การเปลี่ยนระบบการผลิตไข่ไก่ให้มีสวัสดิภาพสัตว์ต้องทำมากกว่าการยกเลิกขังกรง และเลี้ยงแม่ไก่ในระบบการเลี้ยงแบบกรงใหญ่ (aviary system) ยังมีสิ่งสำคัญต่างๆอีกหลายประการ รวมทั้ง นักสัตวบาลมืออาชีพ และการจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันประเด็นใหม่ด้านสวัสดิภาพสัตว์
นับตั้งแต่กรงตับถูกแบนตั้งแต่ปี
พ.ศ.๒๕๕๕ เป็นต้นมา ผ่านมาแล้วสิบเอ็ดปี ผู้เลี้ยงไก่ไข่ในเนเธอร์แลนด์มีประสบการณ์ขึ้นอย่างมากในระบบโรงเรือนทางเลือกใหม่นี้
แม้ว่าระบบกรงตับ หรือเอนริชเคจ (enriched cage) ในอีกชื่อหนึ่งยังอนุโลมให้ใช้ได้ในเวลานั้น
ผู้เลี้ยงส่วนใหญ่ก็หันไปใช้ระบบกรงใหญ่ หรือระบบอะเวียรี กันไปแล้ว
การตัดสินใจใช้ระบบโรงเรือนที่ให้ความสำคัญกับหลักสวัสดิภาพสัตว์ที่สูงขึ้นส่งผลต่อผู้เลี้ยงไก่ไข่ทั่วโลก
ปัญหาของหลักสวัสดิภาพสัตว์ใหม่นี้รออยู่ข้างหน้า
ผู้เลี้ยงไก่ไข่ต้องเตรียมตัวคิดรับมือกับอุปสรรคไว้ล่วงหน้า
ระบบการเลี้ยงไก่ไข่แบบกรงตับยังเป็นระบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
และมีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับการผลิตโปรตีน แต่ไม่เป็นมิตรต่อสัตว์เลี้ยง
ในเวลานี้ภาคสังคมในประเทศต่างๆทั่วโลกไม่ยอมรับระบบการเลี้ยงเช่นนี้อีกแล้ว
ระบบการเลี้ยงไก่ไข่แบบกรงตับถูกแบนในยุโรป
และกำลังขับเคลื่อนเข้าสู่ยุโรปตะวันออก และสหรัฐฯ โดยเฉพาะในพื้นที่ของโลกที่กำลังมั่งคั่งเพิ่มขึ้น
เช่น ยุโรปตะวันออก เอเชีย และจีน ประชาชนเรียกร้องสวัสดิภาพสัตว์ที่ดีขึ้น
ประเทศสหรัฐฯ เป็นประเทศที่มั่งคั่งอยู่แล้ว
แต่หลักสวัสดิภาพสัตว์ยังได้รับการให้ความสำคัญในระดับรองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม
สิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยนแปลงไป ภายหลังการลดยาปฏิชีวนะลง หรือไม่ใช้แล้วเป็นประเด็นสำคัญในการผลิตไก่เนื้อ
ภาคสังคมก็ต้องการให้ยกเลิกการเลี้ยงไก่ไข่ในระบบกรงตับได้แล้ว
ระบบการจัดการต่างๆ
ผู้เลี้ยงไก่ไข่เปลี่ยนจากระบบกรงตับเป็นระบบกรงใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงมีการเลี้ยงที่ไม่เป็นผลดีต่อสวัสดิภาพสัตว์นัก หากผู้เลี้ยงยังไม่เปลี่ยนวิธีการจัดการให้เหมาะสมไปด้วย
เช่น ระยะการเลี้ยงแม่ไก่ต้องไปด้วยกันกับระบบและการจัดการของผู้เลี้ยง
หากไม่เหมาะสมก็อาจพบปัญหาความเสียหายต่อกระดูกอก (keel bone damage) เป็นต้น
แต่ถึงแม้ว่า แม่ไก่จะได้รับการฝึกอย่างดีตั้งแต่ในฟาร์มไก่รุ่น
ก็ยังมีโอกาสพบได้ที่ระบบการเลี้ยงกรงใหญ่
