วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วิวัฒนาการเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล

 ขณะที่ วัคซีนช่วยลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคนิวคาสเซิล การระบาดก็ยังพบได้อยู่ โดยมีอัตราการตายสูง และกำจัดสัตว์ที่ติดเชื้อ มีผลกระทบเชิงลบต่อความมั่นคงทางอาหารและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

ความเสียหายจากโรคนิวคาสเซิลมีมูลค่าสูงราว ๒.๔ พันล้านบาทถึง ๘.๖ หมื่นล้านบาททั่วโลก จึงมีความจำเป็นต้องใส่ใจและให้ความสำคัญกับการให้วัคซีนอย่างมาก โรคนิวคาสเซิลชนิดความรุนแรงสูง เป็นเชื้อประจำถิ่นในพื้นที่แถบเอเชียใต้และเอเชียกลาง แพร่กระจายไปทั่วทั้งเอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เกิดการระบาดเป็นครั้งคราวในยุโรป และสหรัฐฯ เชื้อไวรัสนิวคาสเซิลสายพันธุ์อ่อนแรงยังพบได้ทั่วโลกอีกด้วย มาตรฐานความปลอดภัยทางชีวภาพที่ดีขึ้นในฟาร์มส่วนใหญ่ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกเชิงพาณิชย์ที่ทันสมัยบางแห่งยังคงปลอดจากโรคนิวคาสเซิล แม้ว่า การระบาดยังคงพบในฟาร์มที่มีระบบความปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเข้มงวดแล้วก็ตาม

โรคนิวคาสเซิลส่งผลให้ไก่ที่ไวรับต่อโรคตายภายใน ๓ ถึง ๔ วัน อัตราการตายสูงได้ถึงร้อยละ ๕๕ ถึง ๑๐๐ ซึ่งมีผลต่อการผลิตสัตว์ปีกทั่วโลก

สายพันธุ์ของเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล

               เชื้อไวรัสนิวคาสเซิล สายพันธุ์รุนแรงต่ำ เช่น ลาโซต้า และบี ๑ เป็นเชื้อที่ก่อโรคต่ำ เชื้อนี้แพร่กระจายทั่วไป แต่ระบาดอยู่ไม่มากนัก เชื้อที่มีความรุนแรงต่ำถูกใช้เป็นวัคซีนป้องกันโรคนิวคาสเซิลในสัตว์ปีก

               สับไทป์ที่รุนแรงปานกลางเป็นเชื้อที่ก่อโรคนิวคาสเซิลได้ระดับปานกลาง แสดงอาการทางระบบหายใจ และบางครั้งมีอาการทางประสาทด้วย แต่มีอัตราการตายต่ำ สับไทป์ที่รุนแรงเป็นเชื้อที่ก่อโรคนิวคาสเซิลรูปแบบรุนแรงสูง และต้องรายงานต่อองค์การสุขภาพสัตว์โลก ประกอบด้วย ๒ รูปแบบของเชื้อไวรัสนิวคาสเซิลชนิดรุนแรง เป็นเชื้อรุนแรงต่ออวัยวะภายใน เกิดรอยโรคที่ลำไส้แบบมีเลือดออก และเชื้อรุนแรงต่อระบบประสาท แสดงอาการทั้งทางเดินหายใจและระบบประสาท 

เชื้อไวรัสนิวคาสเซิลชนิดรุนแรง จีโนไทป์ ๗ เป็นเชื้อที่พบได้บ่อยในประเทศเอเชีย และยังพบการระบาดในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือและใต้ การสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสนิวคาสเซิลให้ครอบคลุมแบบกว้างขวางเป็นสิ่งสำคัญ ในสัตว์ที่ไม่ให้วัคซีน จีโนไทป์ ๗ สามารถก่อโรคที่มีอัตราการป่วย และการตายสูงได้ถึงร้อยละ ๑๐๐ ในไก่เนื้อ ไก่ไข่ และไก่พันธุ์ นอกจากนั้น ยังแบ่งเป็นจีโนไทป์ย่อย บางชนิดก่อโรครุนแรงอย่างยิ่งยวด ทั้งก้าวร้าว และอันตราย   กลุ่มอาการและรอยโรคที่เหนี่ยวนำโดยเชื้อไวรัสนิวคาสเซิลแตกต่างกันไป แต่ยังไม่มีแนวทางการแก้ไขที่เหมาะสมได้ จึงเกิดความเสียหายมากอย่างที่คาดไม่ถึง

วัคซีนเวกเตอร์

               การใช้วัคซีนเวกเตอร์ชนิดรีคอมบิแนนท์ โดยมีเชื้อไวรัสเฮอร์ปีสจากไก่งวง หรือเอชวีที เป็นพาหะ เป็นเครื่องมือที่เป็นประโยชน์มากสำหรับสัตวแพทย์ และผู้จัดการด้านการผลิต ในการควบคุมเชื้อที่มีวิวัฒนาการตลอดเวลา เนื่องจาก วัคซีนเวกเตอร์พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการเหนี่ยวนำการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็ง

               กุญแจสำคัญหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาวัคซีนเวกเตอร์ชนิดรีคอมบิแนนท์ รวมถึง ตำแหน่งที่โปรตีนชนิดเอฟใส่เข้าไปในจีโนมของเอชวีที ตำแหน่งที่ใส่โปรตีนเข้าไปส่งผลต่อความคงตัวของเชื้อไวรัส และประสิทธิภาพของวัคซีน ปัจจัยที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ การคัดเลือกเอ็กซ์เพรสชัน แคสเซ็ต ที่ดีที่สุด รวมถึง ลำดับสารพันธุกรรมที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนชนิดเอฟ และส่วนของโปรโมเตอร์ที่เป็นส่วนหน้าของชุดลำดับสารพันธุกรรมที่จะขับเคลื่อนให้เกิดการเอ็กซ์เพรสชันของแอนติเจน รวมถึง โพลี เอ ที่เป็นส่วนปลายสุดของคาสเซ็ต โปรโมเตอร์ที่เข้มแข็งจะช่วยให้การเอ็กซ์เพรสชันแอนติเจนได้ดี แต่ก็ต้องไม่มากจนเกินไป เพราะจะทำให้เกิดความไม่เสถียร มีโปรโมเตอร์หลายชนิด ต้องเลือกตัวที่ดีที่สุด วัคซีนเวกเตอร์จะไม่รบกวนแอนติบอดีจากแม่ ในกรณีดังกล่าว โพลแวค โพรเซอร์ตา เอชวีที-เอ็นดี กระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ตั้งแต่อายุได้ ๑๙ วัน

การป้องกันโรคจากจีโนไทป์ ๗

               เวกเตอร์วัคซีนนิวคาสเซิลตัวล่าสุดในปี พ.ศ.๒๕๖๓ ได้ศึกษาความสามารถในการป้องกันโรคจากเชื้อไวรัสนิวคาสเซิลจีโนไทป์ ๗ ชนิดเดี่ยว หรือร่วมกับวัคซีนเชื้อเป็น หรือเชื้อตาย อื่นๆ พบว่า วัคซีน โพลแวค โพรเซอร์ตา เอชวีที-เอ็นดี สามารถใช้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การใช้วัคซีนหลายชนิดร่วมกัน เพื่อลดการสูญเสียจากการผลิต และการตายของไก่ที่ให้เชื้อพิษทับด้วยไวรัสนิวคาสเซิลที่อายุ ๒๑ และ ๒๘ วัน สามารถใช้ในแผนการป้องกันโรคโดยใช้วัคซีนโพลแวค โพรเซอร์ตา เอชวีที-เอ็นดี อย่างเดียว หรือร่วมกับแผนการใช้วัคซีนชนิดอื่นๆ ไม่ว่าจะฉีดไข่ หรือใต้ผิวหนัง ใช้ป้องกันโรคนิวคาสเซิลชนิดความรุนแรงสูงได้เกือบทั้งหมดจากการทดสอบด้วยการป้อนเชื้อพิษทับ ขณะที่ หากได้รับวัคศีนเชื้อตายจะเป็นประโยชน์ได้ดีขึ้นระหว่างการระบาดของเชื้อไวรัสนิวคาสเซิลที่มีความรุนแรงสูง  

               ผลการศึกษานี้เป็นการวิจัยเชิงลึกที่จะช่วยให้สัตวแพทย์ป้องกันจีโนไทป์ ๗ ได้ดีขึ้น ด้วยแผนการให้วัคซีนที่มีการออกแบบเป็นพิเศษตามสถานการณ์ของแต่ละภูมิภาค นอกเหนือจากการให้วัคซีน มาตรการป้องกันและควบคุมโรคเพิ่มเติมทั้งการกำจัดสัตว์ป่วย การตรวจติดตามโรค และระบบความปลอดภัยชีวภาพก็ยังจำเป็น เพื่อลดจำนวนผู้เข้าฟาร์ม และมาตรการด้านสุขอนามัยที่เข้มงวดจะเป็นเครื่องมือที่ได้ผลอย่างมากนอกเหนือจากการให้วัคซีน     

เอกสารอ้างอิง

Brockotter F. 2024. Addressing evolving velogenic Newcastle disease virus strains. [Internet]. [Cited 2024 Nov 15]. Available from: https://www.poultryworld.net/health-nutrition/health/addressing-evolving-velogenic-newcastle-disease-virus-strains/

ภาพที่ ๑ โรคนิวคาสเซิลสามารถทำให้ไก่ที่ไวรับต่อโรคตายได้ภายใน ๓ ถึง ๔ วัน อัตราการตายสูงร้อยละ ๕๕ ถึง ๑๐๐ (แหล่งภาพ Marcel Rob Fotografie)



วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เนื้อไก่ยังป๊อปปูล่าในยุโรป

 ภาคการผลิตสัตว์ปีกยังเป็นได้ด้วยดี ผลผลิตสูง และยังเป็นที่โปรดปรานของตลาดอาหาร จากผลการศึกษาโดยคณะกรรมาธิการยุโรป และกระทรวงเกษตรอเมริกา

