ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา
ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่หลายชนิดที่มีการจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
ซูเปอร์มาร์เก็ตในเนเธอร์แลนด์ที่จำหน่ายเนื้อไก่โตเร็วที่เลี้ยงในฟาร์มเชิงพาณิชย์ทั่วไปยากที่จะหาซื้อได้อีกต่อไปแล้ว
องค์กรซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อว่า Central bureau of
foddstuffs (CBL) เคยแสดงวิสัยทัศน์ไว้ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. ๒๐๑๓
ไว้ว่า “ผลิตภัณฑ์เนื้อไก่อีกหลากหลายชนิดจะเข้าสู่ซูเปอร์มาร์เก็ตในเนเธอร์แลนด์”
การหารือระหว่างผู้ประกอบการผลิตเนื้อไก่ โรงเชือด
ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ในช่วงเวลานั้นได้ประกาศ
ช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคไก่ของวันพรุ่งนี้บนชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตยุโรปจะต้องเกิดขึ้นในปี
ค.ศ. ๒๐๒๐ เป็นอย่างช้า แสดงให้เห็นถึง
ความต้องการของผู้บริโภคในมุมมองด้านสวัสดิภาพสัตว์ โดยการใช้พันธุ์ไก่โตช้า
พื้นที่การเลี้ยงไก่ในโรงเรือนมากขึ้น การกำหนดเวลากลางวัน
และกลางคืนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมตามธรรมชาติของสัตว์ และการจัดอุปกรณ์ของเล่นไว้ในโรงเรือน
ลดการใช้ยาปฏิชีวนะ และการเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อม เช่น
การเลือกใช้ถั่วเหลืองในอาหารสัตว์ การปลดปล่อยแอมโมเนีย และฝุ่น
และวงจรการบริหารสารเคมีแบบปิด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ภายหลังการเปิดวิสัยทัศน์ไว้ ซูเปอร์มาร์เก็ตเกือบทุกหนทุกแห่ง
ยกเลิกการจำหน่ายเนื้อไก่ที่เลี้ยงแบบโตเร็วอย่างที่เคยปฏิบัติมาเนิ่นนาน
ผู้ประกอบการร้านซูเปอร์มาร์เก็ตปรับเปลี่ยนพร้อมกันหมด
เปลี่ยนแนวความคิดการผลิตไก่ใหม่ โดยใช้ชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปอย่าง Good
Nest Chicken, New Standard Chicken, Slow Growing Chicken, Chicken with Plume
Guarantee, Gildehoen, Aunt Door และ Comfort Chicken เป็นต้น นอกเหนือจาก
สินค้าพรีเมียมสำหรับตลาดพิเศษที่ยกระดับมาตรฐานการเลี้ยงที่สูงขึ้นไปเป็นแบบ extensive
indoor โดยใช้มาตรฐาน Better Life 1 star และไก่อินทรีย์โดยใช้มาตรฐาน
(Better Life 3 stars)
เมื่อต้นปี ค.ศ. ๒๐๑๕ องค์กรต่อต้านการผูกขาดตลาด
ตัดสินว่าข้อตกลงระหว่างผู้ประกอบการร้านซูเปอร์มาร์เก็ต และผู้ผลิตเนื้อไก่ว่า
ด้วยการผลิตไก่ของวันพรุ่งนี้ ขัดแย้งกับข้อห้ามเรื่องการผูกขาดทางธุรกิจ
เนื่องจาก ผู้บริโภคยินดีจ่ายสำหรับการผลิตเนื้อไก่อย่างยั่งยืน
แต่ไม่ยอมจ่ายสำหรับการพัฒนาปรับปรุงด้านสวัสดิภาพสัตว์
ตามแนวความคิดการผลิตไก่ของวันพรุ่งนี้ยึดถืออยู่ กลุ่มองค์กรคุ้มครองสิทธิของสัตว์
