วันจันทร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ชุดทดสอบเชื้อ เอนเทอโรคอคคัส ซีโครัม ในเป็ดปักกิ่ง

รายงานวิจัยล่าสุดตีพิมพ์ในวารสารวิชาการ Avian Pathology ว่าด้วยการพัฒนาชุดตรวจสอบ in-house ELISA สำหรับตรวจสอบแอนติบอดีต่อเชื้อแบคทีเรีย เอนเทอโรคอคคัส ซีโครัม ในเป็ดปักกิ่ง โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสัตวแพทย์ฮานโนเวอร์ เยอรมัน ถึงเวลานี้เชื้อแบคทีเรียชนิดนี้กลายเป็นเชื้ออุบัติใหม่ที่ได้รับความสนใจในแวดวงสัตว์ปีกเป็นอย่างมาก ทั้งในฐานะที่เป็นสาเหตุของขาพิการ ปัญหาคุณภาพซาก และการถ่ายทอดเชื้อทั้งในแนวดิ่งจากแม่สู่ลูก และแนวระนาบทางการกิน และหายใจได้อย่างรวดเร็ว 

เชื้อ เอนเทอโรคอคคัส ซีโครัม หรืออีซี เป็นที่กล่าวกันกันมากในช่วงไม่กี่ปีที่่ผ่านมา มีบทความวิชาการจำนวนมากทั้งที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการอ้างว่าเชื้อชนิดนี้เป็นสาเหตุสำคัญของรอยโรคที่กระดูกในไก่เนื้อ และการติดเชื้อตามระบบในเป็ดปักกิ่ง แม้ว่านักวิชาการจะเห็นความสำคัญของเชื้อก่อโรคชนิดนี้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังไม่มีเครื่องมือการวินิจฉัยทางซีโรโลยีสำหรับการตรวจสอบการติดเชื้ออีซีได้ ล่าสุด คณะผู้วิจัยจึงพยายามพัฒนาชุดตรวจสอบอีไลซาขึ้นใช้เองในห้องปฏิบัติการด้วยเทคนิค Indirect ELISA สำหรับตรวจสอบแอนติบอดีที่จำเพาะต่อเชื้ออีซี แล้วลองประเมินชุดทดสอบโดยการตรวจซีรัมจำนวน ๖๗ ตัวอย่างจากเป็ดปักกิ่งที่ทดลองให้ติดเชื้อ และอีก ๗๑๐ ตัวอย่างจากฟาร์มเป็ดปักกิ่งพันธุ์ที่มีการให้วัคซีนเชื้อตาย ย้ำวัคซีนเชื้อตายป้องกันเชื้ออีซี และอีก ๘๐ ตัวอย่างจากเป็ดปักกิ่งเนื้อที่ได้จากฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ที่ให้วัคซีน

สัตว์ทดลองทุกกลุ่มที่ทดลองฉีดเชื้อเข้าทางถุงลมให้ผลบวกต่อชุดทดสอบอีไลซาที่พัฒนาขึ้นใหม่ โดยมีค่า S/P ratios หรือค่าเฉลี่ยตัวอย่างทดสอบต่อตัวอย่างบวกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) เป็น ๐.๗๑ ถึง ๒.๗๐ ที่อายุ ๗ ๑๔ และ ๒๑ วันหลังการฉีดเชื้อ ขณะที่ เป็ดที่ให้เชื้อป้อนปาก และกลุ่มควบคุมลบ ยังคงมีผลเลือดเป็นลบ โดยมีค่า S/P ratios เฉลี่ยเป็น ๐.๐ ถึง ๐.๑๕ 

ฟาร์มเป็ดปักกิ่งพันธุ์ที่ให้วัคซีน ๔ ฝูง ก็สามารถตรวจพบแอนติบอดีได้ โดยตัวอย่างร้อยละ ๖๘ ให้ผลเลือดเป็นบวก มีอัตราส่วน S/P ratio สูงที่สุดอายุระหว่าง ๑๖ ถึง ๒๖ สัปดาห์ มีค่ามัธยฐานของ S/P ratios เป็น ๐.๑๕ ถึง ๑.๐๓ แอนติบอดียังคงตรวจพบได้จากบางตัวอย่างในช่วงสัปดาห์ที่ ๖๑ ถึง ๖๗

สำหรับเป็ดปักกิ่งเนื้อไม่สามารถตรวจสอบแอนติบอดีได้เลย การตอบสนองของแอนติบอดีในเป็ดอาจได้รับอิทธิพลมาจากองค์ประกอบของวัคซีนเชื้อตาย

ชุดตรวจสอบอีไลซาที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้เป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับตรวจสอบการติดเชื้อ และการให้วัคซีนอีซีที่น่าจะมีโอกาสวางตลาดในธุรกิจสัตว์ปีกเร็วๆนี้ 

เอกสารอ้างอิง

Arne Jung & Silke Rautenschlein (2020) Development of an in-house ELISA for detection of antibodies against Enterococcus cecorum in Pekin ducks, Avian Pathology, 49:4, 355-360, DOI: 10.1080/03079457.2020.1753653


วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ลำแสงอินฟาเรดเพื่อชีวิตที่ีดีของสัตว์ปีก


