วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

โรคกระดูกอ่อนในสัตว์ปีกต่างแดน ณ คานาดา

โรคกระดูกอ่อนเป็นปัญหาทางโภชนาการที่ส่งผลต่อความผิดปรกติของกระดูก มีโอกาสพบได้บ่อยมากในสัตว์ปีกที่เลี้ยงหลังบ้าน และสัตว์ปีกชนิดอื่นๆ สัตว์ปีกทุกชนิด โดยเฉพาะ สัตว์ปีกที่เลี้ยงให้เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือใช้เศษอาหารตามบ้านเลี้ยงสัตว์ปีกหลังบ้าน

ปัญหาโรคกระดูกอ่อนในคานาดา
               ความผิดปรกติของกระดูกจากปัญหาโภชนาการในคานาดาพบได้บ่อยในสัตว์ปีกที่ไม่ได้เลี้ยงด้วยอาหารสำเร็จรูป ยิ่งพบได้บ่อยมากในนกสูงยาวเข่าดีอย่างนกกระจอกเทศ และอีมู เพราะอัตราการเจริญเติบโตรวดเร็ว และดุดันเสียเหลือเกิน รวมถึงสูตรอาหารแบบเชน เชน  
               สูตรอาหารสำเร็จรูปที่มีการจำหน่ายเชิงพาณิชย์มีความสมดุลของโปรตีน พลังงาน วิตามิน และเกลือแร่ เป็นอย่างดี โดยคำนวณให้เหมาะสมตามชนิดของสัตว์ อายุ ตามความต้องการพื้นฐานสำหรับสัตว์ขณะที่มีการเจริญเติบโต และพัฒนาการ สูตรอาหารแบบบ้านๆ มักให้สัตว์กินเมล็ดธัญพืชเต็มเมล็ด หรือเศษเมล็ดธัญพืช โดยทั่วไปแล้ว ความสมดุลทางโภชนาการก็มักบกพร่องไปบ้าง โดยเฉพาะ ปริมาณแคลเซียม และวิตามิน โดยเฉพาะ วิตามิน ดี ๓ หรือวิตามินเอ การเสียสมดุลของสัดส่วนแคลเซียม และฟอสฟอรัสในอาหารยังมีผลต่อการพัฒนาความผิดปรกติของกระดูก และระดับฟอสฟอรัสที่สูงในอาหารผิดปรกติ แม้ว่าจะมีระดับแคลเซียมเป็นปรกติก็ทำให้เกิดโรคกระดูกได้เช่นเดียวกัน

ลักษณะของโรค
               กระดูกของสัตว์อายุน้อยเจริญเติบโตรวดเร็วมาก สัตว์ปีกที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาก เช่น ไก่เนื้อ และไก่งวง ที่เลี้ยงเชิงพาณิชย์ นกกระจอกเทศ และนกอีมู จะมีความไวรับต่อการเกิดโรคเป็นพิเศษ แคลเซียม และฟอสฟอรัสเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต และความแข็งแรงของกระดูก การดูดซึมแร่ธาตุเหล่านี้ และความสามารถในการรวมเข้าสู่กระดูกที่กำลังเจริญเติบโตขึ้นกับระดับของวิตามินดี ๓ ในร่างกายสัตว์
                 หากสารอาหารเหล่านี้ไม่เพียงพอในอาหารสัตว์ กระดูกก็จะไม่สามารถสะสมแร่ธาตุได้ตามความเหมาะสม และความแข็งแรงของกระดูกก็จะเกิดความบกพร่องได้ เมื่อสัตว์มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น กระดูกก็จะนิ่มเหมือนยาง เนื่องจากการสะสมแร่ธาตุบกพร่อง ดัดให้โค้ง และบิดได้อย่างง่ายดาย รอยโรคนี้สร้างความเจ็บปวดทรมานมาก และสัตว์ก็มักขาพิการ ไม่อยากเดินไปไหน เมื่อสัตว์เจ็บปวดอย่างแสนสาหัส และร่างกายบิดโค้งผิดปรกติก็จะไม่อยากเดินไปกินอาหาร และน้ำ น้ำหนักก็จะลดลง และตายลงในที่สุด
               เมื่อผ่าซากชันสูตร กระดูกก็จะบิด และโค้ง เนื่องจาก เกิดการสะสมแคลเซียมของกระดูกได้ไม่ดี กระดูกจึงงอได้เหมือนยาง หากใช้มีดปาดหัวกระดูกก็จะพบว่า พื้นที่สำหรับการเจริญเติบโตของกระดูกที่เรียกว่า โกรธเพลต (Growth plate) จะกว้างกว่าปรกติ ที่ซี่โครงสังเกตเห็นเป็นเม็ดโปนขึ้นมาเป็นลูกประคำที่ตรงรอยต่ำระหว่างซี่โครง และกระดูกสันหลัง จงอยปากงอได้ง่าย ลองดูต่อมพาราไทรอยด์ที่ปรกติหาดูได้ยากก็จะสังเกตง่ายขึ้น เพราะขนาดที่โตกว่าปรกติ

