยการทำลายเป็นไปตามกระบวนการที่เคร่งครัด พร้อมทั้งรักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ทางตำบลยังได้แบ่งเขตและควบคุมการระบาด ไม่ให้แพร่กระจายสู่ชุมชน และจนถึงขณะนี้ยังไม่พบการระบาดเพิ่มเติมในพื้นที่

นายโดวันจุง ผู้อำนวยการสำนักงานปศุสัตว์และสุขภาพสัตว์จังหวัดกว๋างหงาย เปิดเผยว่า นอกจากการทำลายเป็ดที่ติดเชื้อแล้ว ทางการจังหวัดยังได้ดำเนินการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอีกด้วย

เอกสารอ้างอิง

Nong Nghiep Moi Truong. (2025, August 26). Quang Ngai: Flock of 800 ducks infected with A/H5N1 flu. https://nongnghiepmoitruong.vn/quang-ngai-dan-vit-800-con-nhiem-cum-a-h5n1-d769737.html

ภาพที่ ๑ ทางการจังหวัดกว๋างหงายได้ดำเนินการทำลายเป็ดที่ติดเชื้อไข้หวัดนกชนิดเอ สับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ (แหล่งข้อมูล  Son Tinh Commune People's Committee)



วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องให้ทำลายนกกระจอกเทศที่ติดหวัดนก

 ฟาร์มนกกระจอกเทศแห่งหนึ่งในประเทศแคนาดาตรวจพบว่า นกติดเชื้อไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในเดือนธันวาคม ปี พ.ศ.๒๕๖๗ แต่ผู้ประกอบการฟาร์มยังไม่ให้ความร่วมมือกับคำสั่งให้กำจัดฝูงนกทั้งหมดเพื่อควบคุมการระบาดของโรค

ศาลรัฐบาลกลางของแคนาดามีคำวินิจฉัยรับรองคำสั่งให้กำจัดนกกระจอกเทศประมาณ ๔๐๐ ตัวในฟาร์มแห่งหนึ่งที่รัฐบริติชโคลัมเบีย หลังจากพบว่ามีนกในฝูงติดเชื้อไข้หวัดนกชนิดรุนแรง ฟาร์มยูนิเวอร์ซัล ออสทริช ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลรัฐบาลกลางเพื่อคัดค้านคำสั่งจากสำนักงานตรวจสอบอาหารของแคนาดา ในเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ได้มีคำสั่งให้กำจัดนกกระจอกเทศทั้งหมดในฝูงประมาณ ๔๐๐ ตัว เนื่องจากมีการยืนยันว่าพบเชื้อไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในฝูงดังกล่าว

ผู้ประกอบการฟาร์มไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งจากสำนักงานตรวจสอบอาหารของแคนาดา โดยให้เหตุผลว่าไม่พบการระบาดของไข้หวัดนกในฟาร์มมานานหลายเดือนแล้ว และควรมีการตรวจนกเพื่อประเมินความสามารถในการต้านทานการติดเชื้อเพิ่มเติม คดีนี้ได้รับการพิจารณาที่ศาลในเมืองออตตาวา รัฐออนแทรีโอ เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม และมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม โดยคณะผู้พิพากษา ๓ คน มีมติสนับสนุนคำสั่งของสำนักงานตรวจสอบอาหารของแคนาดา โดยระบุว่า “เราตระหนักดีว่าคำตัดสินนี้อาจนำไปสู่การกำจัดนกกระจอกเทศกว่า ๔๐๐ ตัวที่เป็นทรัพย์สินของผู้ยื่นอุทธรณ์ เป็นผลลัพธ์ที่ย่อมส่งผลกระทบอย่างหนักทั้งในด้านการเงินและจิตใจต่อผู้ประกอบการ แม้เราจะเห็นใจพวกเขาอย่างมาก แต่กฎหมายที่เราต้องยึดถือทำให้เราจำเป็นต้องมีข้อสรุปว่า การอุทธรณ์นี้ไม่อาจรับได้”

ผู้พิพากษายังระบุเพิ่มเติมว่า “ในกรณีนี้ ศาลไม่มีหน้าที่ในการกำหนด เปลี่ยนแปลง หรือให้ข้อยกเว้นจากนโยบายของรัฐบาล หน้าที่ของเราคือการพิจารณาว่าการตัดสินใจที่เป็นประเด็นในคดีนี้มีความสมเหตุสมผลตามมาตรฐานการพิจารณาแบบยืดหยุ่น ที่กำหนดไว้ในคำพิพากษาของศาลสูงสุดของแคนาดา ศาลนี้ และศาลอื่น ๆ ของแคนาดา เนื่องจากนโยบายการกำจัดเชื้อที่เป็นพื้นฐานของคำสั่งทั้งสอง ฉบับแจ้งให้กำจัด และการปฏิเสธข้อยกเว้น ล้วนมีความสมเหตุสมผลตามแนวทางของกฎหมาย เราจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า การอุทธรณ์นี้ไม่อาจยอมรับได้”

ฟาร์มยูนิเวอร์ซัล ออสทริช ได้ดูแลเพจเฟซบุ๊กมีผู้ติดตามประมาณ ๑๔,๐๐๐ 14,000 คน โดยหลังจากมีคำตัดสินของศาล ทางฟาร์มได้โพสต์ข้อความอัปเดตว่า “วันนี้เราได้รับข่าวร้ายอย่างที่สุดว่า การอุทธรณ์ครั้งสุดท้ายของเราไม่เป็นผล ศาลมีมติไม่รับอุทธรณ์อย่างเป็นเอกฉันท์ ขณะนี้ไม่มีคำสั่งระงับการดำเนินการใด ๆ หมายความว่าในทุกขณะ สำนักงานตรวจสอบอาหารของแคนาดาอาจเข้ามากำจัดนกกระจอกเทศที่มีสุขภาพดีของเรา เราจะพยายามขอคำสั่งระงับ แต่จะยังไม่สามารถมีผลบังคับใช้ได้จนกว่าจะถึงสัปดาห์หน้า โอกาสที่เราจะได้รับการอนุมัติให้เข้าสู่ศาลสูงนั้นต่ำมาก”

ทางฟาร์มยังใช้เฟซบุ๊กเชิญชวนให้ประชาชนเดินทางมายังฟาร์มเพื่อร่วมปกป้องนกกระจอกเทศ พร้อมนำกล้องมาบันทึกเหตุการณ์ โดยมีเงื่อนไขชัดเจนว่า “ต้องไม่มีความรุนแรงโดยเด็ดขาด” ในโพสต์ยังระบุว่า “สัตว์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ ‘ปศุสัตว์’ พวกเขาคือสิ่งมีชีวิตที่ยืนหยัดมาได้แม้เผชิญกับอุปสรรคมากมาย พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็ง ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และสิ่งที่เป็นไปได้เมื่อเราลุกขึ้นต่อต้านนโยบายที่ล้มเหลวซึ่งทำลายชีวิต แทนที่จะปกป้องมัน

เอกสารอ้างอิง

Graber, R. (2025, August 22). Appeals court agrees HPAI-hit ostriches should be culled. WATT Poultry. https://www.wattagnet.com/poultry-meat/diseases-health/avian-influenza/news/15753680/appeals-court-agrees-hpaihit-ostriches-hpaihit-should-be-culled  

ภาพที่ ๑ ศาลรัฐบาลกลางของแคนาดามีคำวินิจฉัยรับรองคำสั่งให้กำจัดนกกระจอกเทศในฟาร์มแห่งหนึ่งที่รัฐบริติชโคลัมเบีย (แหล่งข้อมูล  Save Our Ostriches | Facebook)



วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ไขความลับไวรัสอาร์อีวี ภัยเงียบในอุตสาหกรรมสัตว์ปีก

 ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ มีการตรวจพบเชื้อไวรัสเรติกูโลเอนโดทีลิโอซิส หรืออาร์อีวี ในฝูงไก่ไข่เชิงพาณิชย์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยการติดเชื้อเกิดขึ้นในไก่ไข่ และมีการยืนยันจากการวิจัยที่ดำเนินการโดย รอยัล จีดี ความสัมพันธ์ระหว่างไวรัสก่อโรคอาร์อีวีกับไวรัสฝีดาษในไก่ ยังต้องมีการศึกษาต่อเพิ่มเติม

ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๗ 2024 แผนกสุขภาพสัตว์ของรอยัล จีดี ได้รับตัวอย่างไก่ไข่ป่วยสองตัวเพื่อทำการตรวจทางพยาธิวิทยา ระหว่างการตรวจพบว่ามีเนื้องอกในอวัยวะของไก่เหล่านี้ มิร์เธอ เดอ วิต สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์ปีกของ รอยัล จีดี อธิบายว่า “ในตอนแรก เราคาดว่าเป็นโรคมาเร็ก ซึ่งพบได้บ่อยในเนเธอร์แลนด์และสามารถแสดงอาการทางคลินิกที่คล้ายกันได้”

เธอกล่าวต่อว่า “เราทดสอบเนื้อเยื่อเนื้องอกเพื่อหาไวรัสหลายชนิดที่ทราบกันว่าทำให้เกิดเนื้องอก เช่น ไวรัสมาเร็กชนิดที่ 1 ไวรัสลิวโคซิสในสัตว์ปีก และโรคอาร์อีวีผลการตรวจพีซีอาร์ สำหรับโรคอาร์อีวี ให้ผลเป็นบวก”

การติดเชื้อครั้งแรก

นับเป็นครั้งแรกที่มีการตรวจพบเชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี ในไก่ที่เลี้ยงเชิงพาณิชย์ในประเทศเนเธอร์แลนด์ แม้ว่าหน่วยงาน รอยัล จีดี จะมีการตรวจหาไวรัสก่อโรคอาร์อีวี มาโดยตลอดก็ตาม โดยไก่ที่แสดงอาการเนื้องอกจะได้รับการตรวจด้วยวิธีพีซีอาร์ และไก่พันธุ์จะได้รับการตรวจเลือดเมื่อมีความจำเป็นสำหรับการส่งออก หลังจากการค้นพบครั้งแรกนี้ พบว่าไวรัสได้แพร่กระจายไปยังฝูงไก่อื่น ๆ อีกหลายแห่งในช่วงเวลาสั้น ๆ แม้ว่าจะไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด

ไวรัสก่อโรคอาร์อีวี ยังสามารถพบได้ในสัตว์ที่มีอายุมากขึ้น ทั้งในไก่ไข่และไก่เนื้อ โดยไก่ที่ติดเชื้อก่อโรคอาร์อีวี ไม่จำเป็นต้องแสดงอาการป่วยเสมอไป เนื่องจากไวรัสนี้อยู่ในกลุ่มเรโทรไวรัส และอาจแสดงอาการแบบไม่ชัดเจนหรือไม่มีอาการเลยตามที่พบในบางกรณี งานวิจัยในวรรณกรรมระบุว่า เชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี มีหลายสายพันธุ์ที่มีความแตกต่างกันอย่างมากในด้านความรุนแรงของการก่อโรค

ภาวะกดภูมิคุ้มกัน

เชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี อาจก่อให้เกิดปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อไก่คู่หนึ่งติดเชื้อตั้งแต่อายุน้อย ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะกดภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้การตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันลดลง และอาจแสดงอาการทางคลินิก โดยเฉพาะเมื่อมีการติดเชื้อร่วมกับเชื้ออื่น ๆ นอกจากนี้ ยังพบความผิดปกติของขนในสัตว์อายุน้อยที่ติดเชื้อไวรัสนี้ด้วย เชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี ยังสามารถพบได้ในนกป่าหลายชนิด จึงทำหน้าที่เป็นพาหะตามธรรมชาติของไวรัส การแพร่เชื้อสามารถเกิดได้ทั้งในแนวตั้งจากพ่อแม่สู่ลูก และในแนวนอนระหว่างสัตว์ในฝูงเดียวกัน

ไม่ใช่โรคที่ต้องรายงาน

เชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี ยังถูกตรวจพบในไก่เชิงพาณิชย์ในประเทศโปแลนด์ด้วย โดยต่างจากโรคไข้หวัดนกหรือโรคนิวคาสเซิล ไวรัสก่อโรคอาร์อีวี ไม่จัดอยู่ในกลุ่มโรคที่ต้องรายงานต่อหน่วยงานรัฐ อย่างไรก็ตาม ไวรัสนี้ไม่ได้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วภายในฝูงไก่ และจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานการแพร่เชื้อในแนวดิ่ง หรือจากพ่อแม่สู่ลูก ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ถึงกระนั้น การพบไวรัสนี้ก็ไม่ได้ถูกมองข้าม

เดอ วิต ให้ความเห็นว่า “อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของเนเธอร์แลนด์เคยปลอดจากไวรัสก่อโรคอาร์อีวี มาโดยตลอด แต่ตอนนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว นี่เป็นเรื่องที่น่าสังเกต และแน่นอนว่าน่ากังวล เราไม่ต้องการให้ไวรัสนี้อยู่ในประเทศของเรา”

วิธีการเข้าสู่และการแพร่กระจายของเชื้อ

มีคำถามอีกมากเกี่ยวกับเส้นทางการเข้าสู่และการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี โดยขณะนี้มีการดำเนินการวิจัยอย่างต่อเนื่องเพื่อหาคำตอบ เดอ วิต กล่าวไว้ว่า “เรามีประสบการณ์เกี่ยวกับเชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี ในยุโรปน้อยมาก และกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของเนเธอร์แลนด์ทั้งหมดได้จัดการกับสถานการณ์นี้อย่างมืออาชีพ ซึ่งสมควรได้รับคำชื่นชม โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เข้าร่วมการวิจัยเกี่ยวกับโรคนี้โดยสมัครใจ”

ความเชื่อมโยงกับไวรัสฝีดาษในไก่ ยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าเชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี เข้ามาสู่ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้อย่างไร แต่ รอยัล จีดี สันนิษฐานว่าไวรัสฝีดาษในไก่อาจเป็นหนึ่งในวิธีการนำเข้า เนื่องจาก เชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี เป็นไวรัสในกลุ่มเรโทรไวรัส สามารถแทรกสารพันธุกรรมของตนเองเข้าไปในเซลล์ของโฮสต์ รวมถึงไวรัสดีเอ็นเอ ขนาดใหญ่ เช่น ไวรัสฝีดาษในไก่ โดยพบว่าทั้งจีโนมของ เชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี สามารถแทรกอยู่ในสายพันธุ์ภาคสนามบางชนิดของไวรัสฝีดาษในไก่ การติดเชื้อด้วยสายพันธุ์เหล่านี้จะทำให้เกิดการสร้างแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสก่อโรคอาร์อีวี และอาจทำให้ผลตรวจ พีซีอาร์ สำหรับอาร์อีวี เป็นบวกชั่วคราว

เอกสารอ้างอิง

Brockötter F. 2025. Cambodia records more avian flu cases in poultry, people. [Internet]. [Cited 2025 Aug 21]. Available from: https://www.wattagnet.com/poultry-meat/diseases-health/avian-influenza/news/15753529/cambodia-records-more-avian-flu-cases-in-poultry-people

ภาพที่ ๑ การตรวจพบไวรัสเรติกูโลเอนโดทีลิโอซิส ในประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี พ.ศ. ๒๕๖๗ ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการตรวจหาเชื้อในไก่ที่ส่งออกมาโดยตลอด แต่ไม่เคยพบไวรัสนี้เลย (แหล่งภาพ Bert Jansen)



วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2568

กัมพูชาพบติดเชื้อหวัดนกเพิ่มทั้งในสัตว์ปีกและคน

 ขณะที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ยืนยันผู้ป่วยรายที่ ๑๕ ในปีนี้ การระบาดของไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในสัตว์ปีกก็ได้รับการยืนยันเพิ่มขึ้นเช่นกันในหลายพื้นที่ของกัมพูชา

ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทางการแพทย์ของกัมพูชาได้ยืนยันผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดเอ สับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ เพิ่มอีก ๓ ราย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในปีนี้เพิ่มเป็น ๑๕ ราย ตามรายงานล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์สุขภาพในภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกจากองค์การอนามัยโลก ณ วันที่ ๑๕ สิงหาคม