เวกเกอร์ ไดเออร์ (Wakker
Dier หรือ Awaken Animals) ชื่นชมกับคำตัดสินใจดังกล่าว เนื่องจาก ตั้งแต่เริ่มต้นมาแล้ว องค์กรฯนี้
เห็นว่าแนวความคิดไก่ของวันพรุ่งนี้ยังเป็นแผนปฏิบัติที่ยังไม่ดีเพียงพอที่จะไปทดแทนการเลี้ยงไก่โตเร็ว
หรือไก่พลอฟคิป ไก่ระเบิดที่เป็นวาทกรรมรณรงค์ต่อต้านการเลี้ยงไก่โตเร็วอย่างต่อเนื่องตลอดมา
ตามแนวความคิดดังกล่าว ยังไม่ครอบคลุมด้านสวัสดิภาพสัตว์ จนกระทั่งปี ค.ศ. ๒๐๑๖
ผู้ประกอบการร้านซูเปอร์มาร์เก็ตก็เปลี่ยนไปยอมรับแนวความคิดขององค์กรฯ
ดังกล่าวในที่สุด
ซูเปอร์มาร์เก็ตเกือบทุกแห่งปรับเปลี่ยนสินค้าพื้นฐานที่จัดวางบนชั้นแสดงสินค้าในร้าน
โดยเริ่มจากการจำหน่ายสินค้าตามแนวความคิดของไก่ของอนาคตแบบดั้งเดิม
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. ๒๐๑๔ ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์ Albert Heijin ได้สร้างความแปลกประหลาดใจให้กับทุกคน เพื่อนำสินค้าใหม่ New AH
Chicken นับเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายแรกที่เริ่มต้นก่อนรายใดๆ
จนกระทั่ง ซูเปอร์มาร์เก็ตรายอื่นๆพยายามทำตามบ้าง เนื่องจาก
ความต้องการสินค้าลักษณะดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น
การเลี้ยงไก่ตามแนวความคิดไก่ของอนาคตแบบดั้งเดิมจะมีอัตราการเจริญเติบโตสูงที่สุด
๕๐ กรัมต่อวัน ความหนาแน่นการเลี้ยง ๓๘ กิโลกรัมต่อตารางเมตร
และกำหนดให้ใช้ก้อนฟางเป็นของเล่นไว้ในโรงเรือน
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. ๒๐๑๔ ผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายต่อมา
Jumbo เริ่มใช้มาตรฐานใหม่ New Standard Chicken ที่สูงกว่ามาตรฐานพื้นฐานของแนวความคิดการเลี้ยงไก่ของอนาคต
โดยอัตราการเจริญเติบโตต่อวันราว ๔๕ กรัม ขณะที่ ไก่เนื้อโตเร็วตามปรกติเป็น ๖๐
ถึง ๖๕ กรัม ความหนาแน่น ๓๐ กิโลกรัมต่อตารางเมตร ขณที่ไก่เนื้อโตเร็วตามปรกติเป็น
๔๒ กิโลกรัมต่อตารางเมตร โดยมาตรฐาน New Standard Chicken
กำหนดให้ต้องมีแสงแดงส่องถึงได้ในโรงเรือน และโปรยเมล็ดธัญพืชให้ไก่จิกกินเล่นได้
นับตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. ๒๐๑๖ เป็นต้นมา
เนื้อไก่โตเร็วตามปรกติก็ไม่มีจำหน่ายในร้านซูเปอร์มาร์เก็ตสองรายใหญ่ที่สุดในประเทศเนเธอร์แลนด์อีกต่อไป
การบริโภคไก่ในประเทศเนเธอร์แลนด์เกือบครั้งหนึ่งไม่ใช่ไก่โตเร็วข้ามคืนอีกต่อไป
ไก่โตเร็ว หรือไก่พลอฟคิป ไก่ระเบิด
หรือไก่พองลม หมายถึง การเลี้ยงไก่เนื้อโตเร็วตามปรกติที่นิยมเลี้ยงกันทั่วโลก
ปลายปี ค.ศ. ๒๐๑๗ เป็นต้นมา
ซูเปอร์มาร์เก็ตในประเทศเนเธอร์แลนด์ส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสให้ผู้บริโภคได้เลือกอีกแล้วว่าจะซื้อไก่เนื้อโตเร็ว