วิสัยทัศน์สหภาพยุโรปต่อภาคการผลิตสัตว์ปีกในรอบ ๖ เดือนทั้งการผลิตและการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกในยุโรปจะเพิ่มขึ้นในปีนี้ การผลิตจะเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔ และการส่งออกสูงขึ้นร้อยละ ๓ เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยแนวโน้มนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปีหน้า

สถานการณ์โรคไข้หวัดนกที่คลี่คลายลง ต้นทุนอาหารสัตว์ต่ำลง และราคาเนื้อสัตว์ปีกที่สูงขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตในการผลิตในปีนี้ ครึ่งปีแรกของปี พ.ศ.๒๕๖๗ จำนวนไก่แปรรูปในสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔.๗ การผลิตเพิ่มขึ้นในเกือบทุกประเทศของสหภาพยุโรป ยกเว้น เนเธอร์แลนด์ สวีเดน และลิธัวเนีย ในโปแลนด์ การผลิตรอบปี พ.ศ.๒๕๖๖/๒๕๖๗ เพิ่มสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ ๕ เทียบกับปี พ.ศ.๒๕๖๕/๒๕๖๖ ขณะที่เนเธอร์แลนด์ลดลงเกือบร้อยละ ๕ ภาคการผลิตสัตว์ปีกอิตาลีก็เติบโตมากกว่าร้อยละ ๕ ในเยอรมัน เติบโตช้าลงเพียงร้อยละ ๑ ฝรั่งเศสมีผลงานดีที่สุด เติบโตมากกว่าร้อยละ ๑๕

การบริโภคที่เพิ่มขึ้นในสหภาพยุโรป   

               ตลาดสามารถจัดการอัตราการเติบโตนี้ได้แล้ว นอกเหนือจากการส่งออก การบริโภคเนื้อสัตว์ปีกในสหภาพยุโรปก็กำลังเพิ่มขึ้น คาดว่าจะแตะ ๒๕.๒ กิโลกรัมต่อคนในปี พ.ศ.๒๕๖๘ มากกว่าศตวรรษที่ผ่านมาเกือบ ๑๐ กิโลกรัม ในคริสตศตวรรษ ๒๐ อัตราการบริโภคเนื้อสัตว์ปีกของชาวยุโรป ๑๖.๔ กิโลกรัมต่อคนเท่านั้น

               การบริโภคเนื้อไก่ ใกล้แตะเนื้อสุกรแล้ว โดยเห็นภาพของการบริโภคเนื้อสุกรลดลงจาก ๓๔.๓ กิโลกรัมในคริสตศตวรรษ ๒๐ เป็น ๓๐.๙ กิโลรัมในปี พ.ศ.๒๕๖๘ การบริโภคเนื้อสัตว์ปีกในช่วงแรกของศตวรรษที่ ๒๑ นี้เป็นผลมาจากการบริโภคเนื้อโคที่ลดลงจาก ๑๒ กิโลกรัมต่อคนในศตวรรษที่ ๒๐ ที่ผ่านมาเป็น ๙.๔ กิโลกรัมต่อคนในปี พ.ศ.๒๕๖๘  

การผลิตยุโรปโตเร็วกว่าค่าเฉลี่ยโลก

               การผลิตเนื้อสัตว์ปีกยุโรปเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔ ถือว่าเร็วกว่าการเติบโตโลก ที่คาดว่าจะแตะร้อยละ ๒ ในปี พ.ศ.๒๕๖๘ อ้างอิงจากกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ในปีหน้า การผลิตคาดว่าจะเป็น ๑๐๔.๙ เมตริกตัน

               นอกเหนือจากนั้น สหภาพยุโรป จีน สหรัฐฯ ทูร์เคีย บราซิล และเม็กซิโก ก็ผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง และการฟื้นตัวของความต้องการผู้บริโภค ที่ช่วยกระตุ้นการเติบโตเศรษฐกิจ

จีนและบราซิล เป็นผู้นำ      

               จีนเพิ่มการผลิตขึ้นอย่างชัดเจน และเชื่อว่าจะขยับขึ้นเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลกในไม่ช้า ในบราซิลก็เป็นบวกเช่นกัน ขับเคลื่อนโดยความต้องการในต่างประเทศ และต้นทุนการผลิตที่ลดลง

ตลาดส่งออกโลกทำสถิติใหม่

               ไม่ใช่เพียงการผลิตเท่านั้น แต่ยอดการส่งออกโลกก็เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒ ในปี พ.ศ.๒๕๖๘ หลังจากตลาดไม่เคลื่อนไหวมาในปี พ.ศ.๒๕๖๖ และ ๒๕๖๗ กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ คาดว่า เนื้อสัตว์ปีก ๑๓.๘ ล้านเมตริกตันจะถูกส่งออกไปทั่วโลกปีหน้า การเติบโตทางเศรษฐกิจช่วยกระตุ้นการบริโภค เนื่องจาก เนื้อไก่เป็นอาหารที่จูงใจกลุ่มผู้มีรายได้ระดับกลาง ด้วยราคาที่ถูกกว่าโปรตีนจากสัตว์ชนิดอื่นๆ

การส่งออกบราซิลโดดเด่น

               ขณะที่ ผู้ส่งออกรายใหญ่ทั้งหมด สหภาพยุโรป สหรัฐฯ และไทย เติบโต บราซิลเป็นประเทศที่มีการเติบโตในตลาดส่งออกมากที่สุด นอกจากนี้ ก็ยังมีเม็กซิโก ซาอุดิอาระเบีย สิงค์โปร์ สหรัฐอาหรับอิมิเรต และสหราชอาณาจักรก็เป็นตลาดที่เติบโตขึ้นด้วยเช่นกัน เนื่องจาก ราคาต้นทุนการผลิตที่ถูกลง ข้อจำกัดการส่งออกที่เกี่ยวกับโรคไข้หวัดนกที่ลดลง ยิ่งช่วยกระตุ้นการส่งออกของสหภาพยุโรปให้กับตลาดต่างๆ อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรยังคงเป็นผู้ขายรายใหญ่ที่สุดในสหภาพยุโรป                                                                                                            

เอกสารอ้างอิง

Keuper J. 2024. Poultry meat remains popular in Europe. [Internet]. [Cited 2024 Nov 8]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/poultry-meat-remains-popular-in-europe/

ภาพที่ ๑ การผลิตและการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกในยุโรปในปีนี้เพิ่มขึ้น (แหล่งภาพ Marcel Rob)



วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

นิวคาสเซิลระบาดในโปแลนด์

 เพียงหนึ่งเดือนที่พบโรคนิวคาสเซิลครั้งแรกในโปแลนด์ ก็พบอีกเพิ่มเติมอีกมากกว่าสองฝูงไปแล้ว

               องค์กรสุขภาพสัตว์โลก หรือโวอ้า รายงานว่า ทั้งสองฝูงมีอาการคล้ายคลึงกับฝูงที่ผานมา โวอ้าให้ทั้งสองฝูงอยู่ในกลุ่มของสัตว์ปีกเลี้ยงในฟาร์ม โดยฝูงหนึ่งมีสัตว์ ๒๔,๕๖๔ ตัว ตายไป ๔๓๙ ตัว ที่เหลือกำลังทำลายทั้งหมด อีกฝูงมีสัตว์ ๓๕,๐๐๐ ตัว แม้จะยังไม่พบการตาย แต่ตัดสินใจทำลายทั้งหมดเช่นกัน

               มาตรการอื่นๆที่บังคับใช้ ได้แก่ การแบ่งโซน การเฝ้าระวังโรคในโซนจำกัดการเคลื่อนย้าย การควบคุมการเคลื่อนย้าย การฆ่าเชื้อ การสอบย้อนกลับ และการทำลายผลิตภัณฑ์จากสัตว์ ก่อนหน้านี้ ฝูงที่เกิดโรคในโปแลนด์ปีนี้มีสัตว์ ๕๑,๙๐๐ ตัว เมื่อเดือนที่แล้วโปแลนด์ก็พึ่งประกาศปลอดโรคนิวคาสเซิล ในปี พ.ศ.๒๕๖๖ พบสี่ฝูงที่เกิดโรคนิวคาสเซิล มีสัตว์ทั้งหมด ๗๘,๓๑๕ ตัว ภายหลังประสบความสำเร็จในการควบคุมโรค จึงได้ประกาศสถานะควบคุมโรคไว้ได้แล้วเมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายนปีที่แล้ว 

               ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ ประเทศหนึ่งควบคุมโรคไว้ได้แล้ว แต่อีกประเทศก็ได้ประกาศปลอดโรค โวอ้ารายงานเมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ฟาร์มไก่ไข่ในสวีเดน จำนวน ๑๘,๐๐๐ ตัว ก็เกิดโรคระบาด โดยทำลายสัตว์ป่วยทั้งหมด และกำหนดมาตรการควบคุมโรคอื่นๆแล้ว

               หนึ่งวันภายหลังการยืนยันโรคในสวีเดน สถานการณ์โรคนิวคาสเซิลในบราซิลก็ควบคุมไว้ได้แล้ว เมื่อมาตรการควบคุมโรคประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ในการระบาดเพียงหนึ่งครั้งในประเทศ มีเพียงประเทศเดียวที่โวอ้ายังรายงานไว้คือ ที่ประเทศอิสราเอล เท่านั้น   

เอกสารอ้างอิง

Graber R. 2024. Newcastle disease hits two more poultry farms in Poland. [Internet]. [Cited 2024 Nov 5]. Available from: https://www.wattagnet.com/broilers-turkeys/diseases-health/article/15707506/newcastle-disease-hits-two-more-poultry-farms-in-poland