การวิจัยด้านการผลิตปศุสัตว์ได้เดินทางถึงระดับที่มีความซับซ้อนลึกซึ้งขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา เพื่อแสวงหาหนทางรอดจากปัญหาด้านการผลิต
งานวิจัยตีพิมพ์เกี่ยวกับผลการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ชาวคานาดาในการใช้ลำแสง Mid Infrared Spectromicroscopy จาก infrared synchroton light ที่มีความสว่างสูง ลำแสงนี้เป็นประโยชน์ในการให้ความสว่างสูงนับเป็นหลายล้านเท่าของความสว่างจากดวงอาทิตย์ ถือเเป็นสุดยอดนวัตกรรมด้าน Spectrophotometer และ Microscopy ที่ช่วยให้ diffraction-limited spactial resolution ที่กล่าวมาข้างต้นฟังแล้วเสมือนเทคโนโลยีจากอวกาศ แต่ไม่ใช่เลยตอนนี้ได้อยู่ในมือของนักวิจัย Andrew Olkowski และคณะนักวิจัย พยายามทำความเข้าใจปัญหาไก่เนื้อโตเร็วจากโรคหัวใจ ด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยีนี้จากมหาวิทยาลัย Saskatschewan เป็นไปได้ที่จะค้นพบโปรตีนที่ถูกทำลาย และผิดรูปที่สะสมอยู่ในหัวใจ ปัญหาเล็กๆที่ซุกซ่อนอยู่ในโปรตีนภายในกล้ามเนื้อหัวใจ นักวิจัยต่อยอดการศึกษาไปยังสุขภาพสัตว์ปีก และสาเหตุสำคัญของโรค เพื่อให้สุขภาพของไก่นับล้านตัวมีสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดี ก้าวเข้าสู่บริบทของสวัสดิภาพสัตว์ ภาคการผลิตเชิงอุตสาหกรรมก็จะได้ประโยชน์จากผลผลิตที่ดีขึ้น และสร้างความมั่นคงทางอาหาร
โครงการวิจัยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแวดวงสุขภาพสัตว์ปีก แต่ยังขยายขอบเขตไปยังพันธุกรรม อุปกรณ์การเลี้ยงสัตว์ โภชนาการ การใช้สารเติมอาหารทางเลือกใหม่ การผลิตสัตว์ปีกอย่างแม่นยำ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม การใช้ และการผลิตพลังงานทางเลือกใหม่ และอื่นๆ

เอกสารอ้างอิง
Ruiz B. 2020. A beam of infrared light for the well-being of poultry. [Internet]. [Cited 2020 Jun 28]. Available from: https://www.wattagnet.com/blogs/25-latin-america-poultry-at-a-glance/post/40812-a-beam-of-infrared-light-for-the-well-being-of-poultry
ภาพที่ ๑  การวิจัยด้านปศุสัตว์เดินทางมาถึงเวลาที่ใช้เทคโนโลยีที่มีความซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้อุตสาหกรรมก้าวผ่านปัญหาที่เคยประสบมาก่อน (แหล่งภาพ KANIN.studio | AdobeStock.com)



วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คุณภาพซาก เครื่องมือตรวจสอบปัญหาสารพิษจากเชื้อราในไก่เนื้อ


วิธีการที่นิยมกันทั่วไปสำหรับการตรวจสอบการปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อราในอาหารสัตว์ โดยการเก็บตัวอย่างวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทางเลือกใหม่สำหรับการตรวจติดตามปัญหาสารพิษจากเชื้อราได้โดยการตรวจสอบรอยโรคที่โรงเชือด
วิธีการตรวจสอบรอยโรคของสัตว์ปีกในโรงเชือด สารพิษจากเชื้อราสามารถก่อให้เกิดรอยโรคได้หลายชนิดในอวัยวะภายใน ขึ้นกับชนิดของสารพิษจากเชื้อราที่พบในอาหารสัตว์ว่าจะทำลายอวัยวะชนิดใด การตรวจสอบรอยโรคสารพิษจากเชื้อราเป็นเครื่องมือเพิ่มเติมสำหรับการเฝ้าระวังปัญหา

การตรวจสอบสารพิษจากเชื้อราจากรอยโรคที่โรงเชือด
ข้อมูลการวิเคราห์สารพิษจากเชื้อราในวัตถุดิบ และอาหารสัตว์ ไม่สามารถให้ภาพที่สมบูรณ์องการปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อราที่แท้จริงได้ บางครั้งระดับของสารพิษจากเชื้อราที่ตรวจพบมีระดับต่ำมาก หรือไม่สามารถตรวจพบได้เลย บ่อยครั้ง นักวิชาการอาหารสัตว์อาจเข้าใจว่าสามารถควบคุมทุกสิ่งไว้ได้อยู่แล้ว และความเสี่ยงต่ำ แต่ก็ยังสามารถสังเกตเห็นผลกระทบของสารพิษจากเชื้อราในฟาร์มได้ เนื่องจาก
๑. สารพิษจากเชื้อรามีความหลากหลายของชนิด และกระจายทั่วไปในวัตถุดิบ และอาหารสัตว์ในระดับต่ำบ้าง สูงบ้าง
๒. ในทางปฏิบัติ ปริมาณตัวอย่างน้อยมาก ไม่สามาถเป็นตัวแทนที่ให้ผลที่ดีได้ เช่น จำนวนตัวอย่างต้องมากกว่า ๑๐๐ ตัวอย่างต่อแบทช์ที่มีขนาด ๘๐ ตัน
๓. การปรากฏของสิ่งที่บดบังสารพิษจากเชื้อราไม่ให้ตรวจพบได้
๔. การเสริมฤทธิ์ร่วมกันระหว่างสารพิษจากเชื้อรา
๕. การได้รับสารพิษจากเชื้อราในระดับต่ำเป็นเวลานาน
เพื่อให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ของปัญหาสารพิษจากเชื้อรา พยาธิวิทยาสามารถใช้เป็นเครื่องมือเสริมเพิ่มเติมสำหรับการประเมินผลกระทบของสารพิษจากเชื้อราต่อสัตว์ โดยอาศัยรอยโรคภายนอกที่จำเพาะสำหรับสารพิษจากเชื้อรา ในบางครั้ง อาจเก็บตัวอย่างอวัยวะที่ได้รับผลกระทบเพื่อตรวจวินิจฉัยทางจุลพยาธิวิทยา
สัตวแพทย์ทั่วโลกมีความรู้เป็นอย่างดีเลิศกับเชื้อแบคทีเรีย และไวรัส สิ่งแรกที่สัตวแพทย์นึกขึ้นได้มักเป็นโรคติดเชื้อ แต่มักลืมคิดไปถึงรอยโรคที่เกิดจากสารพิษเชื้อรา หรือไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยด้วยซ้ำ 
สิ่งสำคัญที่ต้องระลึกไว้เสมอคือ เมื่อทุกสิ่งทำทุกอย่างแล้ว และไม่มีการตอบสนองต่อยาปฏิชีวนะ หรือวัคซีน ให้คิดถึงสารพิษจากเชื้อรา สารพิษจากเชื้อมักไม่ทำให้สัตว์ตาย แต่ทำให้สัตว์เติบโตช้าลง ใช้เวลาเลี้ยงนานขึ้น ไม่เพียงแต่รอยโรคที่เกิดจากสารพิษจากเชื้อราในการวินิจฉัยแยกอาจทำให้ตัดสินใจผิดไปจากความเป็นจริง เทคนิคนี้ไม่เพียงใช้ประโยชน์ได้ในโรงเชือดเท่านั้น แต่ยังประยุกต์ใช้ได้ในฟาร์ม ด้านการป้องกัน เช่น การใช้ตัวจับสารพิษจากเชื้อรา หากผลิตภัณฑ์ที่สามารถจับกับสารพิษจากเชื้อราได้ดี ไม่เพียงผลผลิตจะดีขึ้น แต่ผู้ผลิตสัตว์ยังเห็นคุณภาพซากที่โรงเชือดเปลี่ยนไปจากเดิม ขณะที่อุบัติการณ์ของสารพิษจากเชื้อราลดลง