ผู้ป่วยรายล่าสุดประกอบด้วยเด็กชายวัย ๖ ขวบจากจังหวัดตบองขมุมทางตะวันออกเฉียงใต้ ชายวัย ๒๖ ปีจากจังหวัดเสียมราฐทางตะวันตกเฉียงเหนือ และเด็กหญิงวัย ๖ ขวบจากจังหวัดตาแก้วทางตอนใต้ของประเทศ โดยผู้ป่วยแต่ละรายมีผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อหลังจากมีอาการป่วยภายหลังสัมผัสกับสัตว์ปีกที่ป่วยหรือเสียชีวิต โดยช่วงเวลาที่เริ่มแสดงอาการอยู่ระหว่างวันที่ ๑๕ กรกฎาคมถึง ๕ สิงหาคม ทั้งสามรายถูกนำส่งโรงพยาบาล และอาการของพวกเขาถูกระบุว่าอยู่ในขั้นวิกฤต ความรุนแรงของอาการที่พบในผู้ป่วยชาวกัมพูชา มีความเชื่อมโยงกับการรีแอสซอร์ตเมนต์พันธุกรรมใหม่สับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ ที่เก่ากว่า ตามรายงานจากเอเวียน ฟลู ไดอะรี่ โดยไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ได้รับการตั้งชื่อใหม่ว่า เคลด ๒.๓.๑.๑ อี  และดูเหมือนว่าจะกำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในสัตว์ปีกและนกป่าทั่วประเทศกัมพูชา สำหรับการติดเชื้อในมนุษย์ที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์อื่น เช่น เคลด ๒.๓.๔.๔บี ซึ่งพบในประเทศอื่น ๆ มักก่อให้เกิดอาการที่ไม่รุนแรงนัก และผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่ามาก

ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การสุขภาพสัตว์โลก ได้รับแจ้งจากหน่วยงานสุขภาพสัตว์แห่งชาติเกี่ยวกับการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในฝูงสัตว์ปีกเพิ่มเติมอีกสามครั้ง การตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ ที่มีความรุนแรงได้รับการยืนยันในแต่ละพื้นที่ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคมและต้นเดือนสิงหาคม โดยการระบาดแต่ละครั้งเกิดขึ้นในสามจังหวัด ได้แก่ บัตตัมบอง จังหวัดเสียมราฐที่อยู่ติดกัน และจังหวัดตาแก้ว

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.๒๕๖๖ มีรายงานการระบาดของโรคในสัตว์ปีกจำนวน ๒๗ ครั้งในกัมพูชาต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก โดยมีสัตว์ปีกประมาณ ๙,๗๐๐ ตัวในฝูงที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ได้รับผลกระทบโดยตรงใน ๑๓ จังหวัดจากทั้งหมด  ๒๕ จังหวัดของประเทศ

ประเทศไทยยกระดับการเฝ้าระวัง

เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลไทยประกาศเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังการระบาดของโรคในสัตว์ปีกทั่วประเทศ ตามรายงานจากเนชั่น ไทยแลนด์ โฆษกรัฐบาลระบุว่าการเฝ้าระวังในขณะนี้มุ่งเน้นเป็นพิเศษในพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา หลังจากมีการระบาดอย่างต่อเนื่องในประเทศเพื่อนบ้าน โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกในประเทศไทย ได้รับคำเตือนให้ลดจำนวนผู้มาเยือนฟาร์มให้เหลือน้อยที่สุด ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อรถยนต์ที่ใช้ในฟาร์มอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และรายงานทันทีหากพบอาการป่วยหรืออัตราการตายของสัตว์ปีกที่สูงผิดปกติ

ไข้หวัดนกชนิดรุนแรงกลับมาระบาดอีกครั้งในรัฐของอินเดีย

หลังจากโรคสงบไปนานถึงห้าเดือน ทางการอินเดียได้แจ้งต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก เกี่ยวกับการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรง สองครั้งในสัตว์ปีกในรัฐโอริสสาทางตะวันออกของประเทศ มีสัตว์ปีกประมาณ ๒๔,๐๐๐ ตัวในฟาร์มสองแห่งที่ตั้งอยู่ในเขตต่าง ๆ ได้รับผลกระทบโดยตรงในช่วงต้นและกลางเดือนกรกฎาคม โดยผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสสับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ สายพันธุ์ที่มีความรุนแรงในช่วงเวลาที่เกิดการระบาดครั้งแรก หนังสือพิมพ์ฮินดู ไทมส์ รายงานว่าหลายฟาร์มในรัฐโอริสสาพบอัตราการตายของสัตว์ปีกสูงผิดปกติ โดยมีรายงานว่าสัตว์ปีกหลายพันตัวเสียชีวิตจากสาเหตุที่ไม่ทราบแน่ชัดในขณะนั้น แม้ว่าจะมีการสงสัยว่าอาจเกิดจากโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรง โดยพบเหตุการณ์ในอย่างน้อยแปดหมู่บ้าน

ในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ.๒๕๖๗  รายงานประจำหกเดือนที่ทางการอินเดียส่งต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก ระบุว่ามีการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรง ในสัตว์ปีกจำนวน ๔๒ ครั้ง โดยมีสัตว์ปีกได้รับผลกระทบโดยตรงมากกว่า ๒๗๘,๐๐๐ ตัว ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในรัฐเกรละทางตอนใต้ของประเทศ รวมถึงในรัฐอานธรประเทศ ฌาร์ขัณฑ์ มหาราษฏระ และเขตเศรษฐกิจจำเพาะของอินเดีย

สถานการณ์โรคในฟิลิปปินส์ยังควบคุมไว้ได้

ตามรายงานของสำนักอุตสาหกรรมสัตว์ของกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ ประเทศยังไม่พบสัตว์ปีกป่วยด้วยโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรง ตั้งแต่สิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกห้าภูมิภาคบนเกาะลูซอนที่ยังคงถูกจัดอยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากโรค รายงานล่าสุดจากสำนักข่าว ฟิลิปปินส์ นิวส์ เอเจนซี่ ระบุว่ามีการหารือเบื้องต้นกับบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง แสดงความสนใจที่จะนำเข้าไก่ชำแหละจากฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม การค้าดังกล่าวยังไม่น่าจะเริ่มต้นได้จนกว่าฟิลิปปินส์ทั้งประเทศจะได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์การสุขภาพสัตว์โลกว่าปลอดจากโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงแล้ว

เอกสารอ้างอิง

Linden J. 2025. Cambodia records more avian flu cases in poultry, people. [Internet]. [Cited 2025 Aug 21]. Available from: https://www.wattagnet.com/poultry-meat/diseases-health/avian-influenza/news/15753529/cambodia-records-more-avian-flu-cases-in-poultry-people

ภาพที่ ๑ กัมพูชาพบติดเชื้อหวัดนกเพิ่มทั้งในสัตว์ปีกและคน (Fahroni | Bigstock)






วันพุธที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ความเสี่ยงของโรคไข้หวัดนกในสหราชอาณาจักร

 ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรเป็นประเทศเดียวในยุโรปที่มีการยืนยันการระบาดครั้งใหม่ของไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในฝูงสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์

ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีรายงานการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในสัตว์ปีกที่เลี้ยงในสหราชอาณาจักรจำนวน ๖ ครั้ง โดยกระทรวงเกษตรของรัฐบาลอังกฤษ เป็นผู้รายงาน หลังจากที่สถานการณ์เงียบลงบางส่วนในเดือนเมษายนและพฤษภาคม การระบาดครั้งล่าสุดนี้ทำให้ยอดรวมการระบาดของปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น ๕๙ ครั้ง ในทุกกรณีมีการยืนยันว่าพบเชื้อไวรัสโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสับไทป์เอช ๕ เอ็น ๑ เป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรง

               จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงการพบการติดเชื้อในนกป่าทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง กระทรวงเกษตรของสหราชอาณาจักร ได้ปรับระดับความเสี่ยงของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงขึ้นเป็น “ปานกลาง” สำหรับสัตว์ปีกที่เลี้ยงในสภาพแวดล้อมที่มีมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพไม่เพียงพอ ส่วนฝูงสัตว์ปีกที่มีมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพสูง ความเสี่ยงยังคงถูกประเมินว่า “ต่ำ” แต่มีความไม่แน่นอนในระดับ “ปานกลาง” เพิ่มเข้ามาในประเมินนั้นด้วย