ภาพที่ ๑ สัตว์ปีกมากกว่าหกหมื่นตัวพบโรคนิวคาสเซิล (แหล่งภาพ Volina | Bigstock)




เปลี่ยนขี้ไก่ให้เป็นพลังงาน

 โอกาสที่จะลดการปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจก สร้างพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้ผู้ผลิต

งานประชุมประจำปีคณะกรรมการไข่ระดับนานาชาติ หรือไออีซี เจมส์ คอร์เบตต์ กลุ่มบริษัทผลิตอาหารริดจ์เวย์ นำเสนอการจัดการวัสดุรองพื้นจากฟาร์มสัตว์ปีก ซึ่งผู้ผลิตบางรายมองว่าเป็นรายจ่าย ขณะที่ บางรายเล็งเห็นโอกาสที่จะสร้างรายได้เพิ่มเติม วัสดุรองพื้นในสหราชอาณาจักรมีมูลค่าทางการตลาดราว ๔๔๓ ถึง ๖๖๔ บาทต่อตัน ใช้ทดแทนปุ๋ยที่ให้ไนโตรเจนได้ตลอดปี ขณะที่ในประเทศอื่นๆ จะทำให้แห้งและอบขี้ไก่ให้เป็นเม็ดก่อนออกจากฟาร์ม โดยต้องเก็บไว้ก่อนที่จะนำมาใช้ หรือจำหน่าย และการเก็บก็หมายความว่าต้องใช้พื้นที่ 

กองขี้ไก่มักถูกเก็บก่อนใช้ หรือขาย การเก็บหมายความว่า จำเป็นต้องใช้พื้นที่เก็บรักษาและป้องกันไม่ให้เรี่ยราดออกไปกลายเป็นมลพิษทางน้ำกับสิ่งแวดล้อมต่อไป เกิดคำถามว่า เกษตรกรได้ใช้กองขี้ไก่ทั้งหมดหรือเปล่า บางบริษัทประสบความสำเร็จในการจัดการกองขี้ไก่ โดยมีตัวอย่างของผู้ประกอบการที่สามารถจดสิทธิบัตรการเผากองขี้ไก่จากไก่ไข่ด้วยวิธีที่เชื่อถือได้ เพื่อผลิตเป็นความร้อนและไฟฟ้าใช้ในฟาร์มตัวเอง เทคโนโลยีนี้พิสูจน์แล้วว่าสามารถใช้พลังงานทดแทนได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง ตอนนี้ได้ติดตั้งไปแล้ว ๑๔ แห่งในสหราชอาณาจักรสำหรับฟาร์มสัตว์ปีก และฟาร์มไก่ไข่ ข้อมูลที่ได้ถูกนำมาใช้โดยคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรปเพื่อช่วยกำหนดกฏเกณฑ์ใหม่สำหรับยุโรปในการใช้มูลสัตว์จากฟาร์มสัตว์ปีกเป็นพลังงานหมุนเวียนใช้ในฟาร์มเอง ซึ่งเป็นกฏระเบียบที่มีอยู่แล้วในฉบับที่ ๕๙๒/๒๐๑๔ และ ๑๗๖๒/๒๐๑๗ นอกจากนั้น ยังนำมาผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่มีฟอสฟอรัส และโปแทสเซียมสูง ตอนนี้ยังกำลังหาทางนำมาใช้เป็นเนื้อและกระดูกป่น เป็นต้น

สิ่งท้าทายในการกำจัดกองขี้ไก่

               สิ่งท้าทายหลายอย่างต่อผู้ผลิตสัตว์ปีกที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดกองขี้ไก่ โดยเฉพาะตามแม่น้ำที่อยู่ระหว่างอังกฤษและเวลส์ สิบห้าปีที่ผ่านมา การขยายฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกอย่างมากส่งผลให้คุณภาพน้ำแย่ลง รัฐบาลสหราชอาณาจักรจึงให้ทุนหนึ่งพันห้าร้อยล้านบาทให้กับผู้ผลิตสัตว์ปีกสำหรับการเผาทำลายกองขี้ไก่ แม้ว่าจะไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหา แต่อย่างน้อยก็จะช่วยให้ผู้ผลิตสัตว์ปีกมีทางเลือกต่อการจัดการกองขี้ไก่ปริมาณมหาศาล ทางออกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในการควบคุมมลภาวะเหล่านี้ ส่วนใหญ่ก็มีต้นทุนสูง รัฐบาลก็ต้องพยายามหาทางเลือกที่ดีกว่านี้ การเปลี่ยนให้เป็นพลังงานไฟฟ้า และเถ้าที่สามารถใช้สำหรับเป็นปุ๋ย น่าจะเป็นทางออกที่เป็นประโยชน์มากกว่า  

               โอโวแบรนด์ในอาร์เจนตินา มีโครงการวิจัยโมโนไดเจสชั่น เป็นการใช้มูลสัตว์ปีกสด เป็นสับสเตรตของแข็งผสมกับน้ำทิ้งในฟาร์มเอง ปัจจุบันในทุกวัน มูลสัตว์ปีก ๑๗๐ ตันถูกผลิตแล้วขนส่งไปยังภาคสนาม แต่บริษัทได้พัฒนาระบบการจัดการมูลสัตว์ปีกได้มากกว่า ๖๒,๐๐๐ ตันต่อไป มูลสัตว์ปีกถูกเคลื่อนย้ายไปยังถังผสมที่โรงงานฯ เพื่อนำแคลเซียมคาร์บอเนตมาใช้  

การสร้างพลังงานผ่านการเผาภายใน

               ของเหลวที่เกิดขึ้นถูกปั๊มเข้าสู่ถังรับของเหลวสำหรับการบำบัดด้วยความร้อน และหลังจากนั้น หมัก ๒๒ วันในถังย่อยแบบไม่ใช้อากาศ ซึ่งจะถูกเปลี่ยนเป็นแก๊สมีเธน และคาร์บอนไดออกไซด์ ไบโอแกณสที่ได้จะถูกดึงความชื้นและซัลเฟอร์ออก เพื่อสร้างพลังงานโดยอาศัยการเผาไหม้ภายใน

               แร่ธาตุในรูปของเหลวจากการหมักย่อยทางชีวภาพจะถูกกรอง แล้วแยกเป็นส่วนของแข็ง จากนั้น ผ่านกระบวนการแปรรูปในตู้อบ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์จำหน่ายต่อไปได้ ส่วนของเหลวจะผ่านการบำบัดแบบใช้อากาศ และไม่ใช้อากาศ เพื่อใช้เป็นปุ๋ยชีวภาพสำหรับการผลิตพืชไร่ต่อไปได้

               โดยภาพรวมแล้ว การแปรรูปของเสียอินทรีย์ให้ได้พลังงานไฟฟ้า ๑.๔ เมกาวัตต์ และพลังงานความร้อน ๑.๒ เมกาวัตต์ เพียงพอที่จะใช้สำหรับบ้านเรือน ๓,๗๐๐ หลัง หรือการใช้พลังงานทั้งหมดของทั้งบริษัทโอโวแบรนด์

               การใช้เทคนิคการย่อยสลายขยะแบบเดี่ยวที่นำมาใช้กับมูลสัตว์ปีก บริษัทหลีกเลี่ยงใช้ผลิตทั้งไฟฟ้า และปุ๋ยชีวภาพ โดยได้ผลประโยชน์สามอย่างพร้อมกันทั้งต่อสังคม สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจ   

เอกสารอ้างอิง

Mcdougal T. 2024. Poultry manure to energy – where there’s muck there’s brass. [Internet]. [Cited 2024 Nov 1]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/poultry-manure-to-energy-where-theres-muck-theres-brass/

ภาพที่ ๑ มูลสัตว์ปีกอาจจะเป็นภาระใหญ่สำหรรับผู้ผลิตบางราย แต่บางรายก็เป็นแหล่งรายได้เช่นกัน (แหล่งภาพ Canva)



วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หมูในสหรัฐฯติดหวัดนกเอช ๕ เอ็น ๑

 หมูหลังบ้านในรัฐโอเรกอนตรวจพบผลบวกต่อโรคไข้หวัดนกเอช ๕ เอ็น ๑ อ้างอิงตามกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ การค้นพบครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่พบไวรัสชนิดนี้ในสุกร  

สุกรหลังบ้านที่พบโรคอยู่ในรัฐโอเรกอน ภายในฟาร์มที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์เชิงพาณิชย์ ภายในฟาร์มมีทั้งสัตว์ปีกและปศุสัตว์อีกหลายชนิดอยู่ร่วมกันกับสุกร ขณะนี้ สำนักตรวจสอบสุขภาพพืชและสัตว์ หรือเอฟิส และเจ้าหน้าที่รัฐโอเรกอนกำลังสอบสวนโรค

ไก่เจ็ดสิบตัวติดเอช ๕ เอ็น ๑

               ไก่ทั้งหมด ๗๐ ตัวในฟาร์มให้ผลบวกต่อไวรัสเอช ๕ เอ็น ๑ เมื่อวันที่ ๒๕ ตุลาคม จากผลการทดสอบของห้องปฏิบัติการวินิจฉัยโรคทางสัตวแพทย์รัฐโอเรกอน หรือโอวีดีแอล ที่มหาวิทยาลัยรัฐโอเรกอน หรือโอเอสยู ทั้งนี้ผลทดสอบจากห้องปฏิบัติการบริการด้านสัตวแพทย์แห่งชาติ หรือเอ็นวีเอสแอล ก็ยืนยันผลเป็นบวกเช่นกัน ไก่ทั้งหมดถูกทำลาย

               เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สุกร ๑ ใน ๕ ตัวในฟาร์มติดเชื้อ สัตว์ที่เลี้ยงไว้หลังบ้านใช้แหล่งน้ำร่วมกัน โรงเรือน และอุปกรณ์เดียวกัน เป็นฟาร์มแบบผสมผสานในความฝันของใครหลายคน แต่ก็เป็นความฝันของเชื้อไวรัสกลายพันธุ์ที่จะมีโอกาสกระโดดแพร่กระจายไประหว่างชนิดสัตว์

