เมื่อปี
ค.ศ. 2009 ผู้ประกอบการผลิตไก่เนื้อรายหนึ่งประสบปัญหาความเสียหายอย่างร้ายแรงภายหลังการเปลี่ยนวัตถุดิบอาหารสัตว์จากข้าวโพดเป็นข้าวสาลี
ไก่เนื้อปฏิเสธการกินอาหารไม่ยอมกินเหมือนที่ผ่านมา อัตราการเจริญเติบโต และ FCR
แย่ลงอย่างมาก ตอนที่นักโภชนาการคำนวณสูตรอาหารก้อไม่เห็นอะไรผิดนี่
ค่าโภชนะทุกอย่างก็สมดุลสมบูรณ์ดีเลิศประเสริฐศรี แต่ไก่ไม่ได้สนุกไปด้วยนะครับ
นักโภชนาการโทรศัพท์ทางไกลด่วนจี๋สอบถามอาจารย์ที่ปรึกษา
Ioannis Mavromichalis อาจารย์ที่ปรึกษาประสบการณ์สูงขอตัวอย่างข้าวสาลีให้ส่งมาทางไปรษณีย์
2 ตัวอย่างให้ห้องปฏิบัติการเคมี เพื่อวิเคราะห์ค่าโภชนะ
แถมด้วยสารพิษครบแผง และวิเคราะห์ใยอาหาร
ขณะที่ รอผลการวิเคราะห์
อาจารย์ที่ปรึกษาสั่งให้ปรับสูตรอาหาร 3 ประการ ประการที่ 1
ให้ปรับระดับโปรตีน 2 ระดมคอคเทลเอนไซม์รวมพลังบูรณาการ
ประการสุดท้าย 3 เพิ่ม Mycotoxin binder ทันที เพียงคำสั่ง 3 ข้อเท่านั้น ไก่ในฟาร์มก็มีอาการดีขึ้นทันตาเห็น
แต่ผลการเลี้ยงก็ยังไม่ดีเท่าก่อนหน้านี้ ผลการวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ
แสดงให้เห็นว่า ว่า คุณค่าทางโภชนะของข้าวสาลีก็เป็นไปตามสูตรที่คำนวณไว้นี้ อาจารย์ก็เลยคิดว่า
ไม่น่าเกี่ยวข้องกับกรดอะมิโนมากเกิน ชุดข้อมูลสารพิษจากเชื้อรา พบว่า
เราเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผิด จึงตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้ Mycotoxin neutralization
agent ที่เหมาะสมกว่า สุดท้ายผลการวิเคราะห์ใยอาหารอยู่ในระดับปานกลาง
อาจารย์ก็เลยเปลี่ยนมาใช้เอนไซม์ที่จำเพาะให้ใช้เฉพาะต่อข้าวสาลี ทันใดนั้น
ทันใดนั้น ไก่ก็แจ่มใส เจิดจ้าขึ้นมาทันใด
ต้นทุนอาหารพลิกกลับไปยังระดับที่ยอมรับได้ กลายเป็นบทเรียนที่อาจารย์ต้องจดจำไปตลอดชีวิต
ไม่ให้ถือโอกาสเปลี่ยนแปลงสูตรอาหารสัตว์ โดยละเลยหลงลืมสิ่งที่ไม่ใช่สารโภชนะ
ใส่เครื่องหมายตกใจด้วย
หมายเหตุ
เอกสารอ้างอิง Ioannis Mavromichalis (21/6/16)
แหล่งภาพ http://prayod.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น