หากแม่ไก่เผชิญอุปสรรคบางอย่างจากการจัดการที่ไม่ได้ปรับไปด้วย
การเลี้ยงไก่ในกรงตับ
แล้วย้ายไปสู่ระบบการเลี้ยงแบบกรงใหญ่เป็นต้นตำรับสำหรับความหายนะ
ระบบการเลี้ยงกรงใหญ่ต้องเพิ่มความเอาใจใส่กับพฤติกรรมแม่ไก่อย่างมาก
ความเสี่ยงต่อการจิกกันเอง หรือพฤติกรรมกินกันเองมีแนวโน้มสูง การเปลี่ยนระบบการเลี้ยงเป็นระบบใหม่นี้จึงมีความสำคัญ
โดยเฉพาะ ความแตกต่างอย่างมากระหว่างแม่ไก่ขนสีขาว และสีน้ำตาล ในตอนแรก
ผู้เชี่ยวชาญก็เข้าใจไปว่า แม่ไก่สีขาวน่าจะเลี้ยงในระบบกรงใหญ่ได้ยากกว่าแม่ไก่สีน้ำตาลอย่างมาก
แต่กลายเป็นตรงกันข้าม แม่ไก่ขนสีขาวปรับตัวให้เข้ากับระบบใหม่นี้ได้ง่ายกว่า
พบไข่พื้นที่ฟาร์มน้อยกว่าแม่ไก่สีน้ำตาล
เหตุผลมาจากแม่ไก่สีขาวเคลื่อนเข้าหารังไข่ได้ง่ายกว่า
การฝึกกินน้ำระหว่างการเลี้ยงก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับไก่รุ่นสีน้ำตาล
เพื่อให้มั่นใจว่า
แม่ไก่ในระยะให้ผลผลิตจะสามารถปรับตัวเข้ากับระบบใหม่ได้อย่างรวดเร็ว และราบรื่น
ชนิดของระบบการเลี้ยง
ระบบ
นิโว วาเรีย
ที่มีให้เลือกหลากหลายในตลาดเป็นระบบที่ดีที่สุดสำหรับสอนแม่ไก่ให้ปรับตัวเข้ากับระบบกรงใหญ่ได้
ด้วยระบบเหล่านี้ ผู้เลี้ยงสามารถยกทุกสิ่งขึ้นไปได้ไม่ว่าจะเป็นระบบให้น้ำ
ระบบให้อาหาร และพื้นโรงเรือน ระบบ นิโว
วาเรีย ยังสามารถทำงานได้กับพื้นที่พับเก็บได้
แต่ก็อาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบได้น้อยลง ในกรณีที่ต้องยกระบบให้น้ำ ระบบให้อาหาร
และพื้นโรงเรือน เนื่องจากใช้การยึดตรึงกับโครงสร้างโรงเรือนมากขึ้น
ระบบการเลี้ยงแบบกรงใหญ่เป็นแถว
(row
aviaries) เป็นระบบที่ผู้เลี้ยงชาวดัทช์นิยมใช้สำหรับเลี้ยงไก่รุ่น
ข้อดีของระบบนี้คือ เคลื่อนย้ายได้ง่าย และต้นทุนต่อตัวสัตว์ต่ำกว่า เนื่องจาก
ผู้เลี้ยงสามารถลงไก่รุ่นต่อตารางเมตรบนพื้นโรงเรือนได้เพิ่มขึ้น
ระบบกรงใหญ่ในยุโรปเพิ่งเริ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง
โดยเฉพาะกับแม่ไก่สีน้ำตาล บางครั้งได้เพิ่มสะพานลอย เพื่อให้แม่ไก่สามารถเดินขึ้น
และเคลื่อนที่ได้ง่ายกว่าเดิม
มีการเพิ่มไลน์น้ำเหนือพื้นโรงเรือนที่ยกขึ้นลงได้ในพื้นที่คอกระหว่างระบบกรงใหญ่
การติดตั้งไลน์น้ำพิเศษ เป็นการบังคับให้แม่ไก่ออกจากระบบนี้
และเดินหาที่กินน้ำแห่งอื่น ข้อด้อยคือ ส่งผลให้ความสม่ำเสมอของฝูงลดลง
ระบบการเลี้ยงกรงใหญ่ล่าสุดเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็นมิตรกับแม่ไก่มากขึ้นยังจำเป็นต้องพัฒนาต่อไป