รอยโรคสำคัญจากสารพิษเชื้อรา
องค์ความรู้ด้านพยาธิวิทยาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการจำแนกปัญหา ประสบการณ์ทางคลินิกช่วยให้สามารถวิเคราะห์เพิ่มเติมได้ในห้องปฏิบัติการ วิธีการนี้เหมาะกับโรงเชือด จึงต้องให้ความสำคัญกับการเรียนรู้วิธีการปฏิบัติงานตามปรกติของพนักงาน เพื่อให้เข้าใจได้ว่ายังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องอื่นด้วยหรือไม่
ซากที่ปนเปื้อนด้วยสารพิษจากเชื้อราจะถูกปลดทิ้งด้วยหรือไม่ขึ้นกับกฎระเบียบ และกฏหมายของแต่ละประเทศ ในสุกร อวัยวะส่วนใหญ่ที่เกิดโรค เช่น ตับที่ดำเยิ้ม ไตที่มีถุงน้ำ ปอดที่บวม หรือความผิดปรกติที่เกิดขึ้นในอวัยวะสืบพันธุ์จะถูกดึงออกจากกระบวนการผลิต อวัยวะถูกนำออกมา เนื่องจาก ลักษณะที่ปรากฏขึ้นภายนอก สำหรับสัตว์ปีก กฏระเบียบภาครัฐไม่ได้กำหนดไว้สำหรับซากสัตว์ปีกที่อาจมีความสัมพันธ์กับสารพิษจากเชื้อรา ประเด็นสำคัญคือ พนักงานตรวจซากในโรงเชือดอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับรอยโรคที่สัมพันธ์กับสารพิษจากเชื้อรา จำเป็นต้องให้ความรู้ และนำภาพของรอยโรคแสดงให้พนักงานเหล่านี้รู้จัก และสามารถจำแนกจากสาเหตุอื่นๆที่เป็นไปได้
เมื่อมีการสื่อสารจากโรงเชือดให้กับผู้ผลิตในฟาร์ม หรือโรงงานอาหารสัตว์ก็จะเกิดประโยชน์ต่อองค์กรโดยภาพรวม โดยเฉพาะ เมื่อมีการสร้างระบบการสื่อสารแบบเรียลไทม์สำเร็จ ขั้นแรกเป็นการสร้างความตระหนักต่อปัญหา และผลกระทบจากสารพิษเชื้อราของสัตวแพทย์ และผู้บริหารโรงเชือด และให้ความรู้จดจำรอยโรคสำคัญที่อาจเกิดจากสารพิษเชื้อรา ข้อมูลที่ได้จากโรงเชือดควรถูกแบ่งปันให้กับสัตวแพทย์ผู้รับผิดชอบดูแลฟาร์มอื่นๆ เพื่อให้คำแนะนำ เมื่อทุกฝ่ายคุ้นเคยกับภาพรอยโรคสำคัญดังกล่าว ก็จะรายงาน และคอยติดตามผ่าซากที่ฟาร์มต่อไป ขั้นตอนเหล่านี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุด และราคาถูกที่สุดในการสร้างระบบการสื่อสารข้อมูลภายในภาคการผลิตทั้งฟาร์ม และโรงงานอาหารสัตว์สามารถแบ่งปันข้อมูลระหว่างกัน เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างสัตวแพทย์ นักวิชาการอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และฝ่ายควบคุมคุณภาพในโรงเชือด  

เอกสารอ้างอิง
Ploegmakers M. 2020. Interview: Agrimprove – mycotoxin lesions in slaughterhouses. [Internet]. [Cited 2020 Jun 29]. Available from: https://www.allaboutfeed.net/Mycotoxins/Articles/2020/6/Interview-Agrimprove--mycotoxin-lesions-in-slaughterhouses-604183E/
ภาพที่ ๑  คุณภาพซากไก่ที่โรงฆ่า และปัญหาสารพิษจากเชื้อรา (แหล่งภาพ Katherine Herborn, University of Plymouth)



วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

บราซิลจับตามองกำแพงการค้า และเฝ้ามองหาโอกาส


 ผู้ประกอบการบราซิลจับตามองอุปสรรคทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ กำแพงการค้าใหม่ ๑๗ ข้อที่เกิดจากประเทศต่างๆทั่วโลก ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเมษายนที่ผ่านมา โดย ๓ ข้อในนั้นเกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก
National Confederation มองว่า เม็กซิโก อินเดีย และซาอุอาระเบียเป็นตัวร้ายสำคัญ จากระบบการตรวจติดตามทั่วโลก เม็กซิโก และอินเดียเพิ่มภาษีการนำเข้าเนื้อไก่จากบราซิล ซาอุฯ เริ่มกำหนดให้มีการขึ้นทะเบียนนำเข้าสำหรับผลิตภัณฑ์สัตว์ปีก ประเทศกลุ่มอาหรับเป็นลูกค้าสำคัญสำหรับสินค้าสัตว์ปีกของบราซิล และนำเข้า ๔๖๘,๘๒๘ ตันในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ ขณะที่ เม็กซิโก นำเข้า ๙๗,๙๘๗ ตัน แต่ไม่มีข้อมูลจากอินเดีย
National Industry Confederation (CNI) อัพเดต้อมูลการสำรวจเป็นประจำ โดยอาศัยข้อมูลที่เป็นทางการจากระบบอิเล็กโทรนิกส์สำหรับการตรวจติดตามอุปสรรคการส่งออกมีชื่อเป็นภาษาสเปนว่า "Sem Barreiras" นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ เป็นต้นมา ระบบ Sem Barreira ตรวจพบอุปสรรคทางการค้าต่อสินค้าบราซิลรวมทั้งหมด ๗๐ รายการ
ข้อมูลเหล่านี้ได้ช่วยให้หน่วยงานราชการในบราซิลกำหนดกลยุทธ์เพื่อจัดการกับปัญหา ถึงกระนั้น รัฐบาลก็สามารถช่วยคลี่คลายปัญหาได้ร้อยละ ๑๐ ของปัญหาที่เกิดขึ้น ประเด็นทางการค้ายังครอบคลุมส่วนที่นอกเหนือจากสินค้าเกษตรกรรม จีน อาร์เจนติจา และอียู สร้างกำแพงการค้าต่อสินค้ายาง อุปกรณ์อิเล็กโทรนิกส์ และผลิตภัณฑ์โลหะ ยานยนต์ พลาสติก และเทคโนโลยีสารสนเทศ

เวียดนามเปิดประตูรับผู้ประกอบการผลิตสัตว์ปีกบราซิลรวดเดียวสี่ราย
บราซิลอนุญาตให้ผู้ประกอบการผลิตสัตว์ปีกบราซิล ๔ ราย ส่งออกไปยังตลาดเวียดนามได้แล้ว ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตร เวียดนามนำเข้าเนื้อสัตว์ปีกบราซิล ๑๒,๑๐๐ ตัน ในไตรมาสแรกของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗๓ เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว ตั้งแต่ปีที่แล้ว ความต้องการเนื้อสัตว์ปีกเวียดนามเติบโตร้อยละ ๔๒ 

เอกสารอ้างอิง
Azevedo D. 2020. Brazil keeps an eye out for trade barriers and finds them. [Internet]. [Cited 2020 May 15]. Available from: https://www.poultryworld.net/Meat/Articles/2020/6/Brazil-keeps-an-eye-out-for-trade-barriers-and-finds-them-596891E/
ภาพที่ ๑  บราซิลจับตามองกำแพงการค้า และเฝ้ามองหาโอกาส (แหล่งภาพ Mark Pasveer)


วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ระบบสเปคทรัลเอนโทรปี วิเคราะห์เสียงพยากรณ์ผลการเลี้ยง และสวัสดิภาพไก่


ระบบการฟังเสียงสำหรับตรวจจับความเบี่ยงเบนจากเสียงแบคกราวนด์ สามารถช่วยพยากรณ์สุขภาพในระยะยาว และความเป็นอยู่ที่ดีของฝูงไก่
นักวิจัยได้พัฒนาระบบการตรวจติดตามสวัสดิภาพสัตว์ที่มีราคาย่อมเยา และง่าย โดยใช้ระบบการฟังเสียงแบบอัตโนมัติ ผลการศึกษาจากความร่วมมือของนักวิจัยจากสี่มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร รวบรวม และวิเคราะห์เสียงบันทึกของลูกไก่จำนวนมากกว่า ๒๕,๐๐๐ ตัวจาก ๑๒ ฝูง เริ่มตั้งแต่วันแรกของการเลี้ยง ลูกเจี๊ยบทุกตัวส่งเสียงร้องเจี๊ยบๆ ตื่นตกใจไปกับสิ่งแวดล้อมที่แปลกใหม่ แต่หลังจากนั้น ลูกเจี๊ยบจึงเริ่มมองหาอาหาร และน้ำ เปิดใจยอมรับโลกใบใหม่ส่งเสียงน้อยลง ค่อยๆสงบ หากเรายังคงได้ยินเสียงร้องส่งเสียงดังหลังจากนั้นอีก อาจเป็นสัญญาณของสิ่งผิดปรกติบางประการขึ้นแล้ว ในแต่ละปี มีการเลี้ยงสัตว์ปีกมากกว่าห้าหมื่นล้านตัว เครื่องมืออย่างง่ายที่สามารถตรวจจับสิ่งผิดปรกติในช่วงเวลาที่สำคัญของชีวิตจะส่งผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ต่อสวัสดิภาพสัตว์ และคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงได้
 
