วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ตลาดสัตว์ปีกได้รับอิทธิพลจากภูมิรัฐศาสตร์และไข้หวัดนก

 ตามรายงานล่าสุดจากราโบรีเซิร์ช แนวโน้มของตลาดสัตว์ปีกทั่วโลกในปี พ.ศ.๒๕๖๘ จะถูกกำหนดโดยปัจจัย ด้านภูมิรัฐศาสตร์และการระบาดของโรคไข้หวัดนก

การค้าสัตว์ปีกทั่วโลก ในไตรมาสแรกของปี พ.ศ.๒๕๖๘ การค้าสัตว์ปีกทั่วโลกพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถือเป็นการเริ่มต้นปีที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อแรงขับเคลื่อนนี้ โดยเฉพาะการระบาดของไข้หวัดนกที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ประกอบกับภาษีศุลกากรที่อาจถูกบังคับใช้ และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ เช่น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน อาจเปลี่ยนแปลงทิศทางการค้าระหว่างประเทศ การระบาดของไข้หวัดนกในบราซิลได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาด โดยประเทศผู้นำเข้าหลักได้สั่งระงับการนำเข้าสัตว์ปีกจากบราซิลประมาณร้อยละ ๔๐ ของปริมาณการส่งออกทั้งหมด

การปรับประมาณการการผลิต “แนวโน้มเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของตลาด เราจึงได้ปรับลดประมาณการการผลิตสัตว์ปีกทั่วโลกในปี พ.ศ.๒๕๖๘ จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ ๒.๕ ถึง ๓ เหลือเพียง ๒ ถึง ๒.๕ และอาจต้องปรับลดลงอีก หากสงครามระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังคงทวีความรุนแรง” นักวิเคราะห์อาวุโสด้านโปรตีนจากสัตว์แห่งราโบรีเซิร์ช

การระบาดของโรคไข้หวัดนก

โรคไข้หวัดนกยังคงส่งแรงสั่นสะเทือนต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกทั่วโลก หลังจากเกิดการระบาดครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และบราซิล โดยในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน มีการระบาดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในยุโรปตอนกลาง โดยเฉพาะในประเทศโปแลนด์ ฮังการี และตอนเหนือของอิตาลี ได้รับผลกระทบอย่างหนัก การระบาดในรัฐรีโอกรันดีโดซูลของบราซิลได้สร้างความเสียหายรุนแรงต่อการค้าสัตว์ปีกทั่วโลก เนื่องจากบราซิลเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกสัตว์ปีกรายใหญ่ของโลก ในสหรัฐอเมริกา อุตสาหกรรมไข่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยราคาพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสแรกของปี ในยุโรป การระบาดในฝูงพ่อแม่พันธุ์ส่งผลให้ตลาดไข่ฟัก เดิมก็มีอุปทานจำกัดอยู่แล้ว ยิ่งตึงตัวมากขึ้น และทำให้การฟื้นฟูฝูงสัตว์ปีกล่าช้าออกไป ราคาสินค้าสัตว์ปีก ได้แก่ ไก่ เป็ด และไข่ พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยโปแลนด์ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการทำลายฝูงพ่อแม่พันธุ์ในวงกว้าง ภาวะขาดแคลนอุปทานกำลังทวีความรุนแรงขึ้นทั่วทั้งยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมในระยะสั้น

ความตึงเครียดทางการค้า

จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกา กำลังเผชิญกับแนวโน้มที่ไม่แน่นอนที่สุดในด้านการค้าสัตว์ปีกระดับโลก โดยภูมิภาคเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงที่สุด และทิศทางของนโยบายการค้าในอนาคตอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ และแตกต่างกันอย่างมากต่ออุตสาหกรรมไก่ในแต่ละประเทศ “ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีความกังวลเพิ่มเติมว่า การที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าประมง อาจทำให้ปริมาณสินค้าประมงในประเทศเพิ่มขึ้น อาจส่งผลกระทบทางอ้อมต่อตลาดสัตว์ปีกในท้องถิ่น” ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านกำลังเพิ่มความผันผวนให้กับตลาดโลกอีกระดับหนึ่ง ขณะเดียวกัน สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ ที่ยังดำเนินอยู่ อาจพัฒนาไปในสองทิศทาง ได้แก่ การเกิดความขัดแย้งทางการค้าในระดับโลกอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการเรียกเก็บภาษีในวงกว้างและมาตรการตอบโต้ การลงนามข้อตกลงทวิภาคี ส่งเสริมการส่งออกสัตว์ปีกและการลงทุนจากสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นทิศทางใด ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกทั่วโลกก็จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง

ภูมิรัฐศาสตร์และโรคระบาดเป็นปัจจัยไม่แน่นอนที่สำคัญ

ตลาดไก่คาดว่าจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องไปจนถึงปี พ.ศ.๒๕๖๘ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่มั่นคงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่มีแนวโน้มทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้อุตสาหกรรมสัตว์ปีกจะยังอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบโดยรวม แต่แนวโน้มในอนาคตยังคงไม่แน่นอน โดยขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของนโยบายภาษีนำเข้าสหรัฐฯ และทิศทางการระบาดของโรคไข้หวัดนกทั่วโลก บทบาทของภูมิภาคตะวันออกกลาง ที่มีสัดส่วนประมาณร้อยละ ๒๐ ของการค้าสัตว์ปีกทั่วโลก ถือเป็นภูมิภาคผู้นำเข้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านทวีความรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเส้นทางการค้า และสร้างแรงกดดันต่อทั้งตลาดสัตว์ปีกโลกและเศรษฐกิจโดยรวม

เอกสารอ้างอิง

van Es-Sahota S. 2025. Rabobank: Poultry markets shaped by geopolitics and avian influenza. [Internet]. [Cited 2025 Jul 18]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/rabobank-poultry-markets-shaped-by-geopolitics-and-avian-influenza/

ภาพที่ ๑ ตามรายงานล่าสุดเกี่ยวกับตลาดสัตว์ปีกทั่วโลกแนวโน้มของตลาดสัตว์ปีกทั่วโลกจะถูกกำหนดโดยปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์และการระบาดของโรคไข้หวัดนก โดยตลาดสัตว์ปีกจะยังคงแข็งแกร่งต่อไปในปี พ.ษ.๒๕๖๘ (แหล่งภาพ Canva)



วันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เอ็มเอชพีเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัทยูเวซา

 บริษัทเอ็มเอชพีจากประเทศยูเครน ได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลให้ดำเนินการเข้าซื้อกิจการกลุ่มบริษัทยูเวซา เป็นผู้ประกอบการแบบครบวงจรด้านสัตว์ปีกและสุกรในประเทศสเปน โดยการเข้าซื้อครั้งนี้ครอบคลุมสัดส่วนหุ้นร้อยละ ๙๒

ในช่วงสิ้นสุดระยะเวลาการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหารนานาชาติ เอ็มเอชพี ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในประเทศยูเครน ได้เข้าซื้อหุ้นของบริษัทยูเวซามากกว่าร้อยละ ๙๒ เป็นที่เรียบร้อย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายยูริ โคซยุค ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอ็มเอชพีได้ประกาศว่า การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวได้ดำเนินการเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว โดยได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลการแข่งขันทางการค้าในหลายประเทศ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย เซอร์เบีย มอนเตเนโกร โคโซโว รวมถึงสเปนและยูเครน

หลังจากการเข้าซื้อกิจการเสร็จสิ้น เป้าหมายหลักของทั้งสองบริษัทคือการบูรณาการการดำเนินงานของยูเวซา ในประเทศสเปนเข้าสู่โครงสร้างของเอ็มเอชพี โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งการเติบโตของ ยูเวซา ในอนาคต และขยายการดำเนินงานของกลุ่มไปยังภูมิภาคยุโรปและตะวันออกกลาง นายโคซยุคกล่าวว่า “เราจะมุ่งเน้นการเสริมศักยภาพให้กับทีมงานของยูเวซา เพื่อขยายการดำเนินงาน ส่งเสริมนวัตกรรม ยกระดับประสิทธิภาพ และเปิดตลาดใหม่ ๆ โดยมีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง การพัฒนาอย่างยั่งยืน และวัฒนธรรมองค์กรที่เอื้อต่อการเติบโตของบุคลากร เป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ของเรา”

