วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

วิจัยเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงด้วยอาหาร GMO ปลอดภัย



จากการศึกษาในสัตว์นับแสนล้านตัว รวมไก่เนื้อเข้าไปอีก ๙ พันล้านตัวต่อปี พิสูจน์แล้วว่า วัตถุดิบอาหารสัตว์ดัดแปลงพันธุกรรม (GMO) ปลอดภัยสำหรับใช้เป็นอาหารปศุสัตว์
                บทความด้านวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเดวิส รายงานว่า ผลผลิต และสุขภาพของสัตว์ที่เลี้ยงสำหรับเป็นอาหารโดยใช้อาหารสัตว์จีเอ็มโอ เริ่มใช้มาเป็นเวลา ๑๘ ปีผ่านมาแล้วไม่ได้แตกต่างจากสัตว์ที่เลี้ยงด้วยอาหารสัตว์ที่ไม่ใช่จีเอ็มโอ โดยผลการศึกษายังพบว่า ไม่มีความแตกต่างกันของคุณค่าทางโภชนาการของเนื้อ นม หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มาจากสัตว์ที่เลี้ยงด้วยอาหารตัดแต่งพันธุกรรม หรือจีเอ็มโอแต่อย่างใด
                ปัจจุบัน สัตว์ที่เลี้ยงไว้ผลิตอาหาร เช่น แม่โค สุกร แพะ ไก่ บริโภควัตถุดิบอาหารสัตว์จีเอ็มโอราว ๗๐ ถึง ๙๐ เปอร์เซ็นต์ ในสหรัฐฯเพียงประเทศเดียวมีการผลิตสัตว์สำหรับผลิตอาหารกว่า ๙ พันล้านตัวต่อปี โดยร้อยละ ๙๕ บริโภคอาหารสัตว์ที่มีส่วนประกอบผ่านการดัดแปลงพันธุกรรม ผลการศึกษาความชุก และผลกระทบของอาหารสัตว์ดัดแปลงพันธุกรรมต่อประชากรปศุสัตว์โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย UC Davis ยืนยันว่า เนื้อ นม ไข่ จากสัตว์ที่บริโภคอาหารสัตว์ดัดแปลงพันธุกรรมมิได้แตกต่างจากผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่บริโภคอาหารปรกติ และควรมีการติดฉลากผลิตภัณฑ์จากปศุสัตว์ และสัตว์ปีกที่กินอาหารสัตว์ดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อให้สามารถสอบย้อนกลับตามห่วงโซ่การผลิตอาหารได้        
แหล่งที่มา:            World Poultry (9/10/14) 

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แม่ไก่ไข่ดีให้กินเปปเปอร์มินต์



การศึกษาผลของการใช้ใบเปปเปอร์มินต์แห้งในสูตรอาหารไก่ไข่ต่อผลผลิตไข่ คุณภาพไข่ และรูปแบบเมตาโบลิซึมในซีรัม พบว่า การเสริมใบเปปเปอร์มินต์ช่วยเพิ่มผลผลิตของไก่ไข่ระหว่างระยะไข่ช่วงท้าย
แม่ไก่ไข่พันธุ์ไฮไลน์บราวน์ อายุ ๖๔ สัปดาห์ แบ่งเป็น ๕ กลุ่มการทดลองโดยเสริมใบเปปเปอร์มินต์ที่อัตราส่วน ๐, ๕, ๑๐, ๑๕ และ ๒๐ กรัมต่อกิโลกรัม ตามละดับเป็นเวลา ๑๒ สัปดาห์
                แต่ละกลุ่มการทดลองแบ่งเป็น ๖ กลุ่มย่อย ตลอดการทดลอง พบว่า ช่วยเพิ่มน้ำหนักไข่ จำนวนไข่ มวลไข่ และการกินอาหารในระหว่างอายุ ๖๔ ถึง ๖๘, ๖๘ ถึง ๗๒, ๗๒ ถึง ๗๖ และ ๖๔ ถึง ๗๖ สัปดาห์ นอกเหนือจากนั้น ประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหารยังลดลงตามระดับของใบเปปเปอร์มินต์ที่เพิ่มขึ้นในอาหารไก่ไข่
                การเสริมใบเปปเปอร์มินต์แห้งที่ระดับ ๒๐ กรัมต่อกิโลกรัม พบว่า มีผลผลิตดีที่สุดโดยภาพรวม สัดส่วนของเปลือกไข่ ความหนาของเปลือกไข่ และ Haugh unit ของอาหารไก่ไข่ที่เสริมเปปเปอร์มินต์สูงกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.01)
                อย่างไรก็ตาม การเสริมใบเปปเปอร์มินต์ไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพของไข่ ทั้งสัดส่วนของไข่ขาว และไข่แดง รวมถึง ความสูงของอัลบูมิน ยิ่งไปกว่านั้น ระดับของคอเลสเตอรอลในซีรัมยังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (p<0.001) แต่โปรตีนรวมทั้งหมดในซีรัมเพิ่มขึ้นตามระดับของใบเปปเปอร์มินต์ที่เสริมในอาหารสัตว์ สรุปการทดลองว่า ใบเปปเปอร์มินต์สามารถใช้เป็นสารเติมอาหารสัตว์สำหรับการเพิ่มผลผลิตในฟาร์มไก่ไข่ระหว่างการไข่ช่วงท้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แหล่งที่มา:            AllAboutFeed.net (14/11/14) 

ไข้หวัดนกระบาดในเนเธอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร



ยุโรปเตือนภัยไข้หวัดนกสับไทป์ H5N8 ระบาดในฟาร์มไก่ไข่ และไก่พันธุ์ไข่ในเนเธอร์แลนด์ และสับไทป์ H5 ที่ฟาร์มเป็ดในสหราชอาณาจักร
องค์การอนามัยโลก รายงานว่า ไข้หวัดนก H5N8 ตรวจพบที่ฟาร์มในเมืองอูเทร็ก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ส่งผลให้ไก่ไข่ประมาณ ๑,๐๐๐ ตัว รวมถึง แม่ไก่ที่มีความไวรับต่อโรคถูกทำลายทั้งหมด ขณะนี้กำลังทำการฆ่าเชื้อ และควบคุมการเคลื่อนย้ายสัตว์ การตรวจคัดกรอง และใช้ระบบโซนนิ่งในการจำกัดการระบาดของโรค ขณะเดียวกัน โรคไข้หวัดนกชนิดรุนแรงยังตรวจพบในฟาร์มเป็ดเมืองยอร์คเชียร์ สหราชอาณาจักร รายงานโดย Defra แต่ยังไม่ทราบสับไทป์ที่แน่ชัด อย่างไรก็ตา สภาพสัตว์ปีกแห่งสหราชอาณาจักร (British Poultry Council, BPC) อ้างว่า แหล่งการระบาดมาจากสัตว์ปีกอพยพ ขณะนี้กำลังทำความสะอาดฆ่าเชื้อ และป้องกันโรคบริเวณโซนเฝ้าระวังโรค
 แหล่งที่มา:          WATTAgNET.com (18/11/14) 

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557

งานวิจัยตรวจซัลโมฯก่อโรค



ผลงานวิจัยล่าสุดในการพัฒนาความสามารถของเทคโนโลยีการทดสอบทางอณูชีววิทยาในการตรวจสอบเชื้อซัลโมเนลลาสายพันธุ์ที่มีความรุนแรง ได้แก่ S. Enteritidis, S. Typhimurium และ S. Heidelberg ในโครงการที่ได้รับทุนจากสมาคมสัตว์ปีก และไข่แห่งสหรัฐอเมริกาโดยดำเนินการวิจัยที่ USDA-ARS ภายใต้หน่วยงานวิจัยด้านคุณภาพ และความปลอดภัยของไข่
                นอกเหนือจากเชื้อ S. Infantis และ S. Kentucky ที่เป็นเชื้อซัลโมเนลลาก่อโรคในอาหาร การศึกษาครั้งนี้ได้ใช้เทคนิค SNIP (Single nucleotide polymorphism) ในการตรวจหายีน cyaA ที่พบได้บ่อยในเชื้อซัลโมเนลลาสายพันธุ์ที่มีความเกี่ยวข้องกับโรคติดเชื้อจากอาหาร ด้วยเทคนิค SNIP assay ยังพบยีนอีกชนิดหนึ่งชื่อว่า ushA อีกด้วย การทดสอบครั้งนี้ ผู้วิจัยยังสามารถจำแนกเชื้อซัลโมเนลลาได้เกือบ ๙๐ ถึง ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์จากตัวอย่างที่เก็บได้ตามสิ่งแวดล้อมในการผลิตสัตว์ปีก หรือการแปรรูปสัตว์ปีก นับเป็นการเอื้ออำนวยต่อการศึกษาระบาดวิทยาของเชื้อ และพัฒนาแผนการควบคุมโรคติดเชื้อก่อโรคจากอาหารเป็นพิษที่มาจากเชื้อซัลโมเนลลา  

แหล่งที่มา:            World Poultry (7/10/14)
 


วัคซีนหวัดนก ความจริงที่ถูกกลบด้วยความกลัว

  ดร.เดวิด สเวย์น กล่าวว่าจำเป็นต้องมี “การเปลี่ยนกรอบความคิด” เพราะในความเป็นจริง สัตว์ปีกที่ได้รับวัคซีนมีความปลอดภัยมากกว่าสัตว์ปีกที่ไม่...