ระบบสเปคทรัล เอนโทรปี
วิธีใหม่ที่เรียกว่า สเปคทรัล เอนโทรปี (Spectral entropy) ช่วยตรวจจับเสียง แล้ววิเคราะห์เสียงสูงต่ำ ใช้ง่าย ระบบนี้สามารถตรวจจับเสียงที่ผิดไปจากเสียงแบคกราวนด์รอบตัวไก่ ระบบการตรวจติดตามเสียงแบบอัตโนมัตินี้สามารถแยกเสียงร้องจากความเครียดของลูกไก่จากเสียงที่แวดล้อมตัวสัตว์ เช่น เสียงของอุปกรณ์การเลี้ยงต่างๆ เป็นต้น
ทุกวันนี้ ผู้เลี้ยงสัตว์อาจใช้ประสาทสัมผัสของร่างกาย แล้วประเมินสวัสดิภาพของไก่เนื้อออกมาเป็นคะแนนตามความรู้สึก แต่ระบบอัตโนมัตินี้จะช่วยขจัดโอกาสของความคลาดเคลื่อนเนื่องจากมนุษย์ และช่วยส่งเสริมสวัสดิภาพสัตว์ และประสิทธิภาพการผลิตของผู้ประกอบการได้

เสียงโวยวายของลูกเจี๊ยบบ่งบอกสวัสดิภาพชีวิตในระยะยาว
สิ่งที่น่าสนใจคือ ผลการวิจัยเผยให้เห็นเสียงร้องจากความเครียดเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความเครียดในเวลานั้น หรือความตื่นตกใจของลูกไก่ เสียงร้องเหล่านี้ช่วยพยากรณ์พฤติกรรมของฝูงสัตว์ การเจริญเติบโตในอนาคต อัตราการตาย และข้อมูลด้านสวัสดิภาพสัตว์ในมิติต่างๆของสัตว์ได้
โดยการวิเคราะห์เสียงต้องของลูกเจี๊ยบในช่วงวันแรกๆของชีวิต สามารถพยากรณ์อัตราการเจริญเติบโต และจำนวนไก่ตายตลอดช่วงเวลาการเลี้ยงได้ หมายความว่า ผู้เลี้ยงไก่สามารถใช้เครื่องมือนี้ช่วยให้การเลี้ยงไก่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ  โดยไม่ต้องเพิ่มพนักงานเป็นพิเศษ และยังได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นสำหรับช่วยให้สวัสดิภาพสัตว์ดีขึ้นได้

เอกสารอ้างอิง
Doughman E. 2020. Automated acoustic monitoring could improve chick welfare. [Internet]. [Cited 2020 Jun 20]. Available from: https://www.wattagnet.com/articles/40627-automated-acoustic-monitoring-could-improve-chick-welfare
ภาพที่ ๑  การตรวจติดตามเสียงเพื่อเฝ้าระวังสวัสดิภาพการเลี้ยงไก่ ด้วยวิธีง่ายๆแค่ฟังเสียงลูกเจี๊ยบ (แหล่งภาพ Katherine Herborn, University of Plymouth)


วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2563

การลดความเสี่ยงของเชื้อซัลโมเนลลาปนเปื้อนซ้ำในอาหารสัตว์


การตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ลดความเสี่ยงของเชื้อซัลโมเนลลาตลอดห่วงโซ่ ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์สู่อาหารมนุษย์ เพื่อช่วยให้มั่นใจทั้งอาหารสัตว์ และการเลี้ยงสัตว์ปีก อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม กระบวนการผลิตบางขั้นตอน เช่น การสร้างสภาวะที่แห้ง ทำให้เซลล์ของเชื้อ ซัลโมเนลลา แห้งไปเอง ก็สามารถช่วยสนับสนุนการทำความสะอาด และการฆ่าเชื้อได้ด้วย

ในบางช่วงของการผลิตอาหารสัตว์ เซลล์ของเชื้อซัลโมเนลลา สามารถจำศีลพักรักษาตัวก่อน รอคอยเวลาถูกปลุกให้ตื่นในระหว่างกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ ผู้ผลิตอาหารสัตว์ไม่สามารถตรวจสอบเซลล์ของเชื้อ ซัลโมเนลลา ที่ยังอยู่ในระยะจำศีลได้เลย ทำให้เข้าใจว่า อาหารสัตว์ที่ผลิตจำหน่ายยังปราศจากเชื้อปนเปื้อน กลายเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาหาร ความเสี่ยงดังกล่าวนี้จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การฆ่าเชื้อด้วยเทคนิคการบำบัดด้วยไฮโดรเทอร์มัล ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า กลยุทธ์การถนอมคุณภาพอาหารสัตว์ ด้วยการใช้ส่วนผสมของบัฟเฟอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง ร่วมกับกรดอินทรีย์ และสารลดแรงตึงผิว สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนอาหารสัตว์ระหว่างการผลิตได้อย่างมีนัยสำคัญ

การปนเปื้อนอาหารสัตว์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกระยะของการผลิต    

การปนเปื้อนอาหารสัตว์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกระยะของการผลิต ได้แก่ วัตถุดิบอาหารสัตว์ การขนส่ง การจัดเก็บ กระบวนการผลิต หรือแม้กระทั่ง โรงเรือนเลี้ยงสัตว์

ในแต่ละขั้นตอนก็จะมีความเสี่ยงเกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น การลดความเสี่ยงด้านจุลชีววิทยามีความจำเป็นในระยะแรกของการผลิต ตามห่วงโซ่อาหารสัตว์สู่อาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนข้าม และสร้างความมั่นใจว่าอาหารปลอดภัยสำหรับการบริโภคของมนุษย์ ในกระบวนการถัดมา สุขอนามัยระหว่างการผลิต แผนการเก็บสินค้าวัตถุดิบ และการจัดการฟาร์มที่ดี ก็เป็นจุดวิกฤติที่การปนเปื้อนเชื้อจุลินทรีย์อาจเกิดขึ้นได้