ไม่พบสุกรป่วย

               สุกรที่ติดเชื้อก็ไม่ได้แสดงอาการออกมาให้เห็น เจ้าหน้าที่วางยาให้สุกรเหล่านี้ตายอย่างสงบเพื่อชันสูตรโรคเพิ่มเติม ผลการทดสอบเป็นลบ ๒ ตัว และยังรอผลอีก ๒ ตัว จากนั้น ส่งเข้าเตาเผาทำลายซาก เจ้าหน้าที่รัฐ เน้นย้ำว่า สัตว์ในฟาร์มไม่ได้ใช้สำหรับผลิตเป็นอาหารเชิงพาณิชย์ และถูกกักกันโรคเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายต่อไป สัตว์ชนิดอื่นๆทั้งแกะและแพะในฟาร์ม ยังเฝ้าระวังโรคใกล้ชิด

ผลการตรวจสอบลำดับจีโนมไวรัสเอช ๕ เอ็น ๑

                  ห้องปฏิบัติการบริการด้านสัตวแพทย์แห่งชาติสหรัฐฯ ได้ตรวจสอบลำดับจีโนมของเชื้อไวรัสจากสัตว์ปีกที่ติดเชื้อในฟาร์มนี้ ยังไม่พบการเปลี่ยนแปลงของเชื้อไวรัสเอช ๕ เอ็น ๑ ที่จะทำให้กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ และกรมควบคุมโรค กังวลต่อการติดต่อสู่มนุษย์ได้

               กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ ให้การรับรองความปลอดภัยของสองชนิดสำหรับใช้กับโคนม เพื่อป้องกันเอช ๕ เอ็น ๑ และเป็นทางเลือกสำหรับสัตว์ชนิดอื่นๆต่อไปได้

เอกสารอ้างอิง

Ter Beek V. 2024. Backyard pig in US found infected with H5N1. [Internet]. [Cited 2024 Nov 1]. Available from: https://www.poultryworld.net/health-nutrition/health/backyard-pig-in-us-found-infected-with-h5n1/

ภาพที่ ๑ ภาพกำลังขยายสูงแสดงเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่เอช ๕ เอ็น ๑ (แหล่งภาพ CDC, courtesy of Cynthia Goldsmith, Jacqueline Katz and Sherif R. Zaki.)



วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ฝรั่งเศสเรียกคืนไข่ไก่สามล้านฟอง

 รัฐบาลฝรั่งเศสสั่งเรียกไข่ไก่คืนสามล้านฟอง เนื่องจาก การปนเปื้อนเชื้อซัลโมเนลลา ขณะนี้พบผู้ป่วยแล้วแปดรายจากการปนเปื้อนครั้งนี้ แต่ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล

ผู้จำหน่ายไข่ไก่ โอวาลิส ประกาศเรียกคืนไข่ไก่ชุดใหญ่ที่จำหน่ายภายใต้แบรนด์ต่างๆกันจากเชนซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ในฝรั่งเศส ทั้งคาร์ฟูร์ ออชาน และเลอเคลิร์ก ยังมีไข่ไก่ที่มาจากเชนฟู้ดแบงค์เรสทอส ดู คัวร์ ทั่วทั้งฝรั่งเศส

อ้างอิงตาม โอวาลิส การเรียกคืนสินค้าเชิงป้องกันมีความจำเป็น เนื่องจาก การปนเปื้อนเชื้อ ซัลโมเนลลา ไทฟิมูเรียม สินค้าจำหน่ายใส่กล่องเป็นโหล ๑๐ ฟอง หรือครึ่งโหลระหว่าง ๒๙ กันยายนถึง ๑๐ ตุลาคม และใช้ไปจนถึง ๓๑ ตุลาคม จำนวนไข่ไก่ที่ปนเปื้อนมีจำนวนเล็กน้อย แต่ไปปะปนอยู่ในสถานีบรรจุสินค้าที่มีจำนวนไข่จำนวนมาก ทำให้ต้องตัดสินใจเรียกคืนไข่ไก่จำนวนมากทั้งหมด ๓ ล้านฟอง

ตราสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการปนเปื้อนครั้งนี้ ได้แก่ Poitou Oeufs, Tout Frais tout Français และ Douce France ขณะที่ แบทช์ที่เล็กลงเป็นไข่ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้า Carrefour Original หรือ Leclerc Eco+ หรือในซูเปอร์มาร์เก็ต Lidl France

เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไม่แนะนำให้บริโภค หรือใช้ไข่ไก่ชุดนี้ แต่ควรทำลายทั้งหมด หรือส่งคืนให้กับซูเปอร์มาร์เก็ต หรือร้านค้า เพื่อขอคืนเงิน ผู้ที่รับประทานไข่ไก่ และแสดงอาการผิดปรกติ ให้ปรึกษาแพทย์ โดยได้ รัฐบาลได้เตรียมระบบสายด่วนสำหรับประชาชนที่วิตกกังวล หรือเกิดคำถามกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกำลังสอบสวนย้อนกลับไปทั้งระบบการผลิตไข่ไก่จนถึงอาหารสัตว์ที่เกษตรกรใช้เลี้ยงสัตว์ ถึงเวลานี้ ยังไม่มีการแถลงผลการสอบสวน

เอกสารอ้างอิง

Peys R. 2024. Salmonella scare – France recalls 3 million eggs. [Internet]. [Cited 2024 Oct 28]. Available from: https://www.poultryworld.net/poultry/layers/salmonella-scare-3-million-french-eggs-recalled/

ภาพที่ ๑ ไข่ไก่กว่าสามล้านฟองถูกเรียกคืนโดยรัฐบาลฝรั่งเศส (แหล่งภาพ Canva)



วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2567

นวัตกรรมใหม่ในการผลิตไข่ไก่ในสหรัฐฯ

 นวัตกรรมด้านเทคโนโลยีที่ออกแบบขึ้นใหม่ สำหรับเพิ่มจำนวนไข่ไก่ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะ สำหรับคนรุ่นใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคอาหารที่ใช้เวลาเตรียมอาหารไม่เกินห้านาที

กุญแจสำหรับการพัฒนาการผลิตไข่ไก่ในระยะยาว ภายหลังการระบาดใหญ่ของโควิด ๑๙ ผ่านมาแล้ว ผู้บริโภคบริโภคอาหารว่างมากกว่าสามครั้งต่อวัน แต่รับประทานอาหารมื้อหลักปริมาณน้อยลง ความนิยมในการจับจ่ายซื้ออาหารสะดวกซื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะ อาหารมื้อเช้าที่ใช้เวลาเตรียมตัวสั้นๆไม่เกินห้านาที โจทย์ใหญ่สำหรับภาคการผลิตไข่ไก่ในเวลานี้

เอ้กเซเลเรเตอร์ แล็บ

เครือข่ายนวัตกรรม เอ้กเซเลเรเตอร์ แล็บ เกิดขึ้นเมื่อสองปีที่ผ่านมา เพื่อพัฒนางานวิจัยที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ และวัตถุดิบสำหรับเมนูไข่ไก่ โดยร่วมมือกับพันธมิตรคู่ค้าใหม่ ในปีที่แล้ว ก็ได้เปิดให้นักเรียนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เป็นครั้งแรก จาก ๑๔ มหาวิทยาลัยที่ร่วมแข่งขันในกิจกรรม ออนเดอะโกที่มหาวิทยาลัยจอร์เจีย โดยผู้ชนะเป็นเครื่องดื่มเอ้กเพรสโซ่ ส่วนรายอื่นๆเป็นแผนนวัตกรรมจากสแน้คโปรตีนสูงที่ใช้ไข่ไก่ ซึ่งใช้เทคโนโนโลยีที่มีพร้อมอยู่แล้ว  

ปัจจุบัน เอ้กเซเลเรเตอร์ แล็บ มีลูกค้าแล้ว ๕๐ ราย กระจายไปตามกลุ่มต่างๆในห่วงโซ่การผลิต รวถมึง บริษัทใหญ่อย่าง คราฟไฮนส์ เอ้กไลฟ์ และไทสัน

โครงการ กิสโม่

                กิสโม่ โปรเจค เป็นทางเลือกที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค พัฒนาเมนูไข่ดาวใหม่ๆที่ทำได้ง่ายด้วยไมโครเวฟ โดยไม่ทำให้ไข่ระเบิดในเครื่อง ผลิตภัณฑ์ต้นแบบนี้ได้จดทะเบียนสิทธิบัตรเสร็จเรียบร้อยแล้ว และการออกแบบเครื่องมือใกล้จะสมบูรณ์เช่นกัน ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการทดสอบกับร้านอาหาร และบริษัทคู่ค้า แอพลิเคชันสำหรับการปรุงอาหารที่บ้าน ยังใช้ได้กับร้านอาหารอีกด้วย หลังจากได้ความเห็นจากแมคโดนัลด์ เวนดี้ และเคเอฟซี จากปัญหาที่พนักงานภายในร้านประสบปัญหากับการใส่ไข่ลงในเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากลำบาก เมนูใหม่อย่างคัสตาร์ดเป็นครีมแบบอังกฤษ จะใช้ไข่แดงและวานิลลาแทนที่จะเป็นมันสำปะหลังแบบเก่า

