วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กรดใน GI ทำให้เกิด Metabolic acidosis

อาหารตะวันตกมีผลไม้ และผักน้อย แต่อุดมไปด้วยผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ จึงเกิดการสะสมของสารประจุบวกที่ไม่สามารถเมตาโบไลซ์ได้ (Non-metabolizable anions) และเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้เกิดความเป็นกรดภายในร่างกาย (Metabolic acidosis) และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามวัย เนื่องจาก การทำงานของไตที่มีประสิทธิภาพลดลง เพื่อเป็นการตอบสนองต่อสภาวะความเป็นกรดในร่างกาย ไตจึงพยายามใช้กลไกชดเชยเพื่อรักษาความสมดุลของกรด และเบส เช่น การขับสารประจุบวกที่ไม่สามารถเมตาโบไลซ์ได้ การอนุรักษ์ซิเตรต และการส่งเสริมให้สร้างแอมโมเนียจากไต รวมถึง การขับไอออนของแอมโมเนียมออกทางปัสสาวะ กระบวนการปรับตัวเหล่านี้ส่งผลให้ pH ลดลงอีก และเหนี่ยวนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบปัสสาวะ รวมถึง ภาวะซิเตรตในปัสสาวะต่ำ (Hypocitraturia) แคลเซียมในปัสสาวะสูง (Hypercalciuria) และมีการสูญเสียไนโตรเตน และฟอสเฟตออกมากขึ้น ระดับ pH ในปัสสาวะที่ต่ำลงยังเป็นสาเหตุโน้มนำให้เกิดการสร้างก้อนนิ่วของกรดยูริกเพิ่มขึ้นอีกด้วย  
ภาวะซิเตรตในปัสสาวะต่ำ และภาวะแคลเซียมในปัสสาวะสูง เป็นปัจจัยที่มีความเสี่ยงสำหรับการโรคนิ่วจากแคลเซียม แม้ว่าจะมีระดับความเป็นกรดในเลือดเล็กน้อยก็ยังสามารถเหนี่ยวนำให้กล้ามเนื้อลายดื้อต่อการออกฤทธิ์ของอินซูลิน และปริมาณกรดในอาหารยังมีความสำคัญต่อการทำนายความผิดปรกติของระบบเมตาโบลิซึม และความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และหลอดเลือดในประชากร ผู้ที่น้ำหนักเกิน และอ้วน เบาหวาน และไตล้มเหลวเรื้อรัง
ปริมาณอาหารที่มีความเป็นกรดสูงยังส่งผลให้เกิดโรคเบาหวาน และความดันสูง และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และหลอดเลือดอื่นๆอีกด้วย

ผลการศึกษาเร็วๆนี้ ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างภาวะดื้ออินซูลิน และเครื่องหมายบ่งชี้ความเป็นกรดในร่างกาย รวมถึง ไบคาร์โบเนตในซีรัมต่ำ ภาวะซิเตรตในปัสสาวะต่ำ และ pH ในปัสสาวะต่ำ เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วิวัฒนาการเชื้อไวรัสนิวคาสเซิล

  ขณะที่ วัคซีนช่วยลดอุบัติการณ์และความรุนแรงของโรคนิวคาสเซิล การระบาดก็ยังพบได้อยู่ โดยมีอัตราการตายสูง และกำจัดสัตว์ที่ติดเชื้อ มีผลกระทบเ...