 เมื่อสภาวะสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์ปรากฏขึ้นในขั้นตอนใดของการผลิตอาหารสัตว์ เชื้อกลุ่มเอนเทอโรแบคเทอริซีอี เช่น ซัลโมเนลลา สามารถเป็นภัยคุกคามต่อทั้งสัตว์ที่กินอาหารสัตว์ที่ปนเปื้อน และมนุษย์ผู้บริโภคเนื้อสัตว์นั้น หนึ่งในอันตรายคุกคามนั้นคือเชื้อ ซัลโมเนลลา ในระยะจำศีล เนื่องจากความแห้ง เชื้อ ซัลโมเนลลา ที่อยู่ในระยะแห้งทำให้ห้องปฏิบัติการไม่สามารถตรวจสอบเชื้อได้ด้วยวิธีตามปรกติได้ และทำให้สรุปผลกันผิดพลาดได้ว่า อาหารสัตว์ และระบบการผลิตอาหารสัตว์ยังคงปลอดเชื้อ ซัลโมเนลลา ปนเปื้อน

ความเสี่ยงจากการปนเปื้อนซ้ำ

อุณหภูมิ และความชื้นที่เพิ่มขึ้น สามารถปลุกเชื้อซัลโมเนลลา และเชื้อกลุ่มเอนเทอโรแบคเทอริซีอี ที่จำศีลอยู่ การแปรผันของอุณหภูมิ และความชื้น เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ในทุกกระบวนการผลิต รวมถึง การเก็บรักษาวัตถุดิบอาหารสัตว์ การบด และการหยุดการผลิต เอื้ออำนวยให้ระบบเมตาโบลิซึมของเชื้อ ซัลโมเนลลา และเชื้อจุลชีพต่างๆ ที่หลับไหลอยู่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นใหม่ และเพิ่มจำนวน อุณหภูมิ และความชื้นที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้สารอาหารสำหรับเชื้อจุลชีพเข้าถึงได้ง่ายขึ้นระหว่างกระบวนการบด เปิดไปสู่ตำแหน่งที่เชื้อจุลชีพเข้าถึงได้อย่างมีประสิทธิภาพ แบ่งเซลล์เพิ่มจำนวน และปนเปื้อนข้ามไปสู่กระบวนการผลิตอาหารสัตว์ขึ้นตอนตางๆ ดังภาพที่ ๑ แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของระดับเชื้อกลุ่ม เอนเทอโรแบคเทอริอีซิอี เป็นหน่วยซีเอฟยู (Colony-forming unit) ในขั้นตอนก่อน และหลังการบด

ผลกระทบที่เป็นอันตราย

หากเชื้อจุลชีพสามารถเข้าถึงสารอาหารได้สำเร็จระหว่างกระบวนการบด ก็จะเกิดการเสื่อมคุณภาพของสารอาหาร และส่งผลกระทบต่อคุณภาพอาหารสัตว์ ขณะที่ สารอาหารเสื่อมคุณภาพลง เชื้อจุลชีพใช้สารอาหารต่างๆสำหรับการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนจนกระทั่งไม่เหลือให้ใช้ประโยชน์ต่อไปได้ จึงส่งผลให้คุณค่าทางโภชนาการของอาหารสัตว์ลดลง

ตัวอย่างเช่น ข้าวโพด การสูญเสียสารอาหารจากเชื้อจุลชีพจากการเสื่อมคุณภาพอาหารสัตว์เกิดขึ้นราวร้อยละ ๗ ของน้ำหนักอาหารสัตว์รวมทั้งหมด ในเวลาเดียวกัน การเพิ่มอุณหภูมิ และความชื้นอาจโน้มนำให้เกิดเชื้อรา ยีสต์ และระดับเชื้อกลุ่ม เอนเทอโรแบคเทอริอีซิอี เพิ่มขึ้นสูงสุดทันที กลายเป็นความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอาหารต่อไปได้

เครื่องมือจัดการความเสี่ยงของการปนเปื้อนซ้ำ

วิธีการแก้ไขปัญหาที่อาจช่วยลดความเสี่ยง และการเจริญเติบโตของเชื้อจุลชีพอย่าง ซัลโมเนลลา มีหลายวิธี วิธีที่นิยมมากที่สุดคือ เทคนิคการบำบัดด้วยไฮโดรเทอร์มัล ในกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน โดยให้ความร้อน และความชื้นลงในอาหารสัตว์ก่อนการอัดเม็ด ภาพที่ ๒ แสดงให้เห็นถึงผลของการเพิ่มความชื้นที่อุณหภูมิสูงกว่า ๑๐๐ องศาเซลเซียสต่อการลดระดับของเชื้อ ซัลโมเนลลา หน่วยเป็นซีเอฟยูต่อกรัม

เพื่อสร้างความมั่นใจว่า เชื้อ ซัลโมเนลลา และจุลชีพอื่นๆลดลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องให้อุณหภูมิที่ถูกต้อง และเวลาที่เหมาะสม ตารางที่ ๑ แสดงเวลาที่ลดลงเป็นหน่วยทศนิยม เรียกว่า "ค่าดี (D values)" ที่ใช้สำหรับกำจัดเชื้อ ซัลโมเนลลา เป็นหน่วยซีเอฟยูต่อกรัมได้ร้อยละ ๙๐ ในการผลิตอาหารไก่เนื้อระยะแรก หมายความว่า วิธีนี้มีประสิทธิภาพ อุณหภูมิในขั้นตอนการคอนดิชันนิ่งต้องสูงเพียงพอ และมีระยะเวลาที่นานเพียงพอด้วย