การรักษา
               การรักษาคือ การแก้ไขสูตรอาหารให้เร็วที่สุดก่อนที่กระดูกที่ผิดปรกติจะรุนแรงจนกลับคืนไม่ได้ การเปลี่ยนอาหารเป็นอาหารสำเร็จรูปที่มีการจำหน่ายเชิงพาณิชย์ให้เหมาะสมตามอายุ และชนิดของสัตว์ปีก รวมถึง การเสริมแคลเซียม เช่น ใช้ไดแคลเซียม/ฟอสเฟต หรือเปลือกหอย โรยบนอาหาร และเติมวิตามินดี ๓ ในน้ำ จดจำไว้ว่า สัตว์ปีกสามารถใช้ได้เฉพาะวิตามินดี ๓ เท่านั้น ไม่ใช่รูปแบบอื่นๆสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม  โดยทั่วไป หากสัตว์ปีกเกิดโรคกระดูกอ่อนจากการเลี้ยงด้วยอาหารบ้านๆ ดังนั้น ก็เชื่อได้ว่า สัตว์น่าจะมีปัญหาขาดวิตามิน และเกลือแร่ชนิดอื่นๆด้วยเช่นกัน การเสริมด้วยวิตามิน และแร่ธาตุจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพไก่มาก
               อาหารที่เหมาะสมต่อชนิด และอายุของสัตว์ปีกมีความสำคัญต่อการเลี้ยงสัตว์ให้มีสุขภาพที่ดี หลีกเลี่ยงการซื้อเศษเมล็ดธัญพืช หรือข้าวโพด การลงทุนโดยใช้อาหารสำเร็จรูป หรือสูตรอาหารที่มีการคำนวณอย่างเหมาะสมจะสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการเจริญเติบโต และสุขภาพสัตว์ที่ดีได้
เอกสารอ้างอิง
Hunter et al. B. 2017. Metabolic bone disease in growing poultry. [Internet]. [Cited 2017 Jul 20].
Available from: https://en.engormix.com/poultry-industry/articles/rickets-metabolic-bone-disease-t40357.htm

ภาพที่ ๑ กลุ่มไก่งวงรุ่นที่เกิดโรคกระดูกอ่อน ทุกตัวยังมีชีวิตดีอยู่ แต่ไม่ยอมยืน และเดิน เนื่องจาก ความเจ็บปวดร้าวรานที่กระดูก (Hunter et al., 2017)      















ภาพที่ ๒ กระดูกซี่โครงจากเป็ดอายุน้อยที่เกิดโรคกระดูกอ่อน สังเกตการงอ และบิดของกระดูกซี่โครง และบริเวณรอยต่อระหว่างกระดูกซี่โครง และกระดูกสันหลังขยายใหญ่ขึ้นผิดปรกติ เรียกรอยโรคนี้ว่า ริคเกตติก โรซารี (Ricketic rosary)”  

