วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562

กล้องอินฟาเรดตรวจจับพฤติกรรมกินอาหารไก่


นักวิจัยจากบราซิลกำลังวิจัยใช้กล้องเทอร์โมกราฟโดยใช้เทคโนโลยีอินฟาเรด เพื่อตรวจจับพฤติกรรมการกินอาหารของสัตว์ปีก
     การนำเสนอผลงานในงานแสดงสินค้า AveSui/EuroTier ที่อเมริกาใต้เมื่อเร็วๆนี้ รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย Lavras ในบราซิล นำเสนอโครงการ PPGZoo ที่ใช้เวลาสามปีในการวิจัย นักวิจัยมีความเชี่ยวชาญด้านบรรยากาศโลกทางชีวภาพ นำมาประยุกต์ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ปีก สุกร และสัตว์เคี้ยวเอื้อง

การตรวจวัดอุณหภูมิโดยใช้กล้องอินฟาเรด
               การใช้กล้องอินฟาเรดถูกนำมาใช้ในการเลี้ยงสัตว์ทั้งสัตว์ปีก สุกร เพื่อตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายสัตว์โดยใช้รังสีอินฟาเรดที่มีการจำหน่ายเชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลายแล้วในปัจจุบัน สามารถจำแนกสัตว์ป่วยที่มีอาการไข้จากไก่ปรกติ นั่นเป็นการประยุกต์ใช้เพียงด้านหนึ่ง ขณะนี้ นักวิจัยพยายามใช้สำหรับการประเมินพฤติกรรมการกินอาหารภายหลังสัตว์เพิ่งกินอาหารเข้าไป ดังนั้น ผู้เลี้ยงสัตว์สามารถปรับการจัดการอาหารให้เหมาะสมได้โดยใช้กล้องอินฟาเรดได้อีกด้วย
               การปรับแต่งเซนเซอร์จำเป็นต้องใช้ความละเอียด และคณะนักวิจัยที่ประกอบด้วยศาสตราจารย์ ๒ ท่าน และนักเรียนบัณฑิตศึกษา คาดหวังว่าจะเป็นการวิจัยตีพิมพ์ในวารสารวิชาการด้านเทคโนโลยี สำหรับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีนี้ในสัตว์ปีกในเร็วๆนี้

การตรวจวิเคราะห์พฤติกรรมการกินอาหารของสัตว์
               เทคโนโลยีนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยหลัก เพื่อศึกษาพฤติกรรมการกินอาหารของสัตว์ และวิเคราะห์หาปัจจัยที่เหมาะสมสำหรับการกินอาหารในแต่ละสายพันธุ์ สำหรับโครงการวิจัยนี้มีเป้าหมายในการส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ มหาวิทยาลัยหวังว่าผลการวิจัยจะถูกนำมาใช้ได้สำหรับผู้เลี้ยงสัตว์ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

เอกสารอ้างอิง
ter Beek V. 2019. Infrared camera to identify poultry feeding patterns. [Internet]. [Cited 2019 Aug 12]. Available from: https://www.poultryworld.net/Nutrition/Articles/2019/8/Infrared-camera-to-identify-poultry-feeding-patterns-460470E/  



วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ญี่ปุ่นรับรองยูเครนส่งออกได้แล้ว


นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ยูเครนได้รับรองมาตรฐานส่งออกสัตว์ปีกให้ญี่ปุ่นได้
               หน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหารของยูเครน ประกาศเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคมนี้เองว่า ทั้งสองประเทศบรรลุข้อตกลงด้านมาตรฐานทางสัตวแพทย์สำหรับการค้าขายเนื้อสัตว์ปีก
               ปัจจุบัน ผู้ซื้อเนื้อสัตว์ปีกจากยูเครนรายใหญ่ที่สุด ๓ รายแรก ได้แก่ ซาอุดิอาราเบีย เนเธอร์แลนด์ และสโลวาเกีย ตั้งแต่หกเดือนแรกของปีนี้ ยูเครนส่งออกไปแล้วกว่า ๒๑๑,๐๐๐ ตัน ผู้ผลิตสัตว์ปีกรายใหญ่ที่สุดในยูเครน เอ็มเอชพี กำหนดให้การส่งออกเป็นหลักสำคัญในการเติบโตของธุรกิจ ตามรายงานของผู้ประกอบการ พบว่า ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เอ็มเอชพี ส่งออกเนื้อไก่ ๒๘๖,๘๔๖ ตันเปรียบเทียบกับปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ยอดส่งออกเป็น ๒๒๐,๙๘๓ ตัน แสดงให้เห็นถึงยอดจำหน่ายสัตว์ปีกโดยรวมเพิ่มขึ้นราวร้อยละ ๑๑ ปีต่อปีเพิ่มขึ้น ๕๙๓ ตัน ขณะที่ ยอดจำหน่ายในประเทศไม่เปลี่ยนแปลงเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา เอ็มเอชพีพยายามวางกลยุทธ์สร้างความหลากหลายของช่องทางการตลาด ปริมาณการส่งออกเนื้อสัตว์ปีกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๐ ปีต่อปี และจำนวนประเทศที่ยูเครนมีโอกาสส่งออกไปได้เพิ่มขึ้นจาก ๖๐ ประเทศเป็นมากกว่า ๘๐ ประเทศแล้ว การเติบโตของตลาดต่างประเทศเป็นกลยุทธ์สำคัญสำหรับเอ็มเอชพี
                    นอกหนือจากตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดสามรายดังกล่าวแล้ว เอ็มเอชีพียังมองไปที่อิรักเชื่อว่าจะเป็นผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกที่สำคัญต่อไป
               ยูเครนเป็นประเทศผู้ส่งออกใหม่ที่ถูกจับตามองมาเป็นเวลานานจากอุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปีกสหรัฐฯตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ เป็นต้นมา ระหว่างการสัมมนาของสมาคมสัตว์ปีก และไข่สหรัฐฯ ด้านการจัดการทางการเงินในปีนั้น มีผู้ร่วมการบรรยายกล่าวถึงประเทศยูเครนมีการผลิตไก่เนื้อที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยสินค้าที่ผลิตได้เป็นที่ดึงดูดใจของประเทศในยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ที่มองหาช่องทางการนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกจากยูเครน  
เอกสารอ้างอิง
Graber R. 2019. Ukraine approved to export poultry to Japan. [Internet]. [Cited 2019 Aug 22]. Available from: https://www.wattagnet.com/articles/38545-ukraine-approved-to-export-poultry-to-japan



วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2562

บียอนด์มีท เนื้อเทียมรายได้โตต่อเนื่อง


บริษัทผู้ผลิตเนื้อเทียม บียอนด์มีท ประกาศผลประกอบการไตรมาสที่สอง
               บริษัทอ้างว่า ผู้ถือหุ้นจะขายหุ้นออกไป ๓ ล้านหุ้น ร่วมกับอีก ๒๕๐,๐๐๐ หุ้น เพื่อลงทุนในโครงสร้างการผลิตเนื้อเทียม และการตลาดสินค้าใหม่ ทั้งนี้ บริษัทเพิ่งขายหุ้นไอพีโอครั้งแรกช่วงต้นปีนี้เอง
               สำหรับไตรมาสที่ ๒ รายงานสิ้นสุดเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ผลประกอบการเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๘๗ ที่ ๒,๐๗๓ ล้านบาทเปรียบเทียบกับปีที่แล้วเป็น ๑,๕๓๗ ล้านบาทในไตรมาสเดียวกัน กำไรขั้นต้นคิดเป็น ๗ ร้อยล้านบาทเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว ๘๐ ล้านบาท แสดงถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจ โดยมีหลักฐานสำคัญคือ หุ้นส่วนธุรกิจด้านบริการอาหารรายใหม่ การขยับขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าปลีกภายในประเทศ และการเร่งขยายตลาดต่างประเทศ   
                 บริษัทเชื่อว่า แรงเหวี่ยงด้านบวกแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของผู้บริโภคที่ต้องการสินค้าเนื้อเทียมจากพืชทั้งตลาดภายใน และต่างประเทศ บริษัทมองไปข้างหน้า และก้าวต่อไปในการสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ของสินค้า ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย เปิดตัวสินค้านวัตกรรมใหม่ และลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน และประสิทธิภาพของบริษัทในการตอบสนองความต้องการที่เข้มแข็งของผู้บริโภค
               บริษัทได้ผลกำไรเพิ่มสูงขึ้น และอัตราส่วนกำไรขั้นต้นจากการจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น ส่งผลการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และผลกำไร ผลตอบแทนจากไตรมาสที่ ๒ ราว ๖๘ ล้านบาทเปรียบเทียบกับผลขาดทุน ๒๒๕ ล้านบาทจากไตรมาสที่ ๒ ของปีที่แล้ว
               อย่างไรก็ตาม บริษัทรายงานผลขาดทุนสุทธิ ๒๙๐ ล้านบาทเปรียบเทียบกับผลขาดทุนสุทธิ ๒๒๘ ล้านบาทของปีที่แล้ว ผลขาดทุนยังแสดงให้เห็นในไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อครบปี บริษัทเชื่อว่าจะมีรายได้เกินกว่า ๗.๕ ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ ๑๗๐