เช่น บิ๊กดัทช์แมน ได้พัฒนาระบบใหม่เป็นระบบกรงใหญ่แบบฟิเลีย
ซึ่งสามารถยกขึ้นลงรางน้ำในระบบให้อยู่ในระดับที่สูงขึ้นได้
ความแตกต่างระหว่างแม่ไก่สีขาวและน้ำตาลสำหรับระบบกรงใหญ่
จะเป็นประโยชน์อย่างมากที่จะเลือกแม่ไก่ที่เหมาะสมกับระบบ แต่ความนิยมของตลาด
และวัฒนธรรมการบริโภคที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศก็มีความสำคัญ มีทั้งวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ชื่นชอบไข่สีขาวมากกว่า
และชื่นชอบไข่สีน้ำตาลมากกว่า ทั้งนี้เป็นความแตกต่างในแต่ละประเทศ หรือภูมิภาค
เช่น ตอนกลางของเนเธอร์แลนด์ชื่นชอบไข่สีน้ำตาล
ตอนใต้ของประเทศกลับผลิตไข่สีขาวมากกว่า เช่นเดียวกับเยอรมัน
บางภูมิภาคก็ชอบไข่สีขาว บางภูมิภาคก็ชอบไข่สีน้ำตาล
ความเสี่ยงต่อโรค
ข้อด้อยของการเลี้ยงไก่ไข่ในระบบกรงใหญ่คือ
สัตว์มีโอกาสสัมผัสกับขี้ไก่ นั่นคือแม่ไก่มีความเสี่ยงต่อโรคแบคทีเรีย
หรือปรสิตมากขึ้นกว่าระบบกรงตับอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ระบบกรงใหญ่มีโครงเหล็กจำนวนมาก
ซึ่งมีซอกมุมที่ไรแดงสามารถซ่อนตัวอยู่ได้ ดังนั้น ระบบคิว-เพิร์ช
จากเวนโคมาติกจึงได้พัฒนาขึ้นใช้ในยุโรป โดยใช้คอนเกาะที่มีลวดไฟฟ้าอยู่ข้างใน
หากแม่ไก่นั่งอยู่ที่ชั้นบนสุดของระบบเวลากลางคืน ก็จะมีพื้นที่อย่างเพียงพอ
และมีคอนคิว-เพิร์ชใช้อย่างเพียงพอ ไรแดงไม่สามารถเข้าถึงตัวแม่ไก่ได้ เนื่องจาก
มีกระแสไฟฟ้าในลวด ข้อเสียของการยกเลิกกรงตับอีกประการหนึ่งคือ
โรคที่เคยไปตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ กลับมาระบาดใหม่ในยุโรป เช่น โรคแบล็คเฮด
อีริซิเพลาส พาสจูเรลลา หวัดหน้าบวม และพยาธิแคพิลลาเรีย เป็นต้น
นอกเหนือจากการเปลี่ยนแปลงระบบการจัดการแล้ว
ยุโรปบางประเทศ เช่น สแกนดิเนเวีย เยอรมัน ออสเตรีย สวิสเซอร์แลนด์
และเนเธอร์แลนด์ ก็ออกมาตรการยกรับสวัสดิภาพไก่ไข่ เช่น ยกเลิกการตัดปาก
อย่างไรก็ตาม กลับไปส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของสัตว์กลายเป็นสร้างปัญหาที่เลวร้ายไปอีกจากการจิกกันเอง
และพฤติกรรมการกินกันเอง ผู้ผลิตจำเป็นต้องหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา เช่น
เพิ่มความหนาของนิปเปิ้ล เพื่อให้มีพื้นที่กินน้ำเพิ่มขึ้น
และสัดส่วนของแม่ไก่ต่อนิปเปิ้ลน้อยลง หรือเริ่มต้นด้วยการใช้พลาซอง หรือรางน้ำ
หรือใช้ถ้วยน้ำไปก่อน
สัดส่วนของอุปกรณ์การให้น้ำมีความสำคัญสำหรับแม่ไก่ที่ถูกตัดปากอย่างมาก
โครงสร้างของอาหารสัตว์ก็สำคัญเช่นกัน
ไม่ควรมีความแตกต่างระหว่างส่วนอาหารสัตว์ที่ละเอียดและหยาบมากนัก