เปลือกไข่สองหมื่นห้าพันล้านฟอง

               เปลือกจากไข่ไก่มากกว่า ๒.๕ หมื่นล้านฟองต่อปีจากฟาร์มไก่ไข่ในสหรัฐฯ ประเทศเดียว ปัจจุบัน จะใช้ไปผสมลงในอาหารแม่ไก่ หรือใช้เป็นปุ๋ยบำรุงดิน หรือผู้ผลิตบางรายก็ต้องจ้างผู้รับจ้างจัดการขยะและของเสีย ดังนั้น การนำเปลือกไข่กลับมาใช้ใหม่น่าจะสร้างมูลค่าจากผลพลอยได้ในการผลิตขึ้นมาให้กับฟาร์มได้ หรือพัฒนาอาหารและเครื่องดื่มจากเปลือกไข่ต่อไปได้ คาดว่า มูลค่าของธุรกิจอยู่ที่ราว ๑.๖ พันล้านบาท แค่ในสหรัฐฯแห่งเดียว หากขยายต่อไปทั่วโลกจะเป็นมูลค่าที่สูงกว่านี้มหาศาล    

เอกสารอ้างอิง

Mcdougal T. 2024. Egg innovations in the United States. [Internet]. [Cited 2024 Oct 22]. Available from: https://www.poultryworld.net/poultry/layers/egg-innovations-in-the-us/

ภาพที่ ๑ นวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบขึ้นมาเพื่อเพิ่มการบริโภคไข่ไก่ในสหรัฐฯ ตามความต้องการผู้บริโภคสำหรับเมนูอาหารที่เตรียมเสร็จได้ภายใน ๕ นาที (แหล่งภาพ Canva)



วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2567

การคัดเพศในไก่เนื้อด้วยระบบอัตโนมัติ

 อุตสาหกรรมสัตว์ปีกกำลังปรับตัวอย่างรวดเร็ว จากความต้องการโปรตีนจากสัตว์คุณภาพสูงที่สูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่มีแรงกดดันจากการขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนที่สูง และการปรับตัวตามกฏระเบียบด้านการค้าระหว่างประเทศ ผู้ผลิตสัตว์ปีกต้องเปลี่ยนการผลิตไปตามระบบการผลิตที่มีความก้าวหน้า โดยเฉพาะ เทคโนโลยีเอไอ เพื่อปรับตัวเองให้ยังสามารถแข่งขันอยู่ในตลาดต่อไปได้   

เทคโนโลยีใหม่ที่สำคัญ เช่น การคัดเพศตามขนปีกด้วยระบบอัตโนมัติ กลายเป็นโจทย์ที่ท้าทายที่กระตุ้นให้ต้องพัฒนาการจัดการที่โรงฟัก เพื่อให้ความสม่ำเสมอของลูกไก่ที่ฟาร์มดีขึ้น และเพิ่มผลผลิตที่โรงงานแปรรูป อย่างไรก็ตาม การนำระบบเอไอไปใช้ก็เป็นเพียงหนทางหนึ่งเท่านั้น คุณค่าที่แท้จริงของเทคโนโลยีเหล่านี้ สามารถจัดการให้สมบูรณ์ได้ด้วยการบริการและการสนับสนุนอย่างเข้มแข็ง หากปราศจากการดูแลเอาใจใส่ที่ไว้วางใจได้ แม้ว่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดก็เสี่ยงต่อความเสียหาย และส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผลผลิตต่อไปได้ การใช้ประโยชน์เทคโนโลยีต่างๆให้ได้เต็มที่ งานบริการลูกค้ามีความจำเป็นต่อการลดความเสียหาย และรักษาการผลิตให้ได้อย่างสม่ำเสมอ

เพิ่มประสิทธิภาพสูงที่สุดผ่านระบบอัตโนมัติ

               เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในแวดวงผู้ผลิตสัตว์ปีกแล้วว่า การคัดเพศลูกไก่เนื้อเป็นประโยชน์ต่อการผลิต แต่ก็ยังปฏิบัติกันอยู่ไม่มาก เนื่องจาก การใช้แรงงานพนักงานจำนวนมาก และความแม่นยำในการทำงาน ระบบอัตโนมัติแบบใหม่จะช่วยทรานส์ฟอร์มกระบวนการนี้ให้กับโรงฟักได้ ทั้งความแม่นยำ และความรวดเร็ว เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตที่ไว้วางใจได้อีกด้วย

               ระบบวิงสแกนของทาร์แกนใช้เอไอในการคัดเพศ สามารถคัดเพศลูกไก่ได้ ๑๐๐,๐๐๐ ตัวต่อชั่วโมง ขึ้นกับค่าที่ตั้งไว้โดยมีความแม่นยำสูงถึงร้อยละ ๙๘ ตัดปัญหาการใช้แรงงานพนักงานคัดเพศลูกไก่ ลดการจับลูกไก่ และไม่ทำให้สัตว์เจ็บปวด เป็นการเพิ่มสวัสดิภาพสัตว์ และลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ มองข้ามไปจากโรงฟักบ้าง วิงสแกนยังเป็นประโยชน์ต่อผลผลิตในฟาร์มและโรงเชือดอีกด้วย การคัดแยกเพศลูกไก่ตั้งแต่แรก แล้วแยกเลี้ยง สามารถใช้สูตรอาหารสัตว์ที่แตกต่างกัน ที่ช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโต และความสม่ำเสมอของฝูงดีขึ้น ไก่ที่ส่งโรงเชือดจะมีขนาดสม่ำเสมอดีขึ้น ช่วยลดของเสียลง ขณะที่ ปริมาณเนื้อสูงขึ้น

               เพื่อให้มั่นใจว่า วิงสแกน นำส่งผลลัพธ์ที่เหมาะสม ทาร์กานให้ความสำคัญกับการบำรรุงรักษาเชิงป้องกัน และแก้ไขแบบเรียลไทม์ เพื่อช่วยให้ผู้ผลิตไม่เกิดความเสียหาย

การบริการและสนับสนุนแบบเวิร์ดคลาส

               โซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยระบบเอไอแบบอัตโนมัติ กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเลี้ยงสัตว์ปีก จากความต้องการด้านบริการและสนับสนุนที่พิเศษ

               แม้ว่า ระบบจากวิงสแกนจะเป็นประโยชน์อย่างมาก แต่ก็ต้องอาศัยผู้ใช้งานอย่างใกล้ชิด เพื่อให้โปรแกรมนี้เป็นประโยชน์จริงๆ ด้วยเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนอย่างมาก การสนับสนุนลูกค้าด้วยแนวทางเดิมไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น ทาร์แกน จึงได้พัฒนาต้นแบบการบริการและสนับสนุนลูกค้า สำหรับระบบแห่งอนาคตนี้ โดยครอบคลุมถึงการดูแลรักษาเป็นประจำ การตรวจติดตามแบบเรียลไทม์ และการเจาะลึกไปยังข้อมูลแบบเชิงลึก ภายหลังการลงโปรแกรมแล้ว ลูกค้าแต่ละรายจะใช้เวลาสำหรับการตอบกลับข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการเพื่อความสำเร็จของลูกค้า และให้การสนับสนุนเพื่อให้มั่นใจว่าจะเกิดการพัฒนาขึ้นต่อไป  

               นอกจากนั้น ยังมีการจัดการทีมผู้ให้บริการที่ได้รับการฝึกอบรมมาอย่างดีจากทาร์แกนให้พร้อมสำหรับการบริการและสนับสนุนอย่างทันเหตุการณ์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทาร์แกนมั่นใจว่า ความช่วยเหลืออย่างมืออาชีพพร้อมสำหรับการทำงานได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการดูแลระบบประจำวัน หรือเมื่อเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ทีมบริการภาคสนามมีบทบาทสำคัญมากในการทำงานให้มีความน่าเชื่อถือ และมีประสิทธิภาพ  

               โดยเฉพาะ การสื่อสารกับโรงฟัก การเข้าและประเมินการจัดการทางไกล ช่วยให้สามารถตรวจพบปัญหาตั้งแต่ต้น การอัพเดตซอฟต์แวร์ตามเวลา และทบทวนผลการปฏิบัติงาน การจัดการเชิงรุกเช่นนี้จะช่วยป้องกันความเสียหายก่อนที่จะเกิดขึ้น

               การตรวจติดตามตามเวลาอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้วิงสแกนมีความแม่นยำสูงอย่างทั่วถึง ตอบโจทย์ให้กับผู้ผลิตสัตว์ปีกที่ต้องการเทคโนโลยีใหม่ที่มีความก้าวหน้า พิเศษยิ่งไปกว่านั้น ระบบนี้ทำงานเชิงรุก และตอบสนองกับปัญหาอย่างทันที ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับลูกค้า

คุณค่าของความเห็นลูกค้าในการออกแบบนวัตกรรมเพื่ออนาคต

               วิศวกรจากทาร์แกนพร้อมสำหรับประสานงานกับลูกค้าทันทีภายหลังการติดตั้งระบบ คอยให้ความช่วยเหลือทั้งการฝึกอบรมเชิงรุก การให้คำแนะนำกับทีมงานโรงฟักเกี่ยวกับการตรวจติดตามและสำรวจหาประเด็นที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย การโคชชิ่งโดยลงมือปฏิบัติจริง ร่วมกับการจัดการความสำเร็จของลูกค้า จะสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ใช้งานได้ใช้เครื่องมือสำหรับการจัดการงานประจำวันได้อย่างเชื่อมั่น 

               ขณะที่ เทคโนโลยีที่ทรงพลังด้วยเอไออย่างวิงสแกน พัฒนาตัวเองได้ผ่านแมชชีนเลิร์นนิ่ง การป้อนข้อมูลจากลูกค้าจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกำหนดแนวทางการสร้างนวัตกรรมในอนาคตของอุตสาหกรรม สำหรับ สำหรับ พนักงานโรงฟัก ที่คุ้นเคยกับระบบทาร์แกนแล้ว ก็จะช่วยให้วิเคราะห์และแปลผลข้อมูลเชิงลึก จัดการกับเทคโนโลยีเพื่อให้ทำงานได้อย่างเจาะจงตามที่ลูกค้าต้องการได้