ด้านนายอันโตนิโอ ซานเชซ ประธานบริษัท ยูเวซา กล่าวว่า “ความร่วมมือกับ เอ็มเอชพี ถือเป็นบทใหม่ที่สำคัญของ ยูเวซา ซึ่งจะสามารถเร่งการเติบโตได้ด้วยประสบการณ์อันกว้างขวางของ เอ็มเอชพี ในด้านนวัตกรรมการดำเนินงาน พร้อมทั้งรักษาความเป็นเลิศในการผลิตอาหารคุณภาพสูงอย่างยั่งยืน และรับประกันความมั่นคงด้านอาหารอย่างเต็มรูปแบบ” ทั้งนี้ การทำธุรกรรมดังกล่าวดำเนินการผ่านบริษัทในเครือของเอ็มเอชพี ในยุโรป คือ เปรูตนีนา ปตูย์ ตามข้อมูลจากกลุ่มบริษัทยูเวซา ในช่วงปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๗ กลุ่มธุรกิจเกษตรและอาหารนานาชาติ เอ็มเอชพี ได้ประกาศแผนการเข้าซื้อกิจการของกลุ่มบริษัท ยูเวซา เป็นครั้งแรก ภายในระยะเวลาเพียงสี่เดือน ทางการสเปนได้อนุมัติการซื้อกิจการดังกล่าว และ เอ็มเอชพี ได้ถือครองหุ้นของ ยูเวซา มากกว่าร้อยละ ๕๐ ภายใต้ข้อตกลงการซื้อหุ้น

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มบริษัท เอ็มเอชพี และยูเวซา

กลุ่มบริษัท เอ็มเอชพี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้ผลิตเนื้อไก่รายใหญ่ที่สุดในยุโรป โดยมีปริมาณการผลิตประจำปีอยู่ที่ ๗๐๔ ล้านตัว ในฐานข้อมูลเดียวกัน ระบุว่า กลุ่มบริษัท ยูเวซา มีปริมาณการผลิตไก่ประจำปีอยู่ที่ ๙๕ ล้านตัวในปีเดียวกัน ทำให้บริษัทติดอันดับหนึ่งใน ๓๐ ผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาค และเป็นอันดับสองในตลาดสเปน โดย กลุ่มบริษัท ยูเวซา เป็นบริษัทแบบบูรณาการแนวดิ่งที่ตั้งอยู่ในแคว้นนาวาร์ทางตอนเหนือของประเทศสเปน และยังดำเนินธุรกิจในด้านอาหารสัตว์และเนื้อสุกรอีกด้วย

 

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยูเวซา ได้ประกาศการเข้าซื้อโรงฟักไข่ไก่แห่งหนึ่งในแคว้นลาริโอฆา ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่ดำเนินงานเดิมของบริษัท พร้อมกันนั้นยังมีแผนเข้าซื้อฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ไก่จำนวนสองแห่ง

ผลประกอบการในปีงบประมาณล่าสุด เอ็มเอชพี รายงานว่ารายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘ พร้อมกับการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในด้านความสามารถในการทำกำไร โดยกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และอัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสามจุดเปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ระดับร้อยละ ๑๔ แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจในตลาดภายในประเทศ เอ็มเอชพี ยังคงรายงานยอดขายที่มีเสถียรภาพ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการเนื้อไก่ที่แข็งแกร่ง ตามรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกของปี พ.ศ.๒๕๖๘

เอกสารอ้างอิง

Linden J. 2025. MHP completes acquisition of 92% of Uvesa Group. [Internet]. [Cited 2025 Aug 5]. Available from: https://www.wattagnet.com/regions/europe/news/15752245/mhp-completes-acquisition-of-uvesa-group

ภาพที่ ๑ เอ็มเอชพีเข้าซื้อกิจการของกลุ่มกลุ่มบริษัทยูเวซา (แหล่งภาพ Uvesa)



วันพฤหัสบดีที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2568

สเปน: ประเทศล่าสุดในยุโรปที่ยืนยันการกลับมาของไข้หวัดนก

 ในเดือนกรกฎาคม ฟาร์มสองแห่งในประเทศสเปนตรวจพบการติดเชื้อไข้หวัดนกชนิดรุนแรง นับเป็นการติดเชื้อในฝูงสัตว์ครั้งแรกของประเทศในปีนี้

หลังจากเว้นช่วงไปนานกว่าสองปี สเปนได้กลายเป็นประเทศล่าสุดในภูมิภาคที่ยืนยันการพบเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดเอช ๕ เอ็น ๑ เป็นสายพันธุ์ที่มีความรุนแรงสูงในสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม มีรายงานการตายจำนวนมากในฟาร์มที่เลี้ยงไก่งวงเพื่อการบริโภคประมาณ ๑,๒๐๐ ตัว ในแคว้นเอกซ์เตรมาดูรา ทางตะวันตกของประเทศ ตามการแจ้งอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานด้านสุขภาพสัตว์แห่งชาติของสเปนต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก

ประมาณสิบวันต่อมา พบการติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดียวกันในฝูงแม่ไก่พันธุ์จำนวน ๔๕,๐๐๐ ตัว ในแคว้นคาสตีญา-ลา มันชา ซึ่งอยู่ติดกับพื้นที่แรก โดยจุดที่เกิดการระบาดครั้งที่สองนี้อยู่ห่างจากจุดแรกไปทางเหนือมากกว่า ๒๐๐ กิโลเมตร การระบาดของไข้หวัดนกครั้งก่อนในสเปนสิ้นสุดลงเมื่อเดือนมีนาคม ปี พ.ศ.๒๕๖๕ แหล่งที่มาของการติดเชื้อครั้งล่าสุดถูกระบุว่าเกิดจากการสัมผัสกับสัตว์ป่า

ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ มีนกป่าประมาณ ๘๐ ตัวที่ตรวจพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดียวกันใน ๘ พื้นที่ ตามรายงานอย่างเป็นทางการที่ส่งถึงองค์การสุขภาพสัตว์โลก โดยในจำนวนนี้ ๖ รายพบในแคว้นเอกซ์เตรมาดูรา ส่วนกรณีแรกเกิดขึ้นในแคว้นอันดาลูเซียทางตอนใต้สุดของประเทศ และกรณีล่าสุดพบในแคว้นบาสก์ทางตอนเหนือสุดของสเปน ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการยืนยันการระบาดของไข้หวัดนกเพิ่มเติมในสหราชอาณาจักรเชื่อมโยงกับไวรัสสายพันธุ์เดียวกัน โดย ณ วันที่ ๑ สิงหาคม จำนวนฝูงสัตว์ที่ติดเชื้อโรคไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในประเทศตลอดปีนี้อยู่ที่ ๕๕ ฝูง ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของรัฐบาลอังกฤษ

การระบาดล่าสุดมีการกระจายตัวอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ โดยสถานที่ที่ได้รับผลกระทบประกอบด้วย ๓ แห่งในภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษ หนึ่งแห่งในภาคตะวันออก หนึ่งแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และอีกหนึ่งแห่งในภาคตะวันออกของสกอตแลนด์ หนึ่งในฝูงสัตว์ที่ได้รับผลกระทบถูกระบุว่าเป็นนกที่ถูกเลี้ยงไว้ในกรง และอีกฝูงหนึ่งมีนกสำหรับล่าสัตว์ประมาณ ๒,๕๐๐ ตัว

ภาพรวมสถานการณ์ไข้หวัดนกในฝูงสัตว์ปีกของยุโรป

ยกเว้น ประเทศสเปนและสหราชอาณาจักร ฤดูกาลการระบาดของไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง โดยทั่วไปยังคงอยู่ในช่วงสงบ เมื่อรวมการระบาดล่าสุด สองกรณีในสเปน ขณะนี้มีการบันทึกการระบาดในสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์รวมทั้งสิ้น ๒๕๒ รายใน ๑๙ ประเทศทั่วภูมิภาค ตามข้อมูลจากระบบสารสนเทศโรคสัตว์ของคณะกรรมาธิการยุโรป หรืออีซี ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม ฐานข้อมูลนี้ใช้ติดตามโรคสัตว์ที่อยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปและบางประเทศใกล้เคียง เช่น ตุรกี แต่ไม่รวมสหราชอาณาจักร

ฮังการี มีจำนวนการระบาดในสัตว์ปีกเลี้ยงมากที่สุดในภูมิภาคในปี พ.ศ.๒๕๖๘ โดยมีทั้งหมด ๑๐๕ ครั้ง รองลงมาคือโปแลนด์ ๘๕ ครั้ง และอิตาลี ๒๑ ครั้ง ไม่มีประเทศอื่นใดในภูมิภาคที่มีการระบาดในฟาร์มเกิน ๙ ครั้ง เพื่อเปรียบเทียบ ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ มีการยืนยันการระบาดของไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง ในสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์จำนวน ๔๕๑ ครั้งจาก ๒๐ ประเทศ ตามระบบของอีซี