เอกสารอ้างอิง

ภาพที่ ๑ เบเกอร์จากบียอนด์มีท (แหล่งภาพ https://www.walmart.com/ip/Beyond-Meat-Vegan-Beast-Beyond-Burger-Patties-0-5-lb/957733881)




วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ผู้ผลิตสัตว์ปีกอียูเพิ่มกำลังการผลิต


การผลิตสัตว์ปีกในอียูจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ ๒.๕ ในปีนี้ จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น และราคาสินค้าสูงกว่าเดิม ระดับราคาสอดรับกับการเติบโตในครึ่งหลังของปีนี้ราวร้อยละ ๕ ตามบทสรุปของคณะกรรมาธิการยุโรป มุมมองด้านการเกษตรกรรมในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ถึง ๒๕๖๓ นี้
               การผลิตสัตว์ปีกของยุโรปยังคงเติบโตเพิ่มขึ้นต่อไป แต่ก็ยังต่ำกว่าเมื่อปีที่แล้วที่มียอดการเติบโตเกือบร้อยละ ๕ การผลิตเนื้อสัตว์ปีกในสหภาพยุโรปจะเติบโตร้อยละ ๒ เทียบปีต่อปีในช่วงไตรมาสแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๒ เมื่อครบปีแล้ว คณะกรรมาธิการเชื่อว่าจะเติบโตขึ้นร้อยละ ๒.๕ ทั้งนี้เป็นผลมาจากราคาที่สูงขึ้น ยอดการผลิตที่แข็งแกร่งที่สุดมาจากยุโรปตะวันออก ในช่วงต้นปีนี้ ราคาไก่เนื้อต่ำกว่าค่าเฉลี่ยห้าปีที่ผ่านมา แต่จากเดือนเมษายนเป็นต้นมา ราคาก็กระเถิบตัวสูงขค้น การบริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้นจากราว ๐.๖ กิโลกรัมต่อหัวเป็น ๒๕.๔ กิโลกรัม

ยอดการส่งออก และนำเข้าสูงขึ้น
               ครึ่งปีแรกนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปอ้างว่า การส่งออกดีขึ้นในช่วงสี่เดือนแรกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓ เทียบปีต่อปี การเติบโตขึ้นร้อยละ ๔๐เป็นผลมาจากการส่งออกไปยังแอฟริกาใต้ แม้ว่า จะมีมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นในรูปแบบของภาษีอีกราวพันบาทสำหรับชิ้นส่วนติดกระดูก อย่างไรตาม ยอดการส่งออกนี้ก็ถือว่าลดลงจากปี พ.ศ. ๒๕๕๙ ประเทศเป้าหมายการส่งออกของสหภาพยุโรป ๒ แห่งหลัก กานา มียอดส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒ ขณะนี้มีสัดส่วนเป็นร้อยละ ๑๑ ของตลาดส่งออกอียู ขณะที่ ฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖ มีสัดส่วนเป็นร้อยละ ๑๐ ของตลาดส่งออกอียู ขณะที่ เวียดนามยังเพิ่มอีกสองเท่า

ผลจากโรคเอเอสเอฟ
               สถานการณ์โรคเอเอสเอฟในจีน ทำให้ยอดการส่งออกเพิ่มขึ้นราวร้อยละ ๒ แต่โปแลนด์เป็นประเทศกลุ่มอียูแห่งเดียวที่ได้ประโยชน์โดยสามารถส่งออกได้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๑ เมื่อครบปีแล้ว ยอดการส่งออกสัตว์ปีกของอียูคาดว่าจะเติบโตราวร้อยละ ๓ การนำเข้ายังเติบโตอย่างแข็งแกร่งช่วงสี่เดือนแรกของปีเป็นร้อยละ ๑๔ จากการนำเข้าของพันธมิตรหลักของอียูสองราย ได้แก่ ไทย เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑ และบราซิล เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๓ การนำเข้าจากบราซิลยังคงต่ำกว่าปี พ.ศ. ๒๕๕๙ เนื่องจาก การบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวดด้านสุขอนามัย อย่างไรก็ตาม ยอดส่งออกเนื้อสัตว์ปีกแช่แข็งของบราซิลกำลังเพิ่มขึ้น บางครั้งก็เป็นสินค้านอกโควตา เนื่องจาก ราคาเนื้ออกของอียูที่สูงขึ้น
                เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ยูเครนทำสถิติใหม่ในการส่งออกไปยังสหภาพยุโรป โดยปราศจากกำแพงภาษี ถึงปลายปีนี้ คาดว่าอียูนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๕ ผลักดันโดยราคาสินค้าที่สูงขึ้นในสหภาพยุโรป