               วิสัยทัศน์ของทาร์แกนจะก้าวข้ามการติดตั้งที่ปรับแต่งได้ตามความต้องการ และวางแผนจะเดินหน้าไปสู่การใช้เอไอ เพื่อให้ระบบสามารถปรับแต่งและจัดการผลผลิตได้โดยไม่ต้องใช้มนุษย์อีกเลย การประสานงานกับลูกค้าอย่างเข้มแข็งจะช่วยให้ระบบทาร์แกนวิวัฒนาการให้สอดคล้องกับความต้องการอุตสาหกรรม ประดิษฐ์คิดค้นเครื่องมือให้ผู้ผลิตสัตว์ปีกต่อสู้กับสิ่งท้าทายยุคใหม่ และความต้องการผู้บริโภคที่ทรงพลัง  

เอกสารอ้างอิง

Fryar J. 2024. Reshaping broiler sexing through advanced automation and support. . [Internet]. [Cited 2024 Sep 9]. Available from: https://www.poultryworld.net/the-industrymarkets/market-trends-analysis-the-industrymarkets-2/reshaping-broiler-sexing-through-advanced-automation-and-world-class-support/

ภาพที่ ๑ การคัดเพศในไก่เนื้อด้วยระบบอัตโนมัติ ระบบวิงสแกนของทาร์แกนใช้เอไอในการคัดเพศลูกไก่เนื้อ ๑๐๐,๐๐๐ ตัวต่อชั่วโมง (แหล่งภาพ Targan)




วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ผลกระทบของพันธสัญญาไก่ยุโรป ต่อต้นทุนการผลิตและสิ่งแวดล้อม

การถกเถียงต่อข้อวิตกกังวลถึงผลกระทบของการเปลี่ยนผ่านสู่พันธสัญญาไก่ยุโรป หรืออีซีซีในสหภาพยุโรป ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่า สวัสดิภาพสัตว์จะดีขึ้น แต่ก็ส่งผลกระทบต่อทั้งสิ่งแวดล้อม และปริมาณเนื้อสัตว์ปีกที่ผลิตได้ ตลอดจนต้นทุนการผลิต เอเวค ได้เผยผลการศึกษาด้านต้นทุนการผลิต ผลกระทบต่อปริมาณการผลิต และสิ่งแวดล้อม เมื่อเปลี่ยนผ่านจากการเลี้ยงไก่ปรกติเป็นอีซีซี 

ผลการศึกษาเปรียบเทียบเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา วิเคราะห์ความแตกต่างระหว่างสวัสดิภาพสัตว์ปีกที่เลี้ยงภายใต้สภาวะปรกติ และยกระดับให้สอดคล้องกับหลักสวัสดิภาพสัตว์ที่สูงขึ้น แสดงให้เห็นว่า สวัสดิภาพสัตว์ช่วยเพิ่มโอกาสให้ไก่เข้าถึงแสงธรรมชาติ และความหนาแน่นการเลี้ยงไก่ที่ลดลง เอเวค ผู้แทนยุโรปด้านการค้าและแปรรูปเนื้อสัตว์ปีก ได้รับมอบหมายจากบริษัทที่ปรึกษาด้านการเกษตรกรรมแห่ง
สหราชอาณาจักรหรือเอดาสให้ดำเนินการศึกษาครั้งล่าสุด ไม่ได้เน้นไปที่สวัสดิภาพสัตว์เท่านั้น แต่ยังมองไปที่มุมมองด้านต้นทุน ผลกระทบสำหรับปริมาณการผลิตต่อสภาพอากาศหลังจากการเปลี่ยนแปลงจากการเลี้ยงไก่ตามปรกติไปยังอีซีซีแล้ว เอดาสเน้นย้ำถึงผลของการวิจัยในยุโรป ๑๓ ประเทศ   

ผลที่ได้แตกต่างจากการวิจัยก่อนหน้านี้ เมื่อมองไปที่ต้นทุนต่อกิโลกรัมของเนื้อสัตว์ปีก เอเวค ประชดว่า ผู้ผลิตสัตว์ปีกขายเนื้อสัตว์ ไม่ได้ขายสัตว์ปีกมีชีวิต สักหน่อย

เอฟซีอาร์    

ผลการวิจัย แสดงให้เห็นว่า ตลอดห่วงโซ่การผลิต ต้นทุนเพิ่มขึ้นจาก ๗๓,๘๑๑ บาทเป็น ๑๐๑,๔๖๓ บาท เมื่อเปลี่ยนจากการเลี้ยงไก่ปรกติเป็นไก่อีซีซี เพิ่มสูงขึ้นอีกร้อยละ ๓๗.๕ ซึ่งรวมถึงต้นทุนอาหารสัตว์ ผู้เลี้ยงไก่โตช้าไม่ชอบเอฟซีอาร์ที่แย่ลง ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องเลี้ยงนานขึ้น และใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น การผลิตเนื้อไก่อีซีซี ๑ กิโลกรัม ใช้อาหารสัตว์เพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๔.๕ และใช้พื้นที่การเลี้ยงมากขึ้น นอกจากนั้น ยังใช้น้ำสูงขึ้นกว่าปรกติร้อยละ ๓๔.๔ เมื่อเอดาสคำนวณแล้ว การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับการผลิตไก่ ๑ กิโลกรัมจากการเลี้ยงไก่อีซีซีก็สูงขึ้นร้อยละ ๒๔.๔ อีกด้วย

ต้นทุนที่สูงขึ้นจากการเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงไก่ปรกติเป็นไก่อีซีซีอย่างสมบูรณ์ โดยไม่มีผลตอบแทนเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจาก พื้นที่การเลี้ยงสัตว์ได้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ แล้วยังเป็นปัญหาต่อบริษัทสายพันธุ์ไก่ โรงฟัก การขนส่ง โรงงานอาหารสัตว์ และโรงฆ่าอีกด้วย เมื่อคำนวณต้นทุนแล้วเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ ๑๔.๘ หากคำนวณต่อกิโลกรัมของเนื้อไก่ ต้นทุนก็จะสูงขึ้นร้อยละ ๕๔.๒ เปรียเบทียบกับเนื้อไก่ปรกติ สมาคมการค้าเยอรมันคำนวณผลกระทบต่อผู้บริโภคจะต้องจ่ายเพิ่มขึ้นอีก ๓๕๖ บาทต่อกิโลกรัมของชิ้นส่วนสันในไก่

ราคาที่ต้องจ่ายของสวัสดิภาพสัตว์

               สมาคมผู้บริโภคยุโรป เน้นย้ำว่า ไม่ได้เพียงราคาที่ผู้บริโภคต้องจ่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น แต่ยังเกิดต้นทุนทางสังคมอีกด้วย ร้อยละ ๙๐ ของผู้บริโภคชื่นชมกับกฏระเบียบที่กำหนดให้มาตรฐานด้านสวัสดิภาพสูงขึ้น เช่น ผู้บริโภคต้องการให้ยุติการเลี้ยงไก่ขังกรง และสัตว์มีพื้นที่อาศัยที่เพิ่มขึ้นกว่าเดิม ผลงานวิจัยในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ๙ ประเทศจากเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๖ แสดงให้เห็นว่า ร้อยละ ๙๐ ของผู้บริโภคในยุโรปยินดีจ่ายเพิ่มขึ้นสำหรับสวัสดิภาพสัตว์ที่ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ร้อยละ ๑๗ ไม่สามารถยอมรับราคาไก่ที่แพงขึ้นได้ แม้ว่า ผลกระทบครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับเนื้อสัตว์ปีกสดค่อนข้างน้อยเปรียบเทียบกับเนื้อสดประเภทอื่นๆ ไม่สำคัญว่าผู้บริโภคอยากจะซื้ออะไร แต่ประเด็นคือ ผู้บริโภคซื้อะไรในร้ายค้าที่แท้จริงต่างหาก

การผลิตที่ลดลง

               การเปลี่ยนแปลงการเลี้ยงจากไก่ปรกติเป็นไก่อีซีซี ทำให้การผลิตไก่ต่อตารางเมตรลดลงร้อยละ ๔๔ ทั้งนี้มีความสัมพันธ์กับความหนาแน่นในการเลี้ยง วงจรการเลี้ยง และสัดส่วนของเนื้อจากซากไก่ งานวิจัยของเอดาส แสดงให้เห็นว่า ไก่เนื้อที่เลี้ยงแบบปรกติคิดเป็นร้อยละ ๕๖.๒๙ และไก่เนื้ออีซีซีร้อยละ ๔๙.๙๔ ซึ่งน้อยลงร้อยละ ๑๑ หากภาคการผลิตในฟาร์มเลี้ยงไก่ปรกติในสหภาพยุโรปเปลี่ยนเป็นการผลิตแบบอีซีซีทั้งหมดแล้ว ต้องสร้างฟาร์มใหม่ทั้งหมด ๑๐,๐๐๐ โรงเรือน เพื่อรักษาปริมาณการผลิต ด้วยจำนวนไก่เท่ากัน ต้องใช้พื้นที่เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๘ และผลิตเนื้อไก่ปริมาณเท่าเดิมต้องใช้พื้นที่เลี้ยงไก่ต่อตารางเมตรมากขึ้นร้อยละ ๖๖ งบประมาณสำหรับการสร้างโรงเรือนใหม่เกือบสามแสนล้านบาท ด้วยจำนวนมากมายขนาดนั้น ภาครัฐก็ยากที่จะอนุญาตให้ดำเนินการต่อไปได้ ทางเลือกที่มีเป็นการนำเข้าเนื้อไก่จากประเทศที่สาม ซึ่งก็จะมีมาตรฐานสวัสดิภาพสัตว์ที่ต่ำลง ซึ่งกลับไปที่ข้อถกเถียงเก่าๆเกี่ยวกับการนำเข้าเนื้อไก่ที่ไม่ได้ผลิตในสหภาพยุโรปเหมือนเดิม