ระบบของอีซียังมีหมวดแยกสำหรับติดตามสถานการณ์ไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง ในสัตว์ปีกที่เลี้ยงในกรงหรือเพื่อความเพลิดเพลิน เช่น สัตว์ปีกในครัวเรือนหรือในสวนสัตว์ ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม มี ๑๖ ประเทศที่รายงานการระบาดในกลุ่มนี้รวมทั้งสิ้น ๗๒ ครั้ง สถานการณ์ยังคงทรงตัวตลอดช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีการยืนยันการระบาดเพิ่มเติมเพียงหนึ่งกรณีในสัตว์ปีกที่เลี้ยงในครัวเรือนในสาธารณรัฐเช็ก เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ในปี พ.ศ.๒๕๖๗ มี ๑๗ ประเทศที่รายงานการระบาดในสัตว์ปีกที่เลี้ยงในกรงหรือเพื่อความเพลิดเพลิน รวมทั้งสิ้น ๑๔๒ กรณี ผ่านระบบของอีซี

ไข้หวัดนกในสัตว์ป่า

ตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม หน่วยงานสัตวแพทย์แห่งชาติของ 10 ประเทศในภูมิภาคได้ยืนยันการตรวจพบเชื้อไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ป่า รายงานเหล่านี้ที่ส่งถึงองค์การสุขภาพสัตว์โลก และคณะกรรมาธิการยุโรป แสดงให้เห็นว่าไวรัสเหล่านี้ยังคงแพร่กระจายอยู่ในสัตว์ป่าของภูมิภาค ในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมา มี 7 ประเทศที่รายงานกรณีใหม่ในสัตว์ป่าผ่านฐานข้อมูลของคณะกรรมาธิการยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส สาธารณรัฐไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอร์แลนด์เหนือ โปรตุเกส และสเปน

ณ วันที่ ๓๐ กรกฎาคม มี ๓๑ ประเทศในภูมิภาคที่รายงานการระบาดในสัตว์ป่ารวมทั้งสิ้น ๖๐๙  ครั้ง (ทุกสายพันธุ์ของไวรัส) ผ่านระบบของคณะกรรมาธิการยุโรป ตั้งแต่ต้นปี ตลอดทั้งปีที่ผ่านมา มี ๓๒ ประเทศที่รายงานการระบาดของไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ป่ารวม ๙๒๖ กรณีในฐานข้อมูลเดียวกัน หลังจากเว้นช่วงไปสามเดือน มีการยืนยันการพบเชื้อไวรัส H5N1 ในสัตว์ป่าจำนวน 2 ตัวในประเทศฮังการี ตามการแจ้งล่าสุดจากองค์การสุขภาพสัตว์โลก นอกจากนี้ หน่วยงานในเบลเยียมและสหราชอาณาจักรยังได้รายงานกรณีเพิ่มเติมต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลกเช่นกัน

รายงานจากหน่วยงานเฉพาะกิจของสหราชอาณาจักร

เกี่ยวกับแนวโน้มการฉีดวัคซีนป้องกัน ไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ปีก ปัจจุบัน การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ปีกในสหราชอาณาจักรถูกห้าม ยกเว้นในกรณีจำกัด เช่น สวนสัตว์ สำหรับตอนนี้ การรักษาความปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเข้มงวดยังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการติดเชื้อในฝูงสัตว์ปีก อย่างไรก็ตาม หน่วยงานเฉพาะกิจร่วมระหว่างภาคอุตสาหกรรมและรัฐบาลได้เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับผลการศึกษาล่าสุด ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการนำความรู้และความเข้าใจล่าสุดมาใช้เพื่อปกป้องฝูงสัตว์ปีกจากไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในอนาคต โรคนี้กำลังเป็นปัญหาในระดับโลก โดยมีการกลับมาระบาดซ้ำอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แม้แต่ในฤดูร้อน ตามรายงานของคณะทำงานด้านการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกที่จัดทำโดยกระทรวงสิ่งแวดล้อม อาหาร และกิจการชนบทแห่งสหราชอาณาจักร

รายงานฉบับนี้ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ เช่น ผลกระทบต่อการค้าและสุขภาพมนุษย์ ความต้องการทรัพยากรด้านสัตวแพทย์และห้องปฏิบัติการ รวมถึงการวิเคราะห์ต้นทุนและผลประโยชน์ โดยมีการประเมินโอกาส ข้อจำกัด และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน คณะทำงานพบว่า ประเด็นนี้มีความซับซ้อน อย่างไรก็ตาม ได้มีการระบุขั้นตอนสำคัญที่จำเป็นในลำดับถัดไป ได้แก่ การทดลองฉีดวัคซีนในฟาร์ม โดยเริ่มจากฝูงไก่งวง และการตรวจสอบขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการ เพื่อรองรับการเฝ้าระวังโรคในวงกว้างมากขึ้น

ในปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ประเทศฝรั่งเศสได้เริ่มดำเนินโครงการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดนกชนิดรุนแรง โดยกำหนดให้ ฝูงเป็ดเชิงพาณิชย์ต้องได้รับวัคซีนโดยบังคับ แต่ยังไม่อนุญาตให้ใช้ในสัตว์ปีกประเภทอื่น 

เอกสารอ้างอิง

Linden J. 2025. Spain: latest European country to confirm return of avian flu. [Internet]. [Cited 2025 Aug 4]. Available from: https://www.wattagnet.com/poultry-meat/diseases-health/avian-influenza/news/15752140/spain-latest-european-country-to-confirm-return-of-avian-flu

ภาพที่ ๑ สเปนเป็นประเทศล่าสุดในยุโรปที่ยืนยันการกลับมาของไข้หวัดนก (แหล่งภาพ Jorono | Pixabay)



วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ยกระดับโรคไข้หวัดนกเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก

 เชื้อไวรัสไข้หวัดนกกำลังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของภาคเกษตรกรรม ความมั่นคงทางอาหาร การค้า และระบบนิเวศ ถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่การฉีดวัคซีนควรมีบทบาทมากขึ้นในการควบคุมโรคนี้?

หากคุณยังไม่แน่ใจว่า ควรฉีดวัคซีนให้กับนกเพื่อต่อสู้กับโรคไข้หวัดนกหรือไม่ คุณอาจต้องอ่านรายงานฉบับล่าสุดจาก องค์การสุขภาพสัตว์โลกในช่วงกว่า ๒๐ ปีที่ผ่านมาระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึง ๒๕๖๘ มีนกมากกว่า ๖๓๓ ล้านตัว ตายจากการติดเชื้อหรือจากการทำลายเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสดังกล่าว ไวรัสนี้ไม่ได้เป็นเพียงภัยเฉพาะฤดูกาลหรือภูมิภาคอีกต่อไป

ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เป็นต้นมา ไวรัสได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ติดเชื้อใน นกป่าหลากหลายชนิดมากขึ้น และเริ่มพบการติดเชื้อในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังมีรายงานการติดเชื้อใน มนุษย์เป็นครั้งคราว สร้างความกังวลว่าไวรัสอาจกลายพันธุ์จนกลายเป็นวิกฤตสาธารณสุขในวงกว้างในอนาคต

ท่าทีที่เข้มแข็งมากขึ้น

แม้ว่า มาตรการด้านชีวอนามัย การเฝ้าระวังโรค และการควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์จะยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่ง แต่รายงานระบุว่า การฉีดวัคซีนสามารถเสริมมาตรการเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยช่วยลดการหมุนเวียนของไวรัสภายในและระหว่างฝูงสัตว์ปีก ลดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อสู่สัตว์ป่าและมนุษย์

นอกจากนี้ เมื่อดำเนินการอย่างถูกต้อง องค์การสุขภาพสัตว์โลกยังชี้ให้เห็นว่า การฉีดวัคซีนสอดคล้องกับมาตรฐานการค้าระหว่างประเทศ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกยังสามารถวางจำหน่ายในตลาดโลกได้ ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ องค์การสุขภาพสัตว์โลก กล่าวถึง การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในเครื่องมือควบคุมโรคไข้หวัดนก ย้อนกลับไปเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๖ ในบทความชื่อ “ไข้หวัดนก: ทำไมจึงไม่ควรเป็นอุปสรรคต่อการค้า”  องค์การฯ ระบุว่า จำเป็นต้องพิจารณามาตรการควบคุมโรคที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ทั้งหมดที่มีอยู่ ในบางสถานการณ์ทางระบาดวิทยา การฉีดวัคซีนอาจเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมกลยุทธ์ควบคุมโรคแบบอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ที่น่าสนใจก็คือ น้ำเสียงและท่าทีของ องค์การสุขภาพสัตว์โลก ในปัจจุบันดูเหมือนจะเปลี่ยนไปในทางที่สนับสนุนการฉีดวัคซีนมากขึ้น