ในสหราชอาณาจักร เขตป้องกันโรคไข้หวัดนก ได้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๘ โดยมีการดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยทางชีวภาพที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงการออกคำสั่งให้สัตว์ปีกในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบต้องถูกเลี้ยงไว้ในอาคาร ในบรรดาฝูงสัตว์ปีกที่ตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกชนิดรุนแรงล่าสุด ได้แก่ ฝูงไก่งวงและไก่เนื้อในมณฑลนอร์ฟอล์กทางตะวันออกของอังกฤษ และฟาร์มเป็ดแห่งหนึ่งในเดวอนทางตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังมีการระบาดอีกสองกรณีในเดวอนที่เกี่ยวข้องกับฟาร์มไก่ฟ้า คาดว่าเลี้ยงเป็นชนิดเดียวหรือร่วมกับเป็ดในฟาร์มเดียวกัน จากการแจ้งอย่างเป็นทางการโดยหน่วยงานด้านสุขภาพสัตว์แห่งชาติไปยังองค์การสุขภาพสัตว์โลก พบว่าในสถานที่เกิดเหตุแห่งที่หก มีแม่ไก่ไข่ประมาณ ๘๘,๐๐๐ ตัวในเขตอเบอร์ดีนเชียร์ ทางตะวันออกของสกอตแลนด์ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด

สถานการณ์โรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในฝูงสัตว์ปีกของยุโรป

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคที่มีการยืนยันการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงในฟาร์ม จนถึงขณะนี้ในปีนี้ มีทั้งหมด ๑๙ ประเทศในภูมิภาครายงานการระบาดของโรค รวมกัน ๒๕๒  ครั้งที่ส่งผลกระทบต่อฝูงสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ ตามข้อมูลจากระบบข้อมูลโรคสัตว์ ณ วันที่ ๑๓ สิงหาคม ฐานข้อมูลนี้บริหารจัดการโดยคณะกรรมาธิการยุโรป ใช้ติดตามโรคสัตว์ที่อยู่ในรายการเฝ้าระวังของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและบางประเทศใกล้เคียง เช่น ตุรกี แต่ไม่รวมสหราชอาณาจักร

ฮังการียังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนการระบาดของโรคไข้หวัดนกในสัตว์ปีกที่เลี้ยงมากที่สุดในปี พ.ศ.๒๕๖๘ โดยมีจำนวน ๑๐๕ ครั้ง ตามมาด้วยโปแลนด์ที่มี ๘๕ ครั้ง ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มีการบันทึกการระบาดในประชากรสัตว์ปีกกลุ่มนี้รวมทั้งสิ้น ๔๕๑ ครั้ง โดย ๒๐ ประเทศ ผ่านระบบคณะกรรมาธิการยุโรป

สัตว์ปีกที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์พบโรคไข้หวัดนกในสี่ประเทศ

 ฐานข้อมูลของคณะกรรมาธิการยุโรป มีหมวดหมู่แยกต่างหากสำหรับติดตามการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรง ในกลุ่มสัตว์ปีกที่ถูกกักเลี้ยง ซึ่งครอบคลุมถึงสัตว์ปีกที่เลี้ยงในครัวเรือนหรือเพื่อความเพลิดเพลิน รวมถึงสัตว์ในสวนสัตว์ ณ วันที่ ๑๓ สิงหาคม มีทั้งหมด ๑๘ ประเทศที่รายงานการระบาดในประชากรกลุ่มนี้รวม ๗๕ ครั้ง โดยมีการบันทึกครั้งแรกในหมวดหมู่นี้จากสาธารณรัฐไอร์แลนด์และสเปน รวมถึงการระบาดเพิ่มเติมในโปรตุเกส รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์เหล่านี้ได้รับจากการแจ้งอย่างเป็นทางการโดยหน่วยงานสัตวแพทย์แห่งชาติไปยังองค์การสุขภาพสัตว์โลก

 เริ่มต้นในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม การระบาดในสเปนมีสัตว์ปีกจำนวน ๑๓๒ ตัวในแคว้นบาสก์ที่ได้รับผลกระทบ ขณะที่ในช่วงปลายเดือนเดียวกัน มีฝูงสัตว์ปีกขนาดเล็กที่เลี้ยงในครัวเรือนในเคาน์ตี้โดนีกอลของไอร์แลนด์ตรวจพบเชื้อไวรัสเอช ๕ เอ็น ๑ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน การระบาดครั้งที่สี่ของโปรตุเกสในปี พ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงนี้เกิดขึ้นกับฝูงสัตว์ปีกที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ในเขตเซตูบัล สำหรับสหราชอาณาจักร มีการระบาดล่าสุดสองกรณีในกลุ่มสัตว์ปีกที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ ได้แก่ ฝูงสัตว์ปีกที่เลี้ยงในครัวเรือนในเคาน์ตี้เดอแฮม ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ และอีกกรณีหนึ่งเป็นเหยี่ยวที่ใช้ควบคุมศัตรูพืชในเคาน์ตี้ซัมเมอร์เซต ทางตะวันตกเฉียงใต้ เมื่อเปรียบเทียบ ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ มีทั้งหมด 17 ประเทศที่รายงานการระบาดในนกที่ถูกกักเลี้ยงรวม ๑๔๒ ครั้งผ่านระบบของคณะกรรมาธิการยุโรป

ตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคม มีเจ็ดประเทศในยุโรปที่รายงานการติดเชื้อไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง ในประชากรนกป่าต่อคณะกรรมาธิการยุโรป ฝรั่งเศสและสเปนต่างยืนยันการระบาดเพิ่มเติมอีกหกครั้งที่เกี่ยวข้องกับสายพันธุ์ไวรัสเอช ๕ เอ็น ๑ ขณะที่เบลเยียมรายงานสี่ครั้ง และฮังการีกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์รายงานประเทศละหนึ่งครั้ง ในขณะเดียวกัน นอร์เวย์ยืนยันการระบาดเพิ่มเติมอีกสามครั้งที่เกี่ยวข้องกับไวรัสสายพันธุ์เอช ๕ เอ็น ๕ ณ วันที่ ๑๓ สิงหาคม มีการลงทะเบียนการระบาดในนกป่าทั้งหมด 631 ครั้ง (ครอบคลุมทุกสายพันธุ์ไวรัส) กับระบบของคณะกรรมาธิการยุโรปโดย ๓๑ ประเทศในปีนี้ ตลอดทั้งปี พ.ศ.๒๕๖๗ มีทั้งหมด ๓๒ ประเทศที่รายงานการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูง ในประชากรนกป่ารวม ๙๒๖ ครั้งในฐานข้อมูลดังกล่าว

ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานในสหราชอาณาจักรแจ้งต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลกว่ามีนกป่าจำนวนเพิ่มเติมอีก ๕๓ ตัวที่ตรวจพบเชื้อไวรัสเอช ๕ เอ็น ๑ ในเดือนพฤษภาคมของปีนี้ มีแมวน้ำป่าตัวหนึ่งที่พบเสียชีวิตบนชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ ตรวจพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์เอช ๗ เอ็น ๑ ที่มีความรุนแรงต่ำ โดยตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของรัฐบาลอังกฤษ แหล่งที่มาของการติดเชื้อมีแนวโน้มว่าจะมาจากนกป่า การปรับตัวของไวรัสในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเกี่ยวข้องกับยีนหนึ่งตัว เคยพบในกรณีอื่นมาก่อน อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการติดเชื้อเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในกรณีนี้หรือไม่

เอกสารอ้างอิง

Linden J. 2025. Avian flu risk to poultry raised in Great Britain. [Internet]. [Cited 2025 Aug 19]. Available from: https://www.wattagnet.com/poultry-meat/diseases-health/avian-influenza/news/15753337/bird-flu-risk-to-poultry-raised-in-great-britain

ภาพที่ ๑ ความเสี่ยงหวัดนกต่อสัตว์ปีกในสหราชอาณาจักร (แหล่งภาพ MBGX2 | Pixabay)



วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เปลี่ยนมูลไก่ให้เป็นอาหารสัตว์โปรตีนสูง ด้วยพลังโปรไบโอติก

 นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาซาน ประเทศรัสเซีย ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถนำมูลสัตว์ปีกผ่านการบำบัดด้วยสายพันธุ์แบคทีเรียโปรไบโอติก มาใช้เป็นสารเติมแต่งอาหารสัตว์ที่มีโปรตีนสูงได้