เอกสารอ้างอิง
McDougal T. 2019. EU poultry production set to rise further. [Internet]. [Cited 2019 Aug 7]. Available from: https://www.poultryworld.net/Home/General/2019/8/EU-poultry-production-set-to-rise-further-458685E/   



วันพฤหัสบดีที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เบลเยียมซ้ำประวัติศาสตร์ ไดออกซิน


ผู้ผลิตสัตว์ปีกในเบลเยียมเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายด้านความปลอดภัยอาหารมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจาก ระดับของสารไดออกซินสูงในไข่ไก่ที่จำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตภายในประเทศ
               การเรียกสินค้าคืนเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เนื่องจากไข่อินทรีย์ที่ผลิตภายใต้แบรนด์ อี.เค.อี. จำหน่ายในร้านค้าปลีกทั่วประเทศ สินค้าไข่ไก่เหล่านี้ผลิตโดยบริษัทใน Limburg ถูกเตือนภัยจากหน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหาร (AFSCA) ภายหลังตรวจพบระดับของสารไดออกซินเกินระดับเกณฑ์ในไข่ไก่
               สินค้าไข่ไก่บรรจุหกฟองที่ได้รับผลกระทบถูกจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Carrefour Intermarche และ Delhaize ขณะที่ห้าง Cora สินค้าไข่ไก่ที่ถูกเรียกคืนบรรจุสิบฟอง ส่วนใหญ่ของสินค้าหมดอายุระหว่างวันที่ ๑๑ ถึง ๑๘ สิงหาคม เบลเยียมเคยถูกจารึกชื่อเป็นประวัติศาสตร์ของไดออกซินในช่วงปี ค.ศ. ๑๙๙๙ ภายหลังเกิดการปนเปื้อนของอาหารสัตว์ด้วยสารโพลีคลอริเนตเตด ไบเฟนนิล แล้วถูกตรวจพบในผลิตภัณฑ์จากสัตว์ โดยเฉพาะ ไข่ไก่ และเนื้อไก่
หน่วยงานด้านความปลอดภัยอาหาร รายงานปัญหานี้ตั้งแต่เดือนมกราคม ภายหลังเกษตรกรร้องเรียนปัญหาลูกไก่ตายเพิ่มขึ้น จนกระทั่ง เดือนพฤษภาคมจึงได้มีมาตรการภายหลังสื่อมวลชนเริ่มรายงานข่าวออกไป ทำให้ฟาร์มหลายแห่งถูกปิดตัวลง และสินค้าจากสัตว์หลายชนิดถูกห้ามจำหน่ายในตลาด ชาวเบลเยียมหันไปซื้อเนื้อสัตว์ และนมจากประเทศอื่นๆ รวมมูลค่าความเสียหายไปแล้วกว่าสองหมื่นล้านบาท
               ในปี ค.ศ. ๒๐๑๒ ในเยอรมันตรวจพบไดออกซินระดับสูงในไข่ไก่จากประเทศเยอรมัน ๕ ฟาร์ม แม้ว่าจะได้กำหนดกฎระเบียบที่เคร่งครัดภายหลังเกิดความตื่นตระหนักขึ้นเมื่อฟาร์ม ๕,๐๐๐ แห่งในเยอรมันถูกสั่งปิดลงชั่วคราง
               สภาอุตสาหกรรมไข่ไก่ในสหราชอาณาจักร แสดงความเห็นว่า ข้อวิตกกังวลต่อการบริโภคไข่ไก่เกิดขึ้นหลายประเด็นในยุโรป ตั้งแต่ ฟิโปรนิล ซัลโมเนลลา และไดออกซิน เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นล่าสุดที่เกิดจากประเด็นความปลอดภัยอาหารที่ไม่เกี่ยวข้องกับไข่ไก่จากสหราชอาณาจักร ขณะที่ยังไม่มีส่งออกไข่ไก่ที่ปนเปื้อนนี้ออกไปจากเบลเยียม ผู้ประกอบการอาหารในสหราชอาณาจักรได้เตรียมป้องกันตัวเอง โดยการเพิ่มความเชื่อถือด้วยแบรนด์สิงโตของสหราชอาณาจักรไว้ในไข่ และผลิตภัณฑ์จากไข่ในประเทศตนเอง โดยผลิตภายใต้ความปลอดภัยขั้นสูงสุด   
เอกสารอ้างอิง



วันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2562

๔ เทรนด์ใหม่ ทำลายอนาคตตลาดเนื้อไก่

กระแสหลักที่กำลังเติบโต และถูกจับตามองคือ  ความสะดวก ความยั่งยืน ความนิยมโปรตีน การตลาดอีคอมเมิร์ซส่งอิทธิพลอย่างยิ่งใหญ่ต่อตลาดเนื้อไก่          
               อนาคตของเนื้อไก่ และโปรตีนสดใส แต่บริษัทผู้ผลิตไก่ และผู้ค้าปลีกจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันกับความพึงพอใจของผู้บริโภคยุคใหม่ จากการสัมมนาตลาดไก่ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา รายงานผลสำรวจประจำปีของผู้บริโภคเนื้อไก่ เพื่อสำรวจพฤติกรรมการเลือกซื้อไก่มากกว่าเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ และโปรตีนจากพืช โดยสภาไก่แห่งชาติสหรัฐฯ ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาผ่านทางระบบออนไลน์
               สี่เทรนด์ใหม่ที่กำหนดอนาคตของไก่ และเนื้อไก่ คือ ความสะดวก ความยั่งยืน ความนิยมโปรตีน และระบบอีคอมเมิร์ซ

ความสะดวก และง่าย
               ผู้บริโภคในวันนี้ต้องความวิธีการซื้อหาอาหารให้กับครอบครัวที่รวดเร็ว และง่ายกว่าเดิม เนื้อไก่เป็นทางออกที่ดีที่สุด ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า เนื้อไก่เป็นวัตถุดิบที่ง่าย และรวดเร็วในการประกอบอาหารเตรียมไว้ให้ครอบครัว อย่างไรก็ตาม หลายครอบครัวยังขาดความรู้ในการเตรียมอาหารประเภทเนื้อ และต้องการหาสูตรเมนูอาหารจานโปรด บริษัทผู้ค้าปลีกต่างพยายามช่วยนักช๊อปที่ขาดประสบการณ์ โดยการหยิบยื่นข้อเสนอที่จะช่วยตอบโจทย์ให้กับชีวิต
               วิธีหนึ่งคือ การช่วยให้การประกอบอาหารง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น โดยการเสนอสื่อโฆษณา และจำหน่ายอุปกรณ์ปรุงอาหารในร้านเพื่อช่วยให้ผู้บริโภคสามารถปรุงอาหารได้ตามข้อแนะนำ และวิธีการสันหาส่วนประกอบสำหรับการปรุงอาหาร สินค้าเหล่านี้เน้นตอบโจทย์ความง่าย และความรวดเร็วในการเตรียมอาหาร

นักช๊อปใส่ใจความยั่งยืน
                ผู้บริโภคช่วงเลือก และช่างคิดมากขึ้นว่า อาหารที่บริโภคเข้าไปส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างไร ข้อมูลจากการสำรวจ แสดงให้เห็นว่า สินค้าที่ชูประเด็นความยั่งยืนจะขายได้ดีกว่า โดยมีสัดส่วนราวร้อยละ ๑๖ บนชั้นวางอาหาร และมียอดจำหน่ายที่ดีถึงร้อยละ ๕๐.๑ ในปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา
               เนื้อไก่เป็นทางเลือกที่มีความยั่งยืนกว่าเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ แต่นักช๊อปจำเป็นต้องให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจริงๆ ข้อมูลการสำรวจยังพบว่า ผู้บริโภคชื่นชอบข้อมูลตามฉลากของสินค้าที่ไม่มีส่วนประกอบที่พวกเขาไม่ต้องการ ข้อมูลเกี่ยวกับการแปรรูปเนื้อสัตว์ การผลิตอย่างมีจริยธรรมของผู้ประกอบการ และข้อมูลด้านโภชนาการ          
               นอกจากนั้น ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า นักช๊อปสนใจต่อสวัสดิภาพของเนื้อไก่ที่จำหน่าย ผู้บริโภคต้องการหลักฐานว่า สินค้าที่ตัวเองซื้อไปมาจากการเลี้ยงไก่โดยมีสวัสดิภาพที่ดี