ทางเลือกอย่างอิสระ

               สมาชิกควรผลิตสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการซื้อ เอเวค สนับสนุนให้ผู้บริโภคมีอิสระในการเลือกซื้อสินค้า โดยเลือกได้ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสัตว์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือผลิตภัณฑ์ที่ราคาย่อมเยา ผู้เลี้ยงไก่เนื้อในเนเธอร์แลนด์ก็ต้องตัดสินใจเหมือนกัน ในการผลิตเนื้อสัตว์ปีกสดส่งให้กับซูเปอร์มาร์เก็ต ประเด็นดังกล่าวดูเหมือนจะนำมาถกกันใหม่ เนื่องจาก ผู้ค้าปลีกในเนเธอร์แลนด์ก็มีมาตรฐาน เบทเทอร์ เลเวน ๑ ดาว ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นต่ำสำหรับสวัสดิภาพสัตว์อยู่แล้ว กรรมาธิการยุโรป ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างต้นทุนที่ต้องจ่าย และประโยชน์ที่ได้ ผลการศึกษาของเดดาสยังไม่ได้มองถึงการบรรเทาผลกระทบด้านลบ เช่น ช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านปรกติ หน่วยงานด้านอาหารและความปลอดภัยอาหารยุโรป มองว่า ขณะนี้กำลังเป็นสิ่งท้าทายในการเปรียบเทียบระหว่างระบบการผลิตไก่แบบอีซีซีกับแบบปรกติ เนื่องจาก ยังมีความแตกต่างของมาตรฐานระหว่างประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป และการใช้ฉลาก รวมถึง ระบบการผลิตอินทรีย์ที่ยังมีอยู่ด้วย ภาคการผลิตสัตว์ปีกควรทำงานร่วมกับภาคอื่นๆ เพื่อยกระดับสวัสดิภาพสัตว์

ข้อกำหนดพันธสัญญาไก่ยุโรป

               บริษัทผู้ให้บริการด้านอาหารมากกว่า ๒๐๐ แห่ง ได้ยอมรับพันธสัญญาไก่ยุโรปเรียบร้อยแล้ว หมายความว่าในปี พ.ศ.๒๕๖๙ สองปีถัดจากนี้ จะต้องซื้อเนื้อไก่สด ไก่แช่แข็ง และไก่แปรรูป ที่ผลิตภายใต้ข้อกำหนดที่ควบคุมเป็นพิเศษ เช่น การเลี้ยงไก่ต้องเป็นสายพันธุ์ไก่โตช้าเท่านั้น และเลี้ยงที่ความหนาแน่นสูงที่สุด ๓๐ กิโลกรัมต่อตารางเมตร มีข้อบังคับให้สัตว์ได้มีโอกาสพบกับแสงธรรมชาติ และวัสดุที่เตรียมไว้ให้เล่นผ่อนคลาย พื้นที่ภายนอกโรงเรือนภายใต้หลังคาไม่มีความจำเป็น ซึ่งแตกต่างจากข้อกำหนดตามฉลากคุณภาพเบเทอร์เลเว่น 

สวัสดิภาพเป็นสิ่งที่ต้องจ่าย

               ผลการวิจัย ยังพบว่า ต้นทุนการจัดการให้สอดคล้องกับพันธสัญญาไก่ยุโรปในสหภาพยุโรปอย่างสมบูรณ์ ส่งผลให้ราคาต้นทุนเพิ่มสูงมาก และจะถูกผลักภาระต่อให้กับผู้บริโภค

·      ต้นทุนการผลิตโดยรวมจะเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๗.๕ ของเนื้อไก่

·      การใช้น้ำเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๕.๔ คำนวณได้เป็นปริมาณน้ำ ๑๒.๔๔ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

·      การปลดปล่อยแก๊สเรือนกระจกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๔.๔ ต่อกิโลกรัมของเนื้อที่ผลิตได้

·      การผลิตเนื้อทั้งหมดลดลงร้อยละ ๔๔ เปรียบเทียบกับการผลิตด้วยวิธีมาตรฐานที่เลี้ยงความหนาแน่นสูงกว่า ๓๐ กิโลกรัมต่อตารางเมตร

·      จำเป็นต้องสร้างโรงเรือนเลี้ยงไก่ใหม่ ๙,๖๙๒ โรงเรือน คาดว่าต้องมีเงินจ่ายราว ๒.๙๔ แสนล้านบาท เพื่อรักษาระดับการผลิตไว้ให้ได้เท่าปัจจุบัน

เอกสารอ้างอิง

van der Werf N. 2024. Transition to ECC has a major impact. Poultry World. 6: 6-8.

ภาพที่ ๑ สวัสดิภาพสัตว์และผลกระทบของอีซีซี  Canva)



วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567

หกนวัตกรรมชนะเลิศด้านสุขภาพสัตว์และความปลอดภัย

 ผู้ชนะรางวัลนวัตกรรมปี พ.ศ.๒๕๖๗ ในงานแสดงสินค้าด้านเกษตรกรรมระหว่างประเทศ หรือสเปส ที่เมืองฝรั่งเศส

รางวัลนวัตกรรมสเปซประจำปี พ.ศ.๒๕๖๗ ในงานแสดงสินค้าที่ฝรั่งเศส ที่เกี่ยวข้องกับบริการและเครื่องมือสำหรับผู้เลี้ยงสัตว์ มีทั้งหมด ๔๘ รางวัลจากผู้แข่งขันทั้งหมด ๑๑๗ รายในปีนี้ คัดเลือกจากคณะกรรมการที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญ ๖๐ คนจากภาคการผลิตด้านเกษตรกรรมประเภทต่างๆ

ผู้ชนะแบ่งเป็น ๒ กลุ่มเป็น ๑ หรือ ๒ ดาว จากระดับความน่าสนใจสำหรับผู้ใช้งาน และระดับของความคิดสร้างสรรค์เปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่นๆที่อยู่ในตลาด หกรางวัลที่บรรยายต่อไปนี้ได้รับ ๑ ดาว ยกเว้น ซัลโมทรัก ได้สองดาว

๑. อุปกรณ์พกพา แอนิกัน เอ็กซ์อาร์เอฟ (AniGun XRF portable device) จากผู้ผลิต แอนนิไมน์ (Animine) สำหรับการวัดค่าปริมาณแร่ธาตุที่ใช้ในอาหารสัตว์ โดยมุ่งเน้นไปที่อาหารสัตว์เคี้ยวเอื้อง ใช้เทคโนโลยีกาตรวจวัดเอ็กเรย์ฟลูออเรสเซนส์ (X-ray fluorescence technology, XRF) ให้ผลการวิเคราะห์ได้ทั้งแมคโคร (ฟอสฟอรัส แคลเซียม โพแทสเซียม และซัลเฟอร์) และไมโคร (สังกะสี มังกานีส ทองแดง เหล็ก และคลอรีน) ตรวจเช็กได้รวดเร็วภายในไม่กี่นาที มีความแม่นยำเสมือนกับการตรวจในห้องปฏิบัติการ สะดวกต่อการใช้งานในภาคสนาม สามารถตรวจความเข้มข้นของแร่ธาตุได้ในราคาที่ถูกกว่าการวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ โดยไม่จำเป็นต้องส่งตัวอย่าง หรือคอยผลการวิเคราะห์

๒. อุปกรณ์ตรวจติดตามแบบดิจิตอลด้วย โคลิโปรเกรส (ColiPROGRESS digital monitoring tool, ELANCO) ช่วยเพิ่มสุขภาพทางเดินอาหาร ตรวจหาปัจจัยเสี่ยงใหม่ ประมวลผลข้อมูลเพื่อการเปรียบเทียบตามเวลา แจ้งเตือนผู้ผลิตสุกร

ภายหลังการวินิจฉัยปัญหาบนโทรศัพท์สมาร์ตโฟนแล้ว สัตวแพทย์ นักวิชาการ และผู้ผลิตสุกรก็จะนำเสนอปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลต่อสุขภาพทางเดินอาหารลูกสุกร คำนวณคะแนนฟาร์มสำหรับการจัดการผสมพันธุ์ สุขภาพสัตว์ โภชนาการ และสุขอนามัย และความเป็นอยู่ของสัตว์ สร้างรายงานแบบอัตโนมัติภายหลังปรึกษากับสัตวแพทย์ นักวิชาการ เกี่ยวกับจุดแข็ง และโอกาสสำหรับการพัฒนา ผู้ผลิตสุกรจะได้รับแผนปฏิบัติการสำหรับการพัฒนาการผลิตได้

๓.​ แอพลิเคชันสูตรอาหารสัตว์ใหม่ ฟีดแอคเซส (Feed formulation application, Feed Access) แอพลิเคชันฟรีบนเว็บที่ใช้สำหรับคำนวณสูตรอาหารสัตว์ให้มีต้นทุนต่ำที่สุด ผู้ใช้สามารถเลือกวัตถุดิบได้จากฐานข้อมูลของวัตถุดิบ ๑๑๐ ชนิด โดยมีข้อมูลราคาขายชนิดสัตว์ และระยะการเลี้ยงสัตว์ ฟีเจอร์นี้ยังรวมตัวช่วยสำหรับการคำนวณสูตรสำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน เช่น ผู้เลี้ยงไก่พันธุ์ และนักเรียน ความเป็นไปได้ที่จะหาค่าทางโภชนาการส่วนบุคคล ผลของเอนไซม์ไฟเตส และการคำนวณต้นทุนแบบมีเงื่อนไขสำหรับผู้ใช้ที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ผู้เชี่ยวชาญ วิศวกร และนักวิจัย แอพลิเคชันนี้ยังสนับสนุนการใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ท้องถิ่น โดยเฉพาะ ผลพลอยได้จากการผลิต การวิเคราะห์ข้อมูลช่วยให้กำหนดเป้าหมายที่ต้องการได้ และยังหาวิธีการจัดการต่อไปได้