การเติมกรดอินทรีย์

 นอกเหนือจากข้อปฏิบัติที่ดีทั้งก่อน และระหว่างกระบวนการผลิตอาหารสัตว์ ผู้จัดการคุณภาพโรงงานอาหารสัตว์ และฟาร์ม ควรมีมาตรการควบคุมการปนเปื้อนซ้ำภายหลังใช้เทคนิคการบำบัดด้วยไฮโดรเทอร์มัล วิธีที่ดีที่สุดที่ช่วยลดความเสี่ยงการปนเปื้อนซ้ำ ร่วมกับการใช้เทคนิคการบำบัดด้วยไฮโดรเทอร์มัล ได้แก่ การใช้กรดอินทรีย์ และสารลดแรงตึงผิว ที่ออกฤทธิ์ส่งเสริมกัน การใช้กลยุทธ์บูรณาการวิธีการเหล่านี้ สามารถช่วยลดการสูญเสียความชื้น ที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิตอาหาร และยังเป็นวิธีการถนอมคุณภาพอาหารสัตว์ที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อรา ยีสต์ และเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม เอนเทอโรแบคเทอริซิอี ได้ด้วย

กรดอินทรีย์ และสารลดแรงตึงผิวที่ยังคงฤทธิ์อยู่ได้ ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลชีพเป็นเวลานาน เมื่อใช้กับวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สำคัญ เช่น ข้าวโพด กากถั่วเหลือง หรืออาหารสำเร็จรูป การผสมสารลดแรงตึงผิวได้ด้วยช่วยให้กรดอินทรีย์ออกฤทธิ์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยการลดแรงตึงผิว ช่วยให้การดูดซึม และการกระจายตัวในอาหารสัตว์ดีขึ้น

กลยุทธ์ดั้งเดิมที่นิยมใช้สำหรับป้องกันการปนเปื้อนซ้ำด้วยฟอร์มัลดีไฮด์ แม้ว่า ฟอร์มัลดีไฮด์ จะสามารถออกฤทธิ์ได้นาน และเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงมากสำหรับการกำจัดเชื้อจุลชีพปนเปื้อนในอาหารสัตว์ แต่ได้ถูกห้ามใช้ไปแล้ว เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัยต่อผู้ปฏิบัติงาน ต่างจากกรดอินทรีย์ และสารลดแรงตึงผิวที่มีความปลอดภัย ฟอร์มัลดีไฮด์เป็นสารก่อมะเร็งที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมนุษย์ ด้วยเหตุนี้หลายประเทศจึงสั่งห้ามใช้ฟอร์มัลดีไฮด์ในอาหารสัตว์ นอกจากนั้น นักวิจัยยังแนะนำว่า ฟอร์มัลดีไฮด์ส่งผลกระทบทางลบต่อการผลิตไก่เนื้อได้อีกด้วย โดยเฉพาะ อัตราการเจริญเติบโต และประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหาร

กลยุทธ์การบูรณาการใช้กรดอินทรีย์ และสารลดแรงตึงผิวรวมกัน ช่วยเพิ่มสุขอนามัยอาหารสัตว์ และเสริมความแข็งแกร่งตามธรรมชาติของระบบทางเดินอาหาร เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรียแกรมลบในระบบทางเดินอาหารส่วนต้น โดยสามารถป้องกันไม่ให้อาหารสัตว์ปนเปื้อนซ้ำอีกที่ฟาร์ม และช่วยถนอมคุณภาพทั้งวัตถุดิบ และอาหารสัตว์สำเร็จรูปได้เป็นเวลานานอีกด้วย โดยมีประสิทธิภาพทัดเทียมกับฟอร์มัลดีไฮด์

ความปลอดภัยอาหารเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุด

แม้ว่า การบำบัดด้วยความร้อน ร่วมกับการใช้กรดอินทรีย์ และสารลดแรงตึงผิวจะให้ผลดีกับการแก้ปัญหาความเสี่ยงต่อเชื้อจุลชีพ เช่น ซัลโมเนลลา  แต่ก็ไม่ใช่ยาครอบจักรวาล จัดการได้เบ็ดเสร็จ การปนเปื้อนซ้ำของเชื้อจุลชีพสามารถเกิดได้ตลอดเวลา ทั้งก่อน ระหว่าง และภายหลังการผลิตอาหารสัตว์ แผนด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพยังเป็นสิ่งจำเป็นในโรงงานอาหารสัตว์ และฟาร์มเลี้ยงสัตว์ และควรมีการประเมินด้านอื่นๆ เช่น คุณภาพของวัตถุดิบอาหารสัตว์ สำรวจหาชุดวิกฤติตลอดห่วงโซ่การผลิต เข้มงวดด้านสุขอนามัยในแต่ละขั้นตอนของการผลิตอาหารสัตว์ การบำบัดด้วยเทคนิคไฮโดรเทอร์มัล ร่วมกับการใช้กรดอินทรีย์ และสารลดแรงตึงผิว ที่ช่วยส่งเสริมฤทธิ์ทำงานร่วมกันได้ เป็นกลวิธีหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนความปลอดภัยของอาหารสัตว์ โดยเฉพาะ ความเสี่ยงของเชื้อ ซัลโมเนลลา ที่อาจฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ได้ ทั้งนี้ก็มีเป้าหมายสุดท้ายก็เพื่อให้เกิดความปลอดภัยของอาหารสำหรับผู้บริโภค



เอกสารอ้างอิง

van Houte G. 2010. Reducing the risk of salmonella re-contamination in feed. [Internet]. [Cited 2020 Apr 20]. Available from: https://www.poultryworld.net/Health/Articles/2020/4/Reducing-the-risk-of-salmonella-re-contamination-in-feed-566977E/



ภาพที่ ๑ เมื่อสภาวะที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเชื้อจุลชีพเกิดขึ้นที่ระยะใดของกระบวนการผลิตอาหาร เชื้อกลุ่มเอนเทอโรแบคเทอริซิอี เช่น ซัลโมเนลลา สามารถเป็นอันตรายต่อทั้งสัตว์ที่กินอาหารปนเปื้อน และมนุษย์ที่บริโภคเนื้อสัตว์ปีกได้ (แหล่งภาพ Jan Willem van Vliet)  



วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ส่งออกยูเครนทรุดจากทั้งหวัดนก และโควิด ๑๙


บริษัทชั้นนำในยูเครน เอ็มเอชพี (MHP) ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากอุปสรรคการส่งออก หลังวิกฤติการณ์โรคไข้หวัดนก และโควิด ๑๙ พร้อมกัน บริษัทผู้ผลิตสัตว์ปีกที่ใหญ่ที่สุดในยูเครนมียอดการส่งออกลดลงในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เนื่องจากการระบาดของโรคไข้หวัดนกในเมือง Vinnitsa Oblast แม้ว่า ผลกระทบจากโรคต่อการส่งออกผ่อนคลายลงแล้วในปัจจุบัน หลังจากสถานการณ์ของโรคถูกควบคุมไว้ได้ แต่ก็ถูกโรคโควิด ๑๙ ส่งผลลบต่อการส่งออกในไตรมาสที่ ๒ ของปี พ.ศ. ๒๕๖๓

โรคไข้หวัดนกทำให้ยูเครนถูกจำกัดการจำหน่ายสินค้าโดยอียู และรัฐบาล MENA ทำให้บริษัทเอ็มเอชพีต้องหันไปจำหน่ายสินค้าไปยังประเทศที่ยังคงเปิดโอกาสให้ส่งออกไปได้บ้าง นับเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของบริษัทมาก เอ็มเอชพียังคงดำเนินการไปตามกลยุทธ์สร้างความหลากหลายมากขึ้นสำหรับการส่งออกให้ได้มากที่สุด

การจำหน่ายสินค้าเนื้อสัตว์ปีกในไตรมาสแรกของปี

ช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เอ็มเอชพีส่งออกได้ ๘๒,๐๔๘ ตัน ต่ำลงร้อยละ ๑๒ จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับเป็นการตกต่ำลงอย่างมากสำหรับยอดการส่งออกของยูเครน ปริมาณการส่งออกเป็นสัดส่วนร้อยละ ๕๒ ของยอดการจำหน่ายเนื้อสัตว์ปีกทั้งหมดในไตรมาสแรกของปี พ.ศ. ๒๕๖๓ เปรียบเทียบกับร้อยละ ๕๗ ในไตรมาสแรกของปีก่อนหน้านี้ พื้นที่ควบคุมโรคส่วนใหญ่ยกเลิกไปแล้ว ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา เอ็มเอชพีได้เพิ่มปริมาณการผลิตเต็มที่เหมือนเดิมแล้ว

โควิด ๑๙ ทำลายการส่งออกสินค้าเกษตรฯของยูเครน

แม้ว่า ความเสี่ยงจากโรคไข้หวัดนกคลี่คลายลงแล้ว แต่ธุรกิจก็ไม่สามารถพลิกกลับไปดีได้เหมือนเดิม มาตรการกักกันโรคของยูเครนเพื่อรับมือกับโรคระบาดในมนุษย์ โควิด ๑๙ ได้ซ้ำเติมสถานการณ์ของอุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปีกยูเครนให้แย่ลงไปอีก เนื่องจาก การควบคุมการขนส่งสินค้าด้านการเกษตร และอาหาร   

ทั้งช่องทางการนำเข้า และส่งออกเป็นอุปสรรค เนื่องจาก มาตรการล็อกดาวน์ตามพรมแดน ปัญหาการขนส่งทำให้ไม่สามารถนำสินค้าออกสู่ตลาดได้ ยอดการส่งออกตกลงร้อยละ ๑๐ เนื่องจาก การระบาดของโควิด ๑๙ เจ้าของบริษัทด้านการเกษตรกรรมในยูเครนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากอย่างมากในการรักษาการผลิตตามปรกติ และส่งผลต่อทั้งคุณภาพของสินค้า และประสิทธิภาพการผลิต ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ปีกอาจได้ประโยชน์จากปัญหาที่เกิดขึ้นได้ในตลาดอาหารภายในประเทศ สิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจเลวร้ายเช่นนี้ ทำให้พลเมืองยูเครนเปลี่ยนแหล่งอาหารโปรตีนที่ราคาถูกลง หมายความว่า ผู้บริโภคในยูเครนจะเลือกซื้อเนื้อแดงลดลง และหันไปซื้อเนื้อสัตว์ปีกแทน บริษัทขนาดเล็กอาจจะไม่ได้รับอานิสงส์จากมาตรการกักกันโรค เนื่องจาก ตลาดจำหน่ายอาหาร และตลาดนัดต่างๆปิดลงทั่วประเทศ



เอกสารอ้างอิง

Vorotnikov V. 2020. MHP poultry exports hit by both AI and Covid-19. [Internet]. [Cited 2020 Apr 19]. Available from: https://www.poultryworld.net/Meat/Articles/2020/5/MHP-poultry-exports-hit-by-both-AI-and-Covid-19-585769E/

ภาพที่ ๑  การผลิตของบริษัทเอ็มเอชพีหวังว่าจะฟื้นตัวขึ้นหลังสถานการณ์โรคไข้หวัดนกคลี่คลาย แต่ถูกโรคโควิด ๑๙ ดับความหวังลงในปัจจุบัน  (แหล่งภาพ MHP)

วัคซีนหวัดนก ความจริงที่ถูกกลบด้วยความกลัว

  ดร.เดวิด สเวย์น กล่าวว่าจำเป็นต้องมี “การเปลี่ยนกรอบความคิด” เพราะในความเป็นจริง สัตว์ปีกที่ได้รับวัคซีนมีความปลอดภัยมากกว่าสัตว์ปีกที่ไม่...