ความต้องการโปรตีนยังโต
               นักช๊อปยังมีความต้องการบริโภคโปรตีนมากขึ้น และความต้องการนี้ได้ขับเคลื่อนยอดจำหน่ายสินค้าโปรตีน ยิ่งไปกว่านั้น ผลการสำรวจยังแสดงให้เห็นว่า นักช๊อปยอมจ่ายมากขึ้นกับสินค้าที่อ้างผลดีต่อสุขภาพ เช่น ปลอดยาปฏิชีวนะ เนื้อไก่กำลังได้ประโยชน์จากเทรนด์สุขภาพนี้
               ในเวลาเดียวกันนี้เอง นักช๊อปยังแสดงความสนใจกับสินค้าโปรตีนจากพืช โดยพยายามลดการบริโภคเนื้อลงด้วยเหตุผลหลายด้าน ร้อยละ ๖๙ ของผู้บริโภคพยายามเลี่ยงรับประทานเนื้ออย่างน้อย ๑ ครั้งต่อสัปดาห์ และร้อยละ ๒๘ ลดหรือจำกัดการบริโภคเนื้อสัตว์ ดังนั้น เทรนด์ของโปรตีนจากพืชกำลังเพิ่มสูงขึ้ และบริษัทผู้ผลิตเนื้อหลายรายก็ได้พยายามผนวกเทรนด์นี้เข้ากับสินค้าใหม่ของตน
               การเจริญเติบโตของโปรตีนจากพืชแม้เพียงเล็กน้อย แต่พัฒนาการนี้กำลังสร้างความปั่นป่วนต่อผู้ประกอบการผลิตโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ผู้บริโภคเนื้อไก่ร้อยละ ๒๐ ที่ยังไม่รับประทานโปรตีนจากพืช เปิดใจรับการซื้อสินค้าดังกล่าวต่อไปในอนาคต

อี-คอมเมิร์ซ และเทคโนโลยีใหม่
               ในที่สุด อนาคตของผู้ค้าปลีกจะพยายามปรับตัวเองโดยการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่านอี-คอมเมิร์ซ การคลิกเลือกซื้อสินค้าออนไลน์จากร้านค้าบนอินเตอร์เน็ตกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และผู้ค้าปลีกออนไลน์ เช่น อะเมซอน มีส่วนแบ่งทางการตลาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ วิธีการจับจ่ายสินค้าจะยังคงเปลี่ยนแปลงต่อไปในอนาคต ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับตัวธุรกิจของตัวเองเพื่อความอยู่รอดในโลกสมัยใหม่
               ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเปลี่ยนช่องทางการบริการค้าปลีกโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ เพื่อช่วยเชื่อมต่อกับนักช๊อปให้ได้ข้อมูลที่ผู้บริโภคต้องการ โปรแกรมบริการค้าปลีกสามารถถูกใช้ช่วยสร้างประสบการณ์ส่วนตัวในการซื้อขายสินค้า วางแผนการสร้างความภักดีต่อผู้ผลิต และหยิบยื่นคูปองพิเศษให้ เทคโนโลยีใหม่จะช่วยให้ร้านค้าสามารถสร้างโปรแกรมสำหรับสั่งซื้อสินค้าผ่านตู้คีออส แล้วส่งสินค้าถึงบ้าน ทั้งช่องทางออนไลน์ และในร้านค้า แสดงสินค้ามากมายแทนที่จะเก็บสินค้าไว้ในร้าน บางแห่งอาจถึงกับใช้หุ่นยนต์ช่วยจำหน่ายสินค้า ช่วยลูกค้นหาสิ่งที่ต้องการจากร้านได้เลย  
เอกสารอ้างอิง
Alonzo A. 2019. 4 trends driving and disrupting the future of chicken. [Internet]. [Cited 2019 Jul 22]. Available from: https://www.wattagnet.com/articles/38315-trends-driving-and-disrupting-the-future-of-chicken?eid=423230450&bid=2487919



วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2562

การลดเชื้อแบคทีเรียระหว่างการฆ่า และแปรรูปเนื้อไก่

การลดอัตราการระบาดของโรคอาหารเป็นพิศที่เกิดจากเชื้อซัลโมเนลลา และแคมไพโลแบคเตอร์ เป็นภารกิจสำคัญของผู้ประกอบการทั่วโลก
               รายงานในปี พ.ศ. ๒๕๕๙ สองปีที่แล้ว แสดงให้เห็นว่า ผู้ป่วยโรคสัตว์ติดคนกว่า ๓๕๖,๐๐๐ รายทั่วสหภาพยุโรปเกิดจากโรคติดเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์ จำนวน ๒๔๖,๓๐๗ ราย และซัลโมเนลลา ๙๔,๕๓๐ ราย เป็นกลุ่มสองโรคที่โดดเด่นที่สุด
               เมื่อเร็วๆนี้ ไอร์แลนด์ก็เพิ่งรายงานผู้ป่วยติดเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์ต่อปีสูงที่สุด ๓,๐๓๐ ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘.๗ เปรียบเทียบกับผู้ป่วยจำนวน ๒.๗๘๖ รายเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยอัตราการพบที่สูงที่สุดอยู่ในกลุ่มช่วงอายุ ๐ ถึง ๔ ปีเช่นเดียวกับในเนเธอร์แลนด์ อุบัติการณ์ของโรคติดเชื้อแคมไพโลแบคเตอร์เพิ่มขึ้นจาก ๓๓ รายต่อประชากร ๑,๐๐๐ คนในปี ค.ศ. ๒๕๖๐ เป็น ๓๕ รายเมื่อปีที่แล้ว โดยทั้งประเทศมีรายงาน ๗๑,๐๐๐ รายในปี พ.ศ. ๒๕๖๑     
               บริษัทจากนอร์เวย์ ดีคอน เอสเอฟเอส เชื่อว่า ผลิตภัณฑ์สามารถกำจัดสิ่งปนเปื้อนออกได้มากกว่าร้อยละ ๙๙ ภายในโรงเชือด บริษัทยังได้ทุนวิจัยสนับสนุนจากสหภาพยุโรปตามโครงการ ฮอริซอน ๒๐๒๐ รวมเป็นยอดเงินเกือบสองล้านบาท บริษัท ดีคอน ยังพัฒนา และจำหน่ายเทคโนโลยีป้องกันการปนเปื้อนระหว่างการผลิตอาหาร เพื่อกำจัดแบคทีเรียจากเนื้อสัตว์ปีก ภายหลังเริ่มต้นโครงการไปแล้ว ๘ ปี บริษัทสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ ดีโคไนเซอร์ รุ่น ทีอาร์แอล ๖- โดยอาศัยเทคโนโลยีเอทีบี หรือใช้น้ำร่วมกับอุณหภูมิทำลายเซลล์แบคทีเรีย (Hydrothermal bacteriolysis technology, HTB) โดยใช้ไอน้ำร้อนสูงมากร่วมกับสนามไฟฟ้าแม่เหล็กให้ประจุไปยังอนุภาคไอน้ำ แล้วส่งตรงไปยังผิวกล้ามเนื้อจนสามารถกำจัดแบคทีเรียได้สูงกว่าร้อยละ ๙๙ ปัจจุบัน ผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการทดสอบที่สถาบันวิจัยอาหารแห่งนอร์เวย์ และกำลังทำตลาดกับกลุ่มบริษัทในสเปน Sada และ Pujante โดยพิสูจน์ความสามารถในการลดอัตราการปนเปื้อนได้สูงกว่าร้อยละ ๙๙
               คุณลักษณะเด่นของผลิตภัณฑ์ช่วยลดการปนเปื้อนซากสัตว์ปีก โดยไม่ส่งผลต่อลักษณะสินค้า รสชาติ กลิ่น สี และช่วยยืดอายุการเก็บรักษาสินค้าได้อีกด้วย เนื้อสัตว์ยังคงสดเปรียบเทียบกับวิธีการกำจัดการปนเปื้อนวิธีอื่นๆที่อาศัยการแช่แข็ง และน้ำร้อน ด้วยการสนับสนุนจากสหภาพยุโรปจะช่วยให้บริษัทสามารถนำไปใช้ในเนื้อสัตว์ประเภทอื่นๆ เช่น เนื้อสุกร เนื้อโค และเนื้อแกะ รวมถึง การจำหน่ายระบบดีคอนไนเซอร์ไปให้กับโรงฆ่า และแปรรูปเนื้อสัตว์ปีกอย่างน้อย ๕๖ แห่งภายในสามปีต่อจากนี้ได้
เอกสารอ้างอิง
McDougal T. 2019. Reducing pathogenic bacteria during slaughtering and processing. [Internet]. [Cited 2019 Jul 24]. Available from: https://www.poultryworld.net/Meat/Articles/2019/7/Reducing-pathogenic-bacteria-during-slaughtering-and-processing-453746E/

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ไก่โตช้าพลิกเป็นกระแสหลักรวดเร็ว

เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เคเอฟซี ผู้ประกอบการอาหารฟาสต์ฟู้ดที่เรารู้จักกันดีที่สุดก็เพิ่งลงนามมุ่งมั่นต่อทิศทาง Better Chicken Commitment ในยุโรป นับเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญสำหรับพี่เบิ้มธุรกิจฟาสต์ฟู้ดที่จะเปลี่ยนจากการจำหน่ายสินค้าไก่ทอดทั้งสัตว์ปีกที่ผลิตภายในยุโรปเอง และที่จะนำเข้ามาผลิตเป็นสินค้า
               ปัจจุบัน ร้านค้าปลีกในอังกฤษทั้งมาร์กแอนด์สเปนเซอร์ และเวทโทรส ลงนามยอมรับไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ต้นปี แต่พวกเขาคือ ผู้ค้าปลีกสินค้าพรีเมียม แตกต่างจากเคเอฟซีที่เดิมไม่ได้เน้นให้น้ำหนักความสำคัญกับสินค้าที่ผ่านการรับรองสวัสดิภาพสัตว์ ก้าวย่างนี้จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สร้างความแตกต่าง โดยเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๙ นี้ ผู้ผลิตจะขับเคลื่อนจากไก่เนื้อทั่วไปสู่ไก่เนื้อโตช้า และความหนาแน่นการเลี้ยงต่ำไม่เกิน ๓๐ กิโลกรัมต่อตารางเมตร รวมถึง การเปลี่ยนแปลงที่อาจพบได้แล้วในการเลี้ยงไก่เนื้อยุโรปตะวันตกทั้งการใส่หน้าต่าง คอนเกาะ และก้อนฟางให้ไก่จิก ลดการจับไก่ระบาย อนุโลมได้ครั้งเดียว

ยอมลดประสิทธิภาพการผลิต เพิ่มสวัสดิภาพสัตว์
               ผลลัพธ์ของการยอมลดประสิทธิภาพการผลิต เพื่อเพิ่มสวัสดิภาพสัตว์ให้สัตว์ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความสุขคือ คาร์บอนฟุตพรินต์ที่จะเพิ่มขึ้นเพื่อผลิตเนื้อสัตว์ ๑ กิโลกรัม ผู้ค้าปลีกดัทช์เป็นผู้นำในการเปลี่ยนจากสายพันธุ์ไก่โตช้าตั้งแต่ห้าปีที่แล้วในปี พ.ศ. ๒๕๕๘ นับได้ว่าเป็นผู้สร้างความแตกต่างทางการตลาดอย่างแท้จริง นับตั้งแต่นั้นก็เติบโตราวร้อยละ ๔๐ ของกำลังการผลิตทั้งหมด ในฝรั่งเศสร้อยละ ๒๕ ของไก่เนื้อเลี้ยงแบบโตช้า ขณะที่ อังกฤษอยู่ที่ราวร้อยละ ๑๑ ทั้งนี้รวมไก่เลี้ยงปล่อยอิสระ และอินทรีย์

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
               ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นประเด็นย้อนแย้งที่ไม่อาจมองข้ามไปได้ นักวิจัย แนะนำว่า หากไก่เนื้อในสหรัฐฯสักเพียงหนึ่งในสามเปลี่ยนไปเลี้ยงไก่เนื้อโตช้าให้ได้ปริมาณตามความต้องการ ผู้ผลิตต้องเลี้ยงไก่เนื้อเพิ่มขึ้นอีก ๑.๕ พันล้านตัว และต้องใช้พื้นที่เพาะปลูกวัตถุดิบอาหารสัตว์มากขึ้นอีกราวสองหมื่นไร่ น้ำอีกเกือบสี่พันล้านลิตรสำหรับการเลี้ยงไก่ และเกิดของเสียเพิ่มขึ้นอีกราวสามหมื่นล้านตัน ถึงกระนั้น การเกิดตลาดใหม่นี้เชื่อได้ว่าจะเกิดขึ้น ประเทศพัฒนาแล้วมีความต้องการให้การเลี้ยงไก่มีสวัสดิภาพดีขึ้น ส่วนที่เหลือของโลกยังพึงพอใจกับการมีอาหารบนโต๊ะก็พอแล้ว

เอกสารอ้างอิง
Davies J. 2019. Slow-growing birds are fast becoming mainstream. [Internet]. [Cited 2019 Jul 26]. Available from:  https://www.poultryworld.net/Meat/Articles/2019/7/Slow-growing-birds-are-fast-becoming-mainstream-454287E/

ภาพที่ ๑ เคเอฟซี ลงนามมุ่งมั่นต่อทิศทาง Better Chicken Commitment (แหล่งภาพ Wikimedia)

วิวัฒนาการเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล

  ขณะที่ วัคซีนช่วยลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคนิวคาสเซิล การระบาดก็ยังพบได้อยู่ โดยมีอัตราการตายสูง และกำจัดสัตว์ที่ติดเชื้อ มีผลกระทบเ...