๔. แพลตฟอร์ม มายโปรวิแล็บ คอนเน็ก บนเว็บ โดยโพรวิมิ คาร์กิลล์ (MyProvilab Connect web platform, Provimi Cargill) เป็นการประมวลผลวิเคราะห์แบบรวมศูนย์สำหรับโภชนาการอาหารสัตว์ มีให้เลือกหลายโมดูลส์สำหรับจัดการตัวอย่าง และควบคุมแผนจากการส่งคำขอสำหรับวิเคราะห์ผลออนไลน์ แล้วติดตามความก้าวหน้าในการสแกน พร้อมแจ้งเตือน ผู้ใช้สามารถเผยแพร่จดหมายข่าวส่วนตัวได้แบบอัตโนมัติ คอยติดตามผลการทดสอบจากเอ็นไออาร์ ผู้ใช้สามารถนำเข้าผลทางเคมี ปรับสัดส่วนวัตถุดิบอาหารสัตว์ในสูตร และแสดงผลการวิเคราะห์แบบแดชบอร์ด จากนั้นส่งออกข้อมูลได้ สามารถเข้าถึงได้ทั้งด้วยคอมพิวเตอร์ และมือถือ โมดูลต่างๆมีให้เลือกใช้ตามผู้ใช้งานว่าจะเป็นพนักงานขายสินค้า ผู้คำนวณสูตรอาหารสัตว์ นักวิชาการอาหารสัตว์ เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการ หรือควบคุมคุณภาพ หรือจัดซื้อ

๕. สารเติมอาหารสัตว์ โรวิมิกซ์ ไฮดี ร้อยละ ๑.๒๕ ของดีเอสเอ็ม เฟอร์เมนิช (ROVIMIX Hy·D 1.25% additive premix | DSM-Firmenich) ให้วิตามินดีในรูปของ ๒๕-ไฮดรอกซี โคเลคาลซิเฟอรอล หรือ๒๕โอเอช-ดี ๓ (hydroxylated form (25-hydroxy cholecalciferol หรือ 25OH-D3)) ได้รับรองโดยสหภาพยุโรปเป็นสารเติมอาหารสัตว์กลุ่มวิตามินดี สำหรับสัตว์เคี้ยวเอื้องทุกชนิด เป็นวิตามินดีในรูป ๒๕โอเอช-ดี ๓ ชนิดเดียว ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ในสัตว์เคี้ยวเอื้องในยุโรป ช่วยให้การใช้ประโยชน์วิตามินดีมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังช่วยจัดการปัญหาความไม่สมดุลของแคลเซียมในช่วงแรกของการให้นม ซึ่งมักพบปัญหาแคลเซียมต่ำในโคนม ภาวะภูมิคุ้มกันตกหลังคลอด และการเจริญเติบโตของลูกโค   

๖. เครื่องมือกำจัดการปนเปื้อนด้วย ซัลโมทรัค (SALMOTRUCK decontamination device | VITALAC BIOTECH) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับควบคุมการปนเปื้อนวัตถุดิบที่ให้ผลบวกต่อเชื้อ ซัลโมเนลลา สามารถเคลื่อนย้ายได้ และทำงานแบบอัตโนมัติ ช่วยในการกำจัดการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียในวัตถุดิบ เช่น เต้าหู้ และธัญพืชเต็มเมล็ด ประสิทธิภาพการทำงาน ๑๐๐ ตันต่อชั่วโมง เหมาะกับโกดังที่ท่าเรือ ใช้สูตรผลิตภัณฑ์เป็นกรดสำหรับการสเปรย์สอดคล้องกับกฏระเบียบของสหภาพยุโรป สนับสนุนด้านสุขอนามัยในโรงงานอาหารสัตว์ อาหารที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วจึงสามารถส่งให้กับโรงงานอาหารสัตว์ได้อย่างปลอดภัย       

เอกสารอ้างอิง

Roembke J. 2024. 6 award-winning products deliver animal health, safety. [Internet]. [Cited 2024 Sep 19]. Available from: https://www.feedstrategy.com/animal-feed-manufacturing/article/15684272/6-awardwinning-products-deliver-animal-health-safety#:~:text=Animal%20Feed%20Manufacturing.%206%20award-winning%20products%20deliver%20animal%20health,%20safety.

ภาพที่ ๑ ซัลโมทรัก ได้สองดาว รางวัลนวัตกรรมประจำปี พ.ศ.๒๕๖๗ ในงานแสดงสินค้าสเปซที่ฝรั่งเศส



วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2567

อาฟเตอร์ช๊อก วิกฤติไข่ไก่รัสเซีย

 ตลาดไข่ไก่รัสเซียอยู่ท่ามกลางความไม่แน่นอน ผู้ค้าปลีกบ่ายเบี่ยงที่จะทำข้อตกลงระยะยาวกับผู้ผลิต ราคาไข่ไก่พุ่ง และอุปทานพังทลาย นั่นเป็นเหตุการณ์ในปีที่แล้ว วิกฤติไข่ไก่รัสเซีย ลามไปทั่วประเทศ ผู้เลี้ยงสัตว์ปีกรัสเซียเรียกร้องให้รัฐบาลกำหนดระเบียบป้องกันการผูกขาด   

สหภาพผู้เลี้ยงสัตว์ปีกรัสเซีย ส่งจดหมายไปยังหน่วยงานต่อต้านการผูกขาดของรัฐบาล เรียกร้องให้จำกัดห่วงโซ่ค้าปลีกไข่ไก่ขึ้นราคาไว้ร้อยละ ๑๐ เหตุผลเบื้องหลังข้อเสนอนี้เพื่อกดดันให้ผู้ค้าปลีกลงนามสัญญาระยะยาวกับซัพพลายเออร์

วิกฤติไข่ไก่ในปี พ.ศ.๒๕๖๖ ยังทิ้งผลกระทบต่อตลาดรัสเซียด้วยราคาไข่พุ่งทะยานไปถึงร้อยละ ๖๑.๔ ปรากฏการณ์นี้ไปไกลกว่าสินค้าอาหารอื่นๆ ราคาอาหารเฉลี่ยของอาหารในประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑.๕ เท่านั้น

ราคายังคงที่ในช่วงต้นปี พ.ศ.๒๕๖๗ แต่ไม่กี่เดือนนี้ก็เริ่มขึ้นราคาอีกครั้ง ทั้งนี้ ภาครัฐบาลโทษผู้ค้าปลีก ในช่วง ๗ เดือนแรกของปี พ.ศ.๒๕๖๗ ราคาเฉลี่ยขายปลีกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐ แตะสูงถึงร้อยละ ๒๕.๙ ในเดือนกรกฏาคม ในบางช่วง สูงไปถึงร้อยละ ๓๐ ถึง ๓๕ 

ผู้ค้าปลีกส่วนใหญ่ยินดีเซ็นต์สัญญาระยะสั้นกับซัพพลายเออร์จำหน่ายไข่ไก่ ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอนสำหรับฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ เมื่อเกษตรกรรู้สึกถึงความไม่แน่นอนในอนาคต สัญญาระยะสั้น ยังเอื้อให้ผู้ค้าปลีกขึ้นราคาสูงขึ้นได้ 

ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ปีกขนาดใหญ่ที่สุด ๔๐ แห่งคิดเป็นร้อยละ ๙๐ ของตลาดรัสเซีย มีเพียงร้อยละ ๓๐ เท่านั้นที่ทำสัญญาระยะยาว ส่วนที่เหลือยังใช้ข้อตกลงระยะสั้น ภายใต้กลไกนี้ ข้อสัญญาครอบคลุมแค่ ๑ ถึง ๒ สัปดาห์เท่านั้น ฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่จึงได้ราคาที่ต่ำกว่าสัญญาระยะยาวร้อยละ ๑๕

ข้อระวังที่สมเหตุสมผล

               โดยทั่วไปแล้ว ผู้ค้าปลีกไม่ยินดีที่จะเปลี่ยนเป็นสัญญาระยะยาว เนื่องจาก ยังไม่มีความมั่นใจว่า ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มจะมีความเสถียรภาพ

                 ภายใต้ข้อตกลงระยะยาว ส่วนที่ยากที่สุดคือ การต่อรองเกี่ยวกับกลไกการปรับราคา ในกรณีของตลาดเกิดความผันผวนมาก ยังมีเหตุผลอื่นๆที่ว่าทำไมร้านค้าปลีกอาหารยังไม่เร่งรีบกระโดดเข้าไปทำสัญญาระยะยาว

               เมื่อปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า สัญญาระยะยาวจะเป็นประโยชน์ในกรณีที่รายละเอียดครบถ้วน ในช่วงปีที่แล้วที่เกิดวิกฤติไข่ไก่ในรัสเซีย ซัพพลายเออร์ลดการส่งสินค้าภายใต้สัญญาระยะยาวราวร้อยละ ๓๐ ของปริมาณคำสั่งซื้อจากผู้ค้าปลีก ทำให้ไม่มีไข่ไก่ไปเติมบนชั้นวางสินค้าในช่วงที่มีการยื่นประมูลกัน   

เอกสารอ้างอิง

Vorotnikov V. 2024. Russia faces aftershocks of the egg crisis. [Internet]. [Cited 2024 Sep 10]. Available from: https://www.poultryworld.net/poultry/layers/russia-faces-aftershocks-of-the-egg-crisis/

ภาพที่ ๑ ฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ที่ใหญ่ที่สุด ๔๐ รายที่เป็นผู้ป้อนไข่ไก่ให้ตลาดรัสเซีย มีเพียงร้อยละ ๓๐ เท่านั้นที่บรรลุข้อตกลงสัญญาระยะยาวกับบริษัทผู้ค้าปลีก  (แหล่งภาพ Canva, 2024)



วิวัฒนาการเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล

  ขณะที่ วัคซีนช่วยลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคนิวคาสเซิล การระบาดก็ยังพบได้อยู่ โดยมีอัตราการตายสูง และกำจัดสัตว์ที่ติดเชื้อ มีผลกระทบเ...