ออสซี่ปรับจัดหนักบริษัทใหญ่หลอกขายไข่ แม่ไก่ปล่อยอิสระ

บริษัทยักษ์ใหญ่ไข่ไก่ในออสเตรเลียถูกปรับด้วยราคาแพงหูฉี่กว่า ๑๙.๘ ล้านบาท และศาลมีคำสั่งให้จ่ายเงิน ๗.๙ ล้านบาทรวมแล้วก็เพียง ๒๗ ล้านบาทเท่านั้น แม่ไก่แค่หางกระดิก ภายหลังพบว่า บริษัทกระทำผิดโดยการโฆษณาให้เข้าใจผิดว่า ไข่ที่จำหน่ายมาจากการเลี้ยงปล่อยอิสระ
คณะกรรมด้านการแข่งขันทางการตลาดและคุ้มครองผู้บริโภค (Australian Competition and Consumer Commission (ACCC) ได้ฟ้องร้องบริษัท สโนว์เดล ในออสเตรเลียตะวันตก ภายหลังได้รับการร้องเรียนจากกลุ่มสวัสดิภาพสัตว์เกี่ยวกับการฟาร์มสัตว์ปีกระหว่างเดือนเมษายน ค.ศ. ๒๐๑๑ ถึง ธันวาคม ค.ศ. ๒๐๑๓ จากการเลี้ยงไก่ไข่ในคาราบูดา และในสวอน วัลเลย์ เมืองเพิร์ธ เพื่อผลิตไข่พรีเมียมใช้ชื่อทางการค้าว่า ไข่จากครอบครัวเอลลาห์ (Eggs by Ellah) ที่เลี้ยงแม่ไก่ปล่อยอิสระอย่างมีความสุขสำราญในป่าห้าร้อยเอเคอร์ โดยชื่นชมภาพแม่ไก่กายสีน้ำตาลวิ่งเล่นอย่างมีความสุขบนทุ่งหญ้าเขียวขจี
      ศาลพบว่า ความจริงแล้วฟาร์มดังกล่าวกักกันแม่ไก่ไม่ให้ออกมาเที่ยววิ่งภายนอกเป็นประจำ นอกจากนั้น ความหนาแน่นในการเลี้ยงในโรงเรือนก็แออัดกันแน่น และจำนวนช่องมุดออกจากโรงเรือนก็มีไม่กี่ช่อง ศาลจึงสั่งห้ามไม่ให้บริษัทสโนว์เดลใช้คำว่า ปล่อยอิสระ ในสินค้าไข่ที่จำหน่าย จนกว่าแม่ไก่จะมีโอกาสออกมาเดินภายนอกได้อย่างสะดวกสบายตลอดเวลา  
     บริษัท สโนว์เดล เป็นผู้ค้ารายใหญ่ให้กับซูเปอร์มาร์เก๊ตรายสำคัญในออสเตรเลียได้แก่ โคลส์ และวูลเวิร์ธ ถึงเวลานี้ก็ตกที่นั่งลำบากต้องปฏิบัติตามกฏหมาย และเผยแพร่มาตรการแก้ไขปัญหา ค่าปรับขนาดนี้นับว่าสูงที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ประเทศชาติออสเตรเลีย  คณะกรรมด้านการแข่งขันทางการตลาดและคุ้มครองผู้บริโภคมีความเห็นว่า บทลงโทษนี้สมควรต่อสิ่งที่บริษัท สโนว์เดล ได้กระทำลงไป และผู้ผลิตไข่ต้องให้ความสำคัญกับข้อเท็จจริงที่นำมาใช้ทางการตลาด ในเมื่อผู้บริโภคยอมจ่ายค่าไข่ราคาแพงจากการเลี้ยงแบบปล่อยอิสระแล้ว สิ่งสำคัญคือ ผู้บริโภคก็ควรได้รับไข่ไก่ที่เลี้ยงปล่อยอิสระร่าเริงแจ่มใสจิตใจดีงามด้วยเช่นกัน
       ภายใต้มาตรฐานการเลี้ยงไก่ปล่อยอิสระระดับชาติที่เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว ไก่ต้องมีโอกาสที่จะออกนอกโรงเรือนตลอดเวลา โดยมีความหนาแน่นไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ ตัวต่อเฮคเตอร์เพื่อให้เป็นไปตามสถานภาพของไก่เลี้ยงปล่อยอิสระอย่างแท้จริง ไม่หลอกลวง เปรียบเทียบกับอังกฤษแล้วก็ยังถือว่าสูงกว่าถึง ๔ เท่า เพราะกฏหมายอังกฤษกำหนดไว้เพียง ๒,๕๐๐ ตัวต่อเฮคเตอร์เท่านั้น