เทคโนโลยีดังกล่าวได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพจากการทดลองในนกกระทา โดยนักวิจัยระบุว่า สารเติมแต่งอาหารสัตว์ที่พัฒนาขึ้นช่วยเพิ่มรสชาติของเนื้อนกกระทา ทำให้กลิ่นหอมเข้มข้นขึ้นและเนื้อมีความฉ่ำมากขึ้น ภายใต้กระบวนการที่พัฒนาขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้นำแบคทีเรียสายพันธุ์ บาซิลลัส ที่สร้างสปอร์มาใช้กับมูลสัตว์ปีกที่ผ่านการฆ่าเชื้อ โดยแบคทีเรียชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะส่วนประกอบของโปรไบโอติกในอาหารสัตว์ และจากการศึกษาหลายฉบับพบว่า มีศักยภาพในการยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคในลำไส้ของสัตว์ปีก รวมถึงช่วยฟื้นฟูระบบการย่อยอาหารให้กลับมาเป็นปกติ นักวิทยาศาสตร์ยังระบุว่า มูลสัตว์ปีกที่ผ่านการอบด้วยไมโครเวฟแบบพิเศษจะมีปริมาณโปรตีนอยู่ระหว่างร้อยละ ๒๓ ถึง ๒๘ และประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็นหลายชนิด โดยเน้นว่า วัสดุดังกล่าวมีความปลอดภัยในการใช้เป็นอาหารสัตว์ และสามารถทดแทนแหล่งโปรตีนราคาแพงได้ โดยไม่ส่งผลต่อกลิ่นหรือรสชาติของเนื้อสัตว์แต่อย่างใด

อาหารนกกระทา

อาหารสำหรับนกกระทากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจ โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ได้เรียกร้องให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์สำหรับนกกระทา พิจารณาศักยภาพของสารเติมแต่งอาหารสัตว์ชนิดใหม่ที่พัฒนาขึ้น นักวิจัยอธิบายว่า เนื้อนกกระทามีปริมาณโปรตีนสูงกว่าและไขมันต่ำกว่าเนื้อไก่ จึงได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมการผลิตเนื้อควีลยังคงเผชิญกับปัญหาสำคัญ นั่นคือคุณภาพของอาหารสัตว์มีผลโดยตรงต่อรสชาติและกลิ่นของเนื้อสัตว์ โดยอาหารสัตว์ทั่วไปไม่สามารถให้คุณสมบัติทางประสาทสัมผัสที่จำเป็นได้อย่างเพียงพอ อีกทั้งผู้ผลิตยังต้องพึ่งพาสารเติมแต่งนำเข้าที่มีราคาสูง ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตโดยรวม

จัดการปัญหาหลายอย่างพร้อมกัน

นักวิทยาศาสตร์ยังเน้นย้ำว่า หากมีการนำเทคโนโลยีใหม่นี้มาใช้อย่างแพร่หลาย จะสามารถยกระดับการจัดการของเสียในอุตสาหกรรมสัตว์ปีกของรัสเซียได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยการนำของเสียจากสัตว์ปีกมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารสัตว์ จะช่วยลดการพึ่งพาสารเคมีและวัตถุดิบนำเข้าที่มีราคาสูง ส่งผลให้กระบวนการผลิตมีความยั่งยืนมากขึ้น และลดต้นทุนการผลิตในภาพรวม

นักวิจัยกล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้สามารถแก้ไขปัญหาได้หลายด้านในคราวเดียว ทั้งการปรับปรุงคุณภาพเนื้อนกกระทาโดยไม่ต้องใช้สารเคมี การลดต้นทุนอาหารสัตว์ด้วยการใช้วัตถุดิบภายในประเทศ และการนำของเสียจากสัตว์ปีกมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่ออุตสาหกรรม”

อย่างไรก็ตาม อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะสามารถนำมาใช้จริงในหมู่เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีกในรัสเซียได้ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๕ ฝ่ายนิติบัญญัติของรัสเซียได้อนุญาตให้มีการใช้มูลสัตว์ปีกเป็นปุ๋ยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่การนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารสัตว์ยังคงถูกห้ามในเชิงเทคนิค โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมสัตว์ปีกของรัสเซียเริ่มให้ความสนใจมากขึ้นกับเทคโนโลยีการจัดการของเสียรูปแบบใหม่ เนื่องจากการควบคุมจากภาครัฐในด้านนี้มีความเข้มงวดมากขึ้น และฟาร์มจำนวนมากเริ่มถูกปรับจากการจัดการของเสียที่ไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน

เอกสารอ้างอิง

Vorotnikov V. 2025. Turning poultry droppings into high-protein feed with probiotics. [Internet]. [Cited 2025 Aug 15]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/turning-poultry-droppings-into-high-protein-feed-with-probiotics/

ภาพที่ ๑ นักวิทยาศาสตร์ได้เรียกร้องให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์สำหรับนกกระทาพิจารณาโอกาสในการใช้มูลสัตว์ปีกที่ผ่านการบำบัดด้วยสายพันธุ์แบคทีเรียโปรไบโอติกเป็นสารเติมแต่งอาหารสัตว์ที่มีโปรตีนสูง (แหล่งภาพ Canva)

วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ตลาดสัตว์ปีกได้รับอิทธิพลจากภูมิรัฐศาสตร์และไข้หวัดนก

 ตามรายงานล่าสุดจากราโบรีเซิร์ช แนวโน้มของตลาดสัตว์ปีกทั่วโลกในปี พ.ศ.๒๕๖๘ จะถูกกำหนดโดยปัจจัย ด้านภูมิรัฐศาสตร์และการระบาดของโรคไข้หวัดนก

การค้าสัตว์ปีกทั่วโลก ในไตรมาสแรกของปี พ.ศ.๒๕๖๘ การค้าสัตว์ปีกทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อแรงขับเคลื่อนนี้ โดยเฉพาะการระบาดของไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ประกอบกับภาษีศุลกากรที่อาจถูกบังคับใช้ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน อาจเปลี่ยนแปลงทิศทางการค้าระหว่างประเทศ การระบาดของไข้หวัดนกในบราซิลได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาด โดยประเทศผู้นำเข้าหลักได้สั่งระงับการนำเข้าสัตว์ปีกจากบราซิลประมาณร้อยละ ๔๐ ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด

การปรับประมาณการการผลิต “แนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาด เราจึงได้ปรับลดประมาณการการผลิตสัตว์ปีกทั่วโลกในปี พ.ศ.๒๕๖๘ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ ๒.๕ ถึง ๓ เหลือเพียง ๒ ถึง ๒.๕ และอาจต้องปรับลดลงอีก หากสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังคงทวีความรุนแรง” นักวิเคราะห์อาวุโสด้านโปรตีนจากสัตว์แห่งราโบรีเซิร์ช

การระบาดของโรคไข้หวัดนก

โรคไข้หวัดนกยังคงส่งแรงสั่นสะเทือนต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกทั่วโลก หลังจากเกิดการระบาดครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และบราซิล โดยในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน มีการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุโรปตอนกลาง โดยเฉพาะในประเทศโปแลนด์ ฮังการี และตอนเหนือของอิตาลี ได้รับผลกระทบอย่างหนัก การระบาดในรัฐรีโอกรันดีโดซูลของบราซิลได้สร้างความเสียหายรุนแรงต่อการค้าสัตว์ปีกทั่วโลก เนื่องจากบราซิลเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกสัตว์ปีกรายใหญ่ของโลก ในสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมไข่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยราคาพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสแรกของปี ในยุโรป การระบาดในฝูงพ่อแม่พันธุ์ส่งผลให้ตลาดไข่ฟัก เดิมก็มีอุปทานจำกัดอยู่แล้ว ยิ่งตึงตัวมากขึ้น และทำให้การฟื้นฟูฝูงสัตว์ปีกล่าช้าออกไป ราคาสินค้าสัตว์ปีก ได้แก่ ไก่ เป็ด และไข่ พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยโปแลนด์ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการทำลายฝูงพ่อแม่พันธุ์ในวงกว้าง ภาวะขาดแคลนอุปทานกำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วทั้งยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมในระยะสั้น

