การศึกษาในประเทศอินเดียเผยให้เห็นผลเสียของการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อในอุตสาหกรรมการเลี้ยงไก่ทำให้เกิดภาวะดื้อยาในชาวอินเดียจนกระทั่งไม่สามารถใช้สำหรับการรักษาทางการแพทย์ได้
การศึกษาที่ศูนย์วิทยาศาสตร์
และสิ่งแวดล้อมแห่งอินเดีย (CSE) ในห้องปฏิบัติการตรวจติดตามมลภาวะโดยใช้ตัวอย่างจากไก่จำนวน
๗๐ ตัวอย่างจากแถบ Delhi-NCR สำหรับยาปฏิชีวนะที่นิยมใช้กัน
ได้แก่ อ๊อกซีเตตราซัยคลิน คลอเตตราซัยคลิน ด๊อกซีซัยคลิน เอ็นโรฟล็อกซาซิน
ซิโปรฟล๊อกซาซิน และนีโอมัยซิน พบยาตกค้างในตัวอย่างเนื้อไก่
ปัจจุบัน ยาปฏิชีวนะที่จำเป็น
และมีความสำคัญทางการแพทย์ถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมสัตว์ปีก
ในประเทศอินเดียจึงเกิดปรากฏการณ์เชื้อดื้อยากลุ่มฟลูออโรควิโนโลน เช่น
ซิโปรฟล็อกซาซิน เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้การรักษาโรคติดเชื้อ ปอดอักเสบ
และวัณโรคด้วยยากลุ่มฟลูออโรควิโนโลนเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจาก
เชื้อจุลชีพที่เป็นสาเหตุของโรคมีการพัฒนาความต้านทานต่อยากลุ่มนี้
จึงมีการศึกษาผลของการใช้ยาปฏิชีวนะโดยปราศจากการควบคุมโดยอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ปีก
เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของไก่ และการเพิ่มน้ำหนัก จนถึงตอนนี้ โรคติดเชื้อทั่วไปยังยากต่อการรักษา
และยาปฏิชีวนะไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป เนื่องจาก เชื้อดื้อยาเพิ่มขึ้น
การศึกษาพบว่า ๔๐ เปอร์เซ็นต์ของตัวอย่างที่ตรวจสารตกค้างเป็นบวก นอกจากนั้น ๑๗
เปอร์เซ็นต์ยังพบการตกค้างของยามากกว่าหนึ่งชนิด ขณะนี้ CSE ได้เสนอให้รัฐบาลอินเดียแบนการใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับเป็นสารเร่งการเจริญเติบโตในอุตสาหกรรมสัตว์ปีกแล้ว
ในปัจจุบัน
ประเทศอินเดียไม่มีกฏระเบียบเพื่อควบคุมการใช้ยาปฏิชีวนะในอุตสาหกรรมสัตว์ปีก
หรือควบคุมการจำหน่ายยาปฏิชีวนะในอุตสาหกกรม
แหล่งที่มา: WORLD POULTRY (1/8/14)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น