หรือไก่เนื้อที่มุ่งเน้นสวัสดิภาพสัตว์ จะมีแต่สินค้าเนื้อไก่ที่ผ่านมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสัตว์เท่านั้นที่วางจำหน่ายบนชั้นวางสินค้า
สินค้าเนื้อไก่ที่มีคุณภาพดีขึ้น
และใช้ยาปฏิชีวนะลดลง
นอกเหนือจาก
สวัสดิภาพสัตว์ที่ดี การเลี้ยงไก่เนื้อให้มีความสุข ปราศจากความทุกข์ทรมานทั้ง ๕
ตามหลักการสวัสดิภาพสัตว์ ได้แก่ ปราศจากความหิว/กระหาย
ปราศจากความทุกข์กาย ปราศจากความเจ็บปวดหรือเจ็บป่วย
อิสรภาพในการแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ และปราศจากความกลัว
สัตว์จึงไม่ต้องประสบความทุกข์ทรมานตลอดการเลี้ยงในฟาร์ม
ผู้ประกอบการยังได้ประโยชน์จากคุณภาพของเนื้อไก่เป็นผลพลอยได้
ปัญหาคุณภาพเนื้อไก่พบได้เสมอในการเลี้ยงไก่โตเร็วตามปรกติ แต่การเลี้ยงไก่โตช้า
ปัญหาคุณภาพเนื้อไก่แทบจะไม่ปรากฏให้เห็นเลย ปัญหาโลกแตกที่แก้ไม่ตกมาหลายปี
พยายามค้นหาวิธีแก้ไขอย่างกล้ามเนื้ออกแข็งเหมือนไม้ กล้ามเนื้อลายเป็นทางสีขาว
หรือกล้ามเนื้อยุ่ยเป็นเส้นสปาเก๊ตตี้
เห็นเส้นใยกล้ามเนื้อฉีกเป็นชิ้นๆก็จะค่อยๆคลี่คลายหายไป
โดยไม่ต้องเสียเวลาวิจัยอีกต่อไป ยิ่งปัญหาสำคัญของยาปฏิชีวนะตกค้าง
สร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงด้านสุขภาพที่ทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา
ซึ่งเป็นผลมาจากการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อทั้งในมนุษย์ และสัตว์
ความต้องการของตลาดเนื้อไก่ที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก
ฟาร์มเลี้ยงไก่โตช้าอาจเป็นทางออกที่ช่วยใช้ยาปฏิชีวนะถูกใช้ลดลง
หรือไม่ต้องใช้อีกต่อไปเลย
เนื้อไก่โตเร็วหายไปจากชั้นวางสินค้า
องค์กรด้านสวัสดิภาพสัตว์อย่างเวกเกอร์ ไดเออร์
กระตือรือร้นมากให้ยกเลิกการวางสินค้าเนื้อไก่โตเร็ว หรือไก่ระเบิด หรือไก่พองลมจากชั้นจำหน่ายสินค้าอาหารสดในซูเปอร์มาร์เก็ต
ต่อไปเนื้อไก่แปรรูปก็จะต้องคล้อยตามกันไป โดย Jumbo และ Albert
Heijn นำร่องไปก่อนแล้ว แต่ก็ยังมีร้านจำหน่ายสินค้ารายย่อย เช่น Emté
และ Jan Linders ยังไม่ได้เลิกขายเนื้อไก่โตเร็ว
แต่เชื่อว่าในไม่ช้าร้านค้าเหล่านี้ก็ต้องถูกกระแสกดดันให้ต้องปฏิบัติตามต่อไป
ตอนนี้ก็ประสบความสำเร็จไปได้ครึ่งทางแล้วสำหรับการรณรงค์ด้านสวัสดิภาพสัตว์
อย่างการทำร้ายสัตว์ การทารุณสัตว์ ลดลงไปมาก
การเปลี่ยนผ่านที่รวดเร็ว
การเปลี่ยนผ่านของสินค้าเนื้อไก่จากไก่โตเร็วกลายเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆหลายชนิดในตลาดไก่โตช้า
ส่งผลต่อขั้นตอนการผลิตตลอดห่วงโซ่ รวมถึง สายพันธุ์ไก่
สายพันธุ์ฮับบาร์ดมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายครอบคลุมเกือบทุกมาตรฐานการผลิตไก่โตช้า ขณะเดียวกัน
บริษัทผู้ผลิตสายพันธุ์อื่นๆรายใหญ่ เช่น รอส และคอบบ์
ก็กำลังมองตลาดไก่โตช้านี้อยู่อย่างใกล้ชิด