หากไม่เป็นเช่นนั้น ไก่ก็อาจจะเลือกกิน
และไม่ได้รับแร่ธาตุและวิตามินบางชนิดอย่างเพียงพอ
ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม หรือลดการไซร้ขน
ที่สำคัญควรมีวัสดุที่ช่วยล่อใจแม่ไก่ เช่น บล็อกสำหรับจิก หรือก้อนหญ้าอัลฟาลฟา
พันธะสัญญา
เบทเทอร์ชิกเก้น หรือบีซีซี
ผู้ผลิตทั่วโลกกำลังมองหาสิ่งที่ช่วยเพิ่มสวัสดิภาพสัตว์
หลายรัฐในสหรัฐฯ และยุโรป เกิดความตื่นตัวล่วงหน้าไปแล้ว
แต่สหรัฐฯยังตามสหภาพยุโรปในบางประเด็นด้านสวัสดิภาพสัตว์
เมื่อภาคการผลิตไก่เนื้อเริ่มต้นแล้ว ประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ
และสหภาพยุโรปใช้ระบบบีซีซี (Better Chicken Commitment, BCC) โดยบีซีซีมีนโยบาย
๖ จุดเพื่อเพิ่มสวัสดิภาพสัตว์ของไก่เนื้อในปี พ.ศ.๒๕๖๗ นี้ ถึงมิถุนายน ๒๕๖๓
บริษัทด้านอาหาร ๑๘๐ แห่งทั่วโลก ลงนามในพันธะสัญญาบีซีซีนี้แล้ว รวมถึง เคเอฟซี
เบอร์เกอร์คิง ซับเวย์ ชิโปเล่ เดนนี้ เนสเล่ และกลุ่มบริษัทคอมพาส
พันธะสัญญาบีซีซีนี้จะเริ่มต้นกับภาคการผลิตไก่ไข่ต่อไป
บริษัทผู้ผลิตพันธุ์สัตว์
ในอนาคตเชื่อว่า
ผลกระทบทางลบจากการเปลี่ยนจากกรงตับเป็นระบบกรงใหญ่จะคลี่คลายไปในที่สุดด้วยการปรับการจัดการที่ดี
และการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ ผู้เล่นสำคัญ ๒ รายของโลก ได้แก่ กลุ่มเฮนดริกซ์ และอีดับบลิว
เริ่มไปแล้ว ในอนาคตจะไม่ได้คัดเลือกพันธุ์สัตว์โดยใช้ข้อมูลด้านการให้ผลผลิต และแม่ไก่ที่แข็งแรงเท่านั้น
แต่ยังรวมเอาพฤติกรรมสัตว์ไว้ด้วย สังเกตได้ว่าแม่ไก่สีน้ำตาลจะสงบดีขึ้น ไม่ตื่นตกใจง่ายในไม่กี่ปีที่ผ่านมา
มีทั้งข้อดีและข้อเสีย หากแม่ไก่สีน้ำตาลไม่ค่อยเคลื่อนไหว ก็จะได้ไข่พื้นเพิ่มขึ้น
ทั้งการจัดการ การให้อาหารสัตว์ โครงสร้างโรงเรือน และการปรับปรุงพันธุ์สัตว์ ล้วนมุ่งหน้าไปสู่ระบบการจัดการสำหรับไก่ไข่
ต้องมีทั้งเงินลงทุนทั้งสูงและประหยัด เพื่อให้สวัสดิภาพสัตว์สำหรับแม่ไก่ที่ดีที่สุด
เอกสารอ้างอิง
Global
Poultry Sector Authors. 2023. Welfare
doesn’t come automatically with a switch to aviary systems. [Internet]. [Cited 2023 Jul 12]. Available
from: https://www.poultryworld.net/poultry/layers/welfare-doesnt-come-automatically-with-a-switch-to-aviary-systems/
ภาพที่
๑
แค่เปลี่ยนเป็นระบบเลี้ยงกรงใหญ่ ไม่ได้ช่วยสวัสดิภาพสัตว์ดีไปด้วย (แหล่งภาพ Global Poultry Sector
Authors)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น