ความตึงเครียดทางการค้า

จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา กำลังเผชิญกับแนวโน้มที่ไม่แน่นอนที่สุดในด้านการค้าสัตว์ปีกระดับโลก โดยภูมิภาคเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงที่สุด และทิศทางของนโยบายการค้าในอนาคตอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ และแตกต่างกันอย่างมากต่ออุตสาหกรรมไก่ในแต่ละประเทศ “ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีความกังวลเพิ่มเติมว่า การที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประมง อาจทำให้ปริมาณสินค้าประมงในประเทศเพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อตลาดสัตว์ปีกในท้องถิ่น” ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านกำลังเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดโลกอีกระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ ที่ยังดำเนินอยู่ อาจพัฒนาไปในสองทิศทาง ได้แก่ การเกิดความขัดแย้งทางการค้าในระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการเรียกเก็บภาษีในวงกว้างและมาตรการตอบโต้ การลงนามข้อตกลงทวิภาคี ส่งเสริมการส่งออกสัตว์ปีกและการลงทุนจากสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางใด ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกทั่วโลกก็จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ภูมิรัฐศาสตร์และโรคระบาดเป็นปัจจัยไม่แน่นอนที่สำคัญ

ตลาดไก่คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงปี พ.ศ.๒๕๖๘ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่มีแนวโน้มทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้อุตสาหกรรมสัตว์ปีกจะยังอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบโดยรวม แต่แนวโน้มในอนาคตยังคงไม่แน่นอน โดยขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และทิศทางการระบาดของโรคไข้หวัดนกทั่วโลก บทบาทของภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่มีสัดส่วนประมาณร้อยละ ๒๐ ของการค้าสัตว์ปีกทั่วโลก ถือเป็นภูมิภาคผู้นำเข้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านทวีความรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเส้นทางการค้า และสร้างแรงกดดันต่อทั้งตลาดสัตว์ปีกโลกและเศรษฐกิจโดยรวม

เอกสารอ้างอิง

van Es-Sahota S. 2025. Rabobank: Poultry markets shaped by geopolitics and avian influenza. [Internet]. [Cited 2025 Jul 18]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/rabobank-poultry-markets-shaped-by-geopolitics-and-avian-influenza/

ภาพที่ ๑ ตามรายงานล่าสุดเกี่ยวกับตลาดสัตว์ปีกทั่วโลกแนวโน้มของตลาดสัตว์ปีกทั่วโลกจะถูกกำหนดโดยปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์และการระบาดของโรคไข้หวัดนก โดยตลาดสัตว์ปีกจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในปี พ.ษ.๒๕๖๘ (แหล่งภาพ Canva)



วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เอ็มเอชพีเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัทยูเวซา

 บริษัทเอ็มเอชพีจากประเทศยูเครน ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลให้ดำเนินการเข้าซื้อกิจการกลุ่มบริษัทยูเวซา เป็นผู้ประกอบการแบบครบวงจรด้านสัตว์ปีกและสุกรในประเทศสเปน โดยการเข้าซื้อครั้งนี้ครอบคลุมสัดส่วนหุ้นร้อยละ ๙๒

ในช่วงสิ้นสุดระยะเวลาการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหารนานาชาติ เอ็มเอชพี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศยูเครน ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัทยูเวซามากกว่าร้อยละ ๙๒ เป็นที่เรียบร้อย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายยูริ โคซยุค ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอ็มเอชพีได้ประกาศว่า การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว โดยได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าในหลายประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย เซอร์เบีย มอนเตเนโกร โคโซโว รวมถึงสเปนและยูเครน

หลังจากการเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้น เป้าหมายหลักของทั้งสองบริษัทคือการบูรณาการการดำเนินงานของยูเวซา ในประเทศสเปนเข้าสู่โครงสร้างของเอ็มเอชพี โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งการเติบโตของ ยูเวซา ในอนาคต และขยายการดำเนินงานของกลุ่มไปยังภูมิภาคยุโรปและตะวันออกกลาง นายโคซยุคกล่าวว่า “เราจะมุ่งเน้นการเสริมศักยภาพให้กับทีมงานของยูเวซา เพื่อขยายการดำเนินงาน ส่งเสริมนวัตกรรม ยกระดับประสิทธิภาพ และเปิดตลาดใหม่ ๆ โดยมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง การพัฒนาอย่างยั่งยืน และวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการเติบโตของบุคลากร เป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ของเรา”

ด้านนายอันโตนิโอ ซานเชซ ประธานบริษัท ยูเวซา กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ เอ็มเอชพี ถือเป็นบทใหม่ที่สำคัญของ ยูเวซา ซึ่งจะสามารถเร่งการเติบโตได้ด้วยประสบการณ์อันกว้างขวางของ เอ็มเอชพี ในด้านนวัตกรรมการดำเนินงาน พร้อมทั้งรักษาความเป็นเลิศในการผลิตอาหารคุณภาพสูงอย่างยั่งยืน และรับประกันความมั่นคงด้านอาหารอย่างเต็มรูปแบบ” ทั้งนี้ การทำธุรกรรมดังกล่าวดำเนินการผ่านบริษัทในเครือของเอ็มเอชพี ในยุโรป คือ เปรูตนีนา ปตูย์ ตามข้อมูลจากกลุ่มบริษัทยูเวซา ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๗ กลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหารนานาชาติ เอ็มเอชพี ได้ประกาศแผนการเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัท ยูเวซา เป็นครั้งแรก ภายในระยะเวลาเพียงสี่เดือน ทางการสเปนได้อนุมัติการซื้อกิจการดังกล่าว และ เอ็มเอชพี ได้ถือครองหุ้นของ ยูเวซา มากกว่าร้อยละ ๕๐ ภายใต้ข้อตกลงการซื้อหุ้น

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริษัท เอ็มเอชพี และยูเวซา

กลุ่มบริษัท เอ็มเอชพี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ผลิตเนื้อไก่รายใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีปริมาณการผลิตประจำปีอยู่ที่ ๗๐๔ ล้านตัว ในฐานข้อมูลเดียวกัน ระบุว่า กลุ่มบริษัท ยูเวซา มีปริมาณการผลิตไก่ประจำปีอยู่ที่ ๙๕ ล้านตัวในปีเดียวกัน ทำให้บริษัทติดอันดับหนึ่งใน ๓๐ ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และเป็นอันดับสองในตลาดสเปน โดย กลุ่มบริษัท ยูเวซา เป็นบริษัทแบบบูรณาการแนวดิ่งที่ตั้งอยู่ในแคว้นนาวาร์ทางตอนเหนือของประเทศสเปน และยังดำเนินธุรกิจในด้านอาหารสัตว์และเนื้อสุกรอีกด้วย

 

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยูเวซา ได้ประกาศการเข้าซื้อโรงฟักไข่ไก่แห่งหนึ่งในแคว้นลาริโอฆา ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ดำเนินงานเดิมของบริษัท พร้อมกันนั้นยังมีแผนเข้าซื้อฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ไก่จำนวนสองแห่ง

ผลประกอบการในปีงบประมาณล่าสุด เอ็มเอชพี รายงานว่ารายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘ พร้อมกับการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในด้านความสามารถในการทำกำไร โดยกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสามจุดเปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ระดับร้อยละ ๑๔ แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจในตลาดภายในประเทศ เอ็มเอชพี ยังคงรายงานยอดขายที่มีเสถียรภาพ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเนื้อไก่ที่แข็งแกร่ง ตามรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี พ.ศ.๒๕๖๘

เอกสารอ้างอิง

Linden J. 2025. MHP completes acquisition of 92% of Uvesa Group. [Internet]. [Cited 2025 Aug 5]. Available from: https://www.wattagnet.com/regions/europe/news/15752245/mhp-completes-acquisition-of-uvesa-group

ภาพที่ ๑ เอ็มเอชพีเข้าซื้อกิจการของกลุ่มกลุ่มบริษัทยูเวซา (แหล่งภาพ Uvesa)



วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568

สเปน: ประเทศล่าสุดในยุโรปที่ยืนยันการกลับมาของไข้หวัดนก

 ในเดือนกรกฎาคม ฟาร์มสองแห่งในประเทศสเปนตรวจพบการติดเชื้อไข้หวัดนกชนิดรุนแรง นับเป็นการติดเชื้อในฝูงสัตว์ครั้งแรกของประเทศในปีนี้