จำนวนไก่โตช้าที่เข้าเชือดในประเทศเนเธอร์แลนด์ราว ๒.๗
ล้านตัวต่อสัปดาห์ ครอบคลุมร้อยละ ๙๐ ของยอดจำหน่ายไก่ในซูเปอร์มาร์เก็ต
สำหรับตลาดเนื้อสด ซูเปอร์มาร์เก็ตในเนเธอร์แลนด์ยังต้องการไก่เนื้อราว ๓
ล้านตัวต่อสัปดาห์ แสดงว่า แนวโน้มปริมาณความต้องการเริ่มทรงตัว
หลังจากเพิ่มเป็นกราฟเส้นตรงมาต่อเน่องสองปี คาดว่าร้อยละ ๒๐
ของไก่เนื้อโตช้าจำนวน ๒.๗ ล้านตัวใช้มาตรฐานที่สูงกว่า Better Life 1 ดาว ที่เหลืออีกร้อยละ ๘๐ เป็นมาตรฐานใหม่ที่แต่ละซูเปอร์มาร์เก็ตกำหนดไว้เอง
องค์กรด้านสวัสดิภาพสัตว์เวกเกอร์
ไดเออร์คิดว่า เนื้อไก่ในซูเปอร์มาร์เก็ตทั้งหมดจะได้นมาตรฐานที่สูงกว่า Better
Life 1 ดาวในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ ฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อ
หนึ่งในสามจากฟาร์มทั้งหมด ๕๐๐ แห่งทั่วประเทศในเนเธอร์แลนด์หันมาเลี้ยงไก่โตช้าแล้ว
นับตั้งแต่การนำกระแสไก่ของวันพรุ่งนี้ (Kip van Morgen, Chicken of
Tomorrow) เข้ามา ผู้บริโภคคาดหวัง
และพร้อมที่จะจ่ายให้กับเนื้อไก่ที่ได้รับมาตรฐานด้านสวัสดิภาพสัตว์อย่างใดอย่างหนึ่งอย่างน้อยก็สักดาวหนึ่งก็ยังดี
แรงขับดันจากความต้องการตลาด
ปัจจุบัน การผลิต
และความต้องการของตลาดสำหรับเนื้อไก่โตช้าสำหรับซูเปอร์มาร์เก็ตในเนเธอร์แลนด์
สอดรับกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการผลิตไก่เนื้อบางรายก็ยังคงลังเลใจ
เพราะราคาของเนื้อไก่โตช้าสูงกว่าปรกติมาก การปรับเปลี่ยนการเลี้ยงใหม่ก็เป็นเรื่องใหญ่มากตั้งต้นตั้งแต่ฟาร์มไก่พันธุ์ไปจนถึงไก่เนื้อ
ตลาดไก่เนื้อโตช้าประเทศอื่นๆ
ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนประเทศอื่นๆใดในโลกที่มีการหมุนกลับตัวจากเนื้อไก่โตเร็วตามปรกติเป็นเนื้อไก่โตช้าบนชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต
ในประเทศอื่นๆก็กำลังปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน
แต่คงยังไม่รวดเร็วเท่าเนเธอร์แลนด์ได้อีกแล้ว
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเนเธอร์แลนด์เกิดจากแรงกดดันขององค์กรไม่แสวงหารายได้อย่างเวกเกอร์
ไดเออร์ที่หันไปรณรงค์กับผู้ประกอบการค้าปลีก และโรงเชือด เชื่อได้ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในประเทศอื่นๆ
ยกตัวอย่างในอังกฤษ ความต้องการเนื้อไก่ดังกล่าวเริ่มต้นมา ๑๕ ปีแล้ว แต่ยอดจำหน่ายในตลาดยังคงมีสัดส่วนเพียงร้อยละ
๑๐ เท่านั้น อัตราการเติบโตยังคงนิ่งมากในเวลานี้ เช่นเดียวกับในฝรั่งเศส ร้อยละ
๔๐ ของตลาดเป็นเนื้อไก่โตช้า ยิ่งในประเทศอื่นๆผู้บริโภคยังยากที่จะจ่ายให้กับเนื้อไก่โตช้า
ตลาดเนื้อไก่โตช้าจะเกิดขึ้นได้เฉพาะในประเทศพัฒนาแล้วที่ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญต่อสวัสดิภาพสัตว์
เอกสารอ้างอิง