ในรายงาน สถานภาพสุขภาพสัตว์ของโลก พ.ศ. ๒๕๖๘ ขององค์การสุขภาพสัตว์โลก ยังระบุเพิ่มเติมอีกว่า โรคไข้หวัดนกระดับความรุนแรงสูง ไม่ใช่เพียงวิกฤตด้านสุขภาพสัตว์เท่านั้น แต่เป็น ภาวะฉุกเฉินระดับโลก ที่กำลังบั่นทอนความมั่นคงของภาคเกษตรกรรม ความมั่นคงทางอาหาร การค้า และระบบนิเวศ การรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น จำเป็นต้องอาศัย แนวทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนและรอบด้าน เพื่อปกป้องเศรษฐกิจ วิถีชีวิตของผู้คน และความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงเสริมสร้าง ภูมิคุ้มกันของระบบ ต่อการระบาดในอนาคต หากคุณยังคงไม่แน่ใจว่า ควรฉีดวัคซีนให้นกเพื่อป้องกันไข้หวัดนกหรือไม่ คุณอาจต้องลองอ่านรายงานล่าสุดจากองค์การสุขภาพสัตว์โลกฉบับนี้ดูอีกครั้ง

ในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา มีสัตว์ปีกมากกว่า ๖๓๓ ล้านตัว ที่สูญเสียไปจากการติดเชื้อ หรือจากการกำจัดเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส ไวรัสไข้หวัดนกไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะฤดูกาลหรือเฉพาะพื้นที่อีกต่อไป ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๕ เชื้อไวรัสได้แพร่กระจายไปยังพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ใหม่ๆ แล้วติดเชื้อในนกป่าหลากหลายชนิดเพิ่มขึ้น และยังพบการติดเชื้อใน สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในบางกรณียังมี การติดเชื้อในมนุษย์ ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลว่าไวรัสอาจกลายพันธุ์จนกลายเป็น วิกฤตสาธารณสุขครั้งใหญ่ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงทราบสถานการณ์เหล่านี้ แม้อาจไม่ทราบตัวเลขนกที่สูญเสียไป จึงไม่น่าแปลกใจที่ในรายงานสถานภาพสุขภาพสัตว์ของโลก พ.ศ. ๒๕๖๘

องค์การสุขภาพสัตว์โลก ระบุว่า ขนาดและความซับซ้อนของการระบาดในสัตว์ ที่ยังคงดำเนินอยู่ ต้องการการตอบสนองอย่างเร่งด่วนและรอบด้านมากกว่ามาตรการควบคุมแบบเดิม รายงานยังระบุเพิ่มเติมว่า แม้จะมีความพยายามในการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มข้น แต่ก็ยังไม่เพียงพอ และเน้นว่าการฉีดวัคซีนได้กลายเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีศักยภาพในการเสริมมาตรการเดิม ช่วยลดทั้งการแพร่กระจายของไวรัสและความรุนแรงของการติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นว่า มาตรการควบคุมตามหลักสุขอนามัยแบบดั้งเดิม เช่น การทำลายนกจำนวนมาก ม้จะมีบทบาทสำคัญในการควบคุมโรค แต่กลับส่งผลกระทบ ทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรุนแรง จนเกิดข้อกังวลเกี่ยวกับ ความยั่งยืนของมาตรการเหล่านี้ในระยะยาว

เอกสารอ้างอิง

Clements M. 2025. Avian influenza now a global emergency. [Internet]. [Cited 2025 Aug 4]. Available from: https://www.wattagnet.com/blogs/poultry-around-the-world/blog/15752020/avian-influenza-now-a-global-emergency

ภาพที่ ๑ มาร์ก คลีเมนต์ส เรียกร้องให้ยกระดับโรคไข้หวัดนกเป็นภาวะฉุกเฉินระดับโลก (แหล่งภาพ Trend Design | Bigstock)



ตลาดสัตว์ปีกได้รับอิทธิพลจากภูมิรัฐศาสตร์และไข้หวัดนก

  ตามรายงานล่าสุดจากราโบรีเซิร์ช แนวโน้มของตลาดสัตว์ปีกทั่วโลกในปี พ.ศ.๒๕๖๘ จะถูกกำหนดโดยปัจจัย ด้านภูมิรัฐศาสตร์และการระบาดของโรคไข้หวัดนก ...