หลังจากเว้นช่วงไปนานกว่าสองปี สเปนได้กลายเป็นประเทศล่าสุดในภูมิภาคที่ยืนยันการพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดเอช ๕ เอ็น ๑ เป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงสูงในสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม มีรายงานการตายจำนวนมากในฟาร์มที่เลี้ยงไก่งวงเพื่อการบริโภคประมาณ ๑,๒๐๐ ตัว ในแคว้นเอกซ์เตรมาดูรา ทางตะวันตกของประเทศ ตามการแจ้งอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานด้านสุขภาพสัตว์แห่งชาติของสเปนต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก

ประมาณสิบวันต่อมา พบการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดียวกันในฝูงแม่ไก่พันธุ์จำนวน ๔๕,๐๐๐ ตัว ในแคว้นคาสตีญา-ลา มันชา ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่แรก โดยจุดที่เกิดการระบาดครั้งที่สองนี้อยู่ห่างจากจุดแรกไปทางเหนือมากกว่า ๒๐๐ กิโลเมตร การระบาดของไข้หวัดนกครั้งก่อนในสเปนสิ้นสุดลงเมื่อเดือนมีนาคม ปี พ.ศ.๒๕๖๕ แหล่งที่มาของการติดเชื้อครั้งล่าสุดถูกระบุว่าเกิดจากการสัมผัสกับสัตว์ป่า

ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ มีนกป่าประมาณ ๘๐ ตัวที่ตรวจพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดียวกันใน ๘ พื้นที่ ตามรายงานอย่างเป็นทางการที่ส่งถึงองค์การสุขภาพสัตว์โลก โดยในจำนวนนี้ ๖ รายพบในแคว้นเอกซ์เตรมาดูรา ส่วนกรณีแรกเกิดขึ้นในแคว้นอันดาลูเซียทางตอนใต้สุดของประเทศ และกรณีล่าสุดพบในแคว้นบาสก์ทางตอนเหนือสุดของสเปน ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการยืนยันการระบาดของไข้หวัดนกเพิ่มเติมในสหราชอาณาจักรเชื่อมโยงกับไวรัสสายพันธุ์เดียวกัน โดย ณ วันที่ ๑ สิงหาคม จำนวนฝูงสัตว์ที่ติดเชื้อโรคไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในประเทศตลอดปีนี้อยู่ที่ ๕๕ ฝูง ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของรัฐบาลอังกฤษ

การระบาดล่าสุดมีการกระจายตัวอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ โดยสถานที่ที่ได้รับผลกระทบประกอบด้วย ๓ แห่งในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ หนึ่งแห่งในภาคตะวันออก หนึ่งแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอีกหนึ่งแห่งในภาคตะวันออกของสกอตแลนด์ หนึ่งในฝูงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบถูกระบุว่าเป็นนกที่ถูกเลี้ยงไว้ในกรง และอีกฝูงหนึ่งมีนกสำหรับล่าสัตว์ประมาณ ๒,๕๐๐ ตัว

ภาพรวมสถานการณ์ไข้หวัดนกในฝูงสัตว์ปีกของยุโรป

ยกเว้น ประเทศสเปนและสหราชอาณาจักร ฤดูกาลการระบาดของไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง โดยทั่วไปยังคงอยู่ในช่วงสงบ เมื่อรวมการระบาดล่าสุด สองกรณีในสเปน ขณะนี้มีการบันทึกการระบาดในสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์รวมทั้งสิ้น ๒๕๒ รายใน ๑๙ ประเทศทั่วภูมิภาค ตามข้อมูลจากระบบสารสนเทศโรคสัตว์ของคณะกรรมาธิการยุโรป หรืออีซี ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ฐานข้อมูลนี้ใช้ติดตามโรคสัตว์ที่อยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและบางประเทศใกล้เคียง เช่น ตุรกี แต่ไม่รวมสหราชอาณาจักร

ฮังการี มีจำนวนการระบาดในสัตว์ปีกเลี้ยงมากที่สุดในภูมิภาคในปี พ.ศ.๒๕๖๘ โดยมีทั้งหมด ๑๐๕ ครั้ง รองลงมาคือโปแลนด์ ๘๕ ครั้ง และอิตาลี ๒๑ ครั้ง ไม่มีประเทศอื่นใดในภูมิภาคที่มีการระบาดในฟาร์มเกิน ๙ ครั้ง เพื่อเปรียบเทียบ ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ มีการยืนยันการระบาดของไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง ในสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์จำนวน ๔๕๑ ครั้งจาก ๒๐ ประเทศ ตามระบบของอีซี

ระบบของอีซียังมีหมวดแยกสำหรับติดตามสถานการณ์ไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง ในสัตว์ปีกที่เลี้ยงในกรงหรือเพื่อความเพลิดเพลิน เช่น สัตว์ปีกในครัวเรือนหรือในสวนสัตว์ ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม มี ๑๖ ประเทศที่รายงานการระบาดในกลุ่มนี้รวมทั้งสิ้น ๗๒ ครั้ง สถานการณ์ยังคงทรงตัวตลอดช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการยืนยันการระบาดเพิ่มเติมเพียงหนึ่งกรณีในสัตว์ปีกที่เลี้ยงในครัวเรือนในสาธารณรัฐเช็ก เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ มี ๑๗ ประเทศที่รายงานการระบาดในสัตว์ปีกที่เลี้ยงในกรงหรือเพื่อความเพลิดเพลิน รวมทั้งสิ้น ๑๔๒ กรณี ผ่านระบบของอีซี

ไข้หวัดนกในสัตว์ป่า

ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม หน่วยงานสัตวแพทย์แห่งชาติของ 10 ประเทศในภูมิภาคได้ยืนยันการตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ป่า รายงานเหล่านี้ที่ส่งถึงองค์การสุขภาพสัตว์โลก และคณะกรรมาธิการยุโรป แสดงให้เห็นว่าไวรัสเหล่านี้ยังคงแพร่กระจายอยู่ในสัตว์ป่าของภูมิภาค ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มี 7 ประเทศที่รายงานกรณีใหม่ในสัตว์ป่าผ่านฐานข้อมูลของคณะกรรมาธิการยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอร์แลนด์เหนือ โปรตุเกส และสเปน

ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม มี ๓๑ ประเทศในภูมิภาคที่รายงานการระบาดในสัตว์ป่ารวมทั้งสิ้น ๖๐๙  ครั้ง (ทุกสายพันธุ์ของไวรัส) ผ่านระบบของคณะกรรมาธิการยุโรป ตั้งแต่ต้นปี ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มี ๓๒ ประเทศที่รายงานการระบาดของไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ป่ารวม ๙๒๖ กรณีในฐานข้อมูลเดียวกัน หลังจากเว้นช่วงไปสามเดือน มีการยืนยันการพบเชื้อไวรัส H5N1 ในสัตว์ป่าจำนวน 2 ตัวในประเทศฮังการี ตามการแจ้งล่าสุดจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก นอกจากนี้ หน่วยงานในเบลเยียมและสหราชอาณาจักรยังได้รายงานกรณีเพิ่มเติมต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลกเช่นกัน

รายงานจากหน่วยงานเฉพาะกิจของสหราชอาณาจักร

เกี่ยวกับแนวโน้มการฉีดวัคซีนป้องกัน ไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ปีก ปัจจุบัน การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ปีกในสหราชอาณาจักรถูกห้าม ยกเว้นในกรณีจำกัด เช่น สวนสัตว์ สำหรับตอนนี้ การรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเข้มงวดยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อในฝูงสัตว์ปีก อย่างไรก็ตาม หน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างภาคอุตสาหกรรมและรัฐบาลได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับผลการศึกษาล่าสุด ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการนำความรู้และความเข้าใจล่าสุดมาใช้เพื่อปกป้องฝูงสัตว์ปีกจากไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในอนาคต โรคนี้กำลังเป็นปัญหาในระดับโลก โดยมีการกลับมาระบาดซ้ำอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่ในฤดูร้อน ตามรายงานของคณะทำงานด้านการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกที่จัดทำโดยกระทรวงสิ่งแวดล้อม อาหาร และกิจการชนบทแห่งสหราชอาณาจักร

รายงานฉบับนี้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น ผลกระทบต่อการค้าและสุขภาพมนุษย์ ความต้องการทรัพยากรด้านสัตวแพทย์และห้องปฏิบัติการ รวมถึงการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ โดยมีการประเมินโอกาส ข้อจำกัด และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน คณะทำงานพบว่า ประเด็นนี้มีความซับซ้อน อย่างไรก็ตาม ได้มีการระบุขั้นตอนสำคัญที่จำเป็นในลำดับถัดไป ได้แก่ การทดลองฉีดวัคซีนในฟาร์ม โดยเริ่มจากฝูงไก่งวง และการตรวจสอบขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการ เพื่อรองรับการเฝ้าระวังโรคในวงกว้างมากขึ้น

ในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ประเทศฝรั่งเศสได้เริ่มดำเนินโครงการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกชนิดรุนแรง โดยกำหนดให้ ฝูงเป็ดเชิงพาณิชย์ต้องได้รับวัคซีนโดยบังคับ แต่ยังไม่อนุญาตให้ใช้ในสัตว์ปีกประเภทอื่น 

เอกสารอ้างอิง

Linden J. 2025. Spain: latest European country to confirm return of avian flu. [Internet]. [Cited 2025 Aug 4]. Available from: https://www.wattagnet.com/poultry-meat/diseases-health/avian-influenza/news/15752140/spain-latest-european-country-to-confirm-return-of-avian-flu

ภาพที่ ๑ สเปนเป็นประเทศล่าสุดในยุโรปที่ยืนยันการกลับมาของไข้หวัดนก (แหล่งภาพ Jorono | Pixabay)



วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ยกระดับโรคไข้หวัดนกเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก

 เชื้อไวรัสไข้หวัดนกกำลังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของภาคเกษตรกรรม ความมั่นคงทางอาหาร การค้า และระบบนิเวศ ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่การฉีดวัคซีนควรมีบทบาทมากขึ้นในการควบคุมโรคนี้?

หากคุณยังไม่แน่ใจว่า ควรฉีดวัคซีนให้กับนกเพื่อต่อสู้กับโรคไข้หวัดนกหรือไม่ คุณอาจต้องอ่านรายงานฉบับล่าสุดจาก องค์การสุขภาพสัตว์โลกในช่วงกว่า ๒๐ ปีที่ผ่านมาระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึง ๒๕๖๘ มีนกมากกว่า ๖๓๓ ล้านตัว ตายจากการติดเชื้อหรือจากการทำลายเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสดังกล่าว ไวรัสนี้ไม่ได้เป็นเพียงภัยเฉพาะฤดูกาลหรือภูมิภาคอีกต่อไป

ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นมา ไวรัสได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ติดเชื้อใน นกป่าหลากหลายชนิดมากขึ้น และเริ่มพบการติดเชื้อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังมีรายงานการติดเชื้อใน มนุษย์เป็นครั้งคราว สร้างความกังวลว่าไวรัสอาจกลายพันธุ์จนกลายเป็นวิกฤตสาธารณสุขในวงกว้างในอนาคต

ท่าทีที่เข้มแข็งมากขึ้น

แม้ว่า มาตรการด้านชีวอนามัย การเฝ้าระวังโรค และการควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์จะยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่รายงานระบุว่า การฉีดวัคซีนสามารถเสริมมาตรการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยช่วยลดการหมุนเวียนของไวรัสภายในและระหว่างฝูงสัตว์ปีก ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อสู่สัตว์ป่าและมนุษย์

นอกจากนี้ เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง องค์การสุขภาพสัตว์โลกยังชี้ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนสอดคล้องกับมาตรฐานการค้าระหว่างประเทศ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกยังสามารถวางจำหน่ายในตลาดโลกได้ ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ องค์การสุขภาพสัตว์โลก กล่าวถึง การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในเครื่องมือควบคุมโรคไข้หวัดนก ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ในบทความชื่อ “ไข้หวัดนก: ทำไมจึงไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการค้า”  องค์การฯ ระบุว่า จำเป็นต้องพิจารณามาตรการควบคุมโรคที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่มีอยู่ ในบางสถานการณ์ทางระบาดวิทยา การฉีดวัคซีนอาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมกลยุทธ์ควบคุมโรคแบบอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ที่น่าสนใจก็คือ น้ำเสียงและท่าทีของ องค์การสุขภาพสัตว์โลก ในปัจจุบันดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในทางที่สนับสนุนการฉีดวัคซีนมากขึ้น

ในรายงาน สถานภาพสุขภาพสัตว์ของโลก พ.ศ. ๒๕๖๘ ขององค์การสุขภาพสัตว์โลก ยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า โรคไข้หวัดนกระดับความรุนแรงสูง ไม่ใช่เพียงวิกฤตด้านสุขภาพสัตว์เท่านั้น แต่เป็น ภาวะฉุกเฉินระดับโลก ที่กำลังบั่นทอนความมั่นคงของภาคเกษตรกรรม ความมั่นคงทางอาหาร การค้า และระบบนิเวศ การรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องอาศัย แนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนและรอบด้าน เพื่อปกป้องเศรษฐกิจ วิถีชีวิตของผู้คน และความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันของระบบ ต่อการระบาดในอนาคต หากคุณยังคงไม่แน่ใจว่า ควรฉีดวัคซีนให้นกเพื่อป้องกันไข้หวัดนกหรือไม่ คุณอาจต้องลองอ่านรายงานล่าสุดจากองค์การสุขภาพสัตว์โลกฉบับนี้ดูอีกครั้ง

ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา มีสัตว์ปีกมากกว่า ๖๓๓ ล้านตัว ที่สูญเสียไปจากการติดเชื้อ หรือจากการกำจัดเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส ไวรัสไข้หวัดนกไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะฤดูกาลหรือเฉพาะพื้นที่อีกต่อไป ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เชื้อไวรัสได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ใหม่ๆ แล้วติดเชื้อในนกป่าหลากหลายชนิดเพิ่มขึ้น และยังพบการติดเชื้อใน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในบางกรณียังมี การติดเชื้อในมนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าไวรัสอาจกลายพันธุ์จนกลายเป็น วิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงทราบสถานการณ์เหล่านี้ แม้อาจไม่ทราบตัวเลขนกที่สูญเสียไป จึงไม่น่าแปลกใจที่ในรายงานสถานภาพสุขภาพสัตว์ของโลก พ.ศ. ๒๕๖๘

องค์การสุขภาพสัตว์โลก ระบุว่า ขนาดและความซับซ้อนของการระบาดในสัตว์ ที่ยังคงดำเนินอยู่ ต้องการการตอบสนองอย่างเร่งด่วนและรอบด้านมากกว่ามาตรการควบคุมแบบเดิม รายงานยังระบุเพิ่มเติมว่า แม้จะมีความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และเน้นว่าการฉีดวัคซีนได้กลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีศักยภาพในการเสริมมาตรการเดิม ช่วยลดทั้งการแพร่กระจายของไวรัสและความรุนแรงของการติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นว่า มาตรการควบคุมตามหลักสุขอนามัยแบบดั้งเดิม เช่น การทำลายนกจำนวนมาก ม้จะมีบทบาทสำคัญในการควบคุมโรค แต่กลับส่งผลกระทบ ทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง จนเกิดข้อกังวลเกี่ยวกับ ความยั่งยืนของมาตรการเหล่านี้ในระยะยาว

เอกสารอ้างอิง

Clements M. 2025. Avian influenza now a global emergency. [Internet]. [Cited 2025 Aug 4]. Available from: https://www.wattagnet.com/blogs/poultry-around-the-world/blog/15752020/avian-influenza-now-a-global-emergency

ภาพที่ ๑ มาร์ก คลีเมนต์ส เรียกร้องให้ยกระดับโรคไข้หวัดนกเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก (แหล่งภาพ Trend Design | Bigstock)



ถึงเวลาทบทวนข้อจำกัดการค้าจากหวัดนกแล้ว

  ไวรัสไข้หวัดนกชนิดรุนแรง สามารถคงสภาพอยู่ได้ในเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุก ข้อเท็จจริงนี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการจำกัดการค้าต...