เอกสารอ้างอิง


ภาพที่ ๑ แม่ไก่ที่เลี้ยงแบบปล่อยอิสระสุขสำราญในป่าห้าร้อยเอเคอร์ ป่าอันแสนกว้างใหญ่เขียวขจี (แหล่งภาพ: Herbert Wiggerman) 
   

วันจันทร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

การบริโภคไก่สหรัฐฯ สูงเป็นประวัติการณ์

ปริมาณการบริโภคไก่ปีนี้เพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์โดย ๙ ใน ๑๐ คนซื้อเนื้อไก่ไปบริโภคเป็นประจำ
            กระทรวงเกษตรแห่งสหรัฐฯ อ้างว่า ชาวอเมริกันจะกินเนื้อไก่เกือบ ๔๑.๗ กิโลกรัมต่อคนทำสถิติสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ๔๑.๓ กิโลกรัม ถึงกระนั้น ผู้บริโภคก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร ยาปฏิชีวนะ และการใช้ฮอร์โมน หรือสเตียรอยด์ สภาไก่แห่งชาติจึงสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคจากผู้ใหญ่มากกว่า ๑,๐๐๐ รายระหว่างต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ ๘๔ ของผู้ตอบแบบสอบถาม กินเนื้อไก่เป็นอาหาร หรืออาหารว่างจากซูเปอร์มาร์เก็ตเป็นประจำทุกสัปดาห์ ขณะที่ ร้อยละ ๖๗ บริโภคไก่เป็นอาหาร หรืออาหารว่างจากร้านอาหาร ผู้บริโภคร้อยละ ๒๑ รับประทานเนื้อไก่มากขึ้นจากการเข้าร้านอาหาร และร้อยละ ๑๓ เชื่อว่า พวกเข้าจะรัยประทานอาหารเนื้อไก่มากขึ้นจากร้านบริการอาหารในอีก ๑๒ เดือนข้างหน้า 
          ทอม ซูเปอร์ รองกรรมการผู้จัดการด้านการประชาสัมพันธ์ สภาไก่แห่งชาติ เชื่อว่า เนื้อไก่จะเป็นอาหารที่เป็นที่นิยมอย่างสุดๆต่อไป ผลการสำรวจแสดงให้เห็นว่า เนื้อไก่ยังเป็นเมนูอาหารในใจลำดับหนึ่งของผู้บริโภค ผู้บริโภคชื่นชอบความสดของเนื้อสัตว์ รสชาติ และราคาเป็นสิ่งที่สำคัญต่อการตัดสินใจเลือกซื้อเนื้อไก่ คนรุ่นใหม่กลับไปนิยมเนื้อไก่ที่ยังไม่ผ่านการปรุงสุก และรับประทานในร้าน โดยผู้บริโภค ๗ ใน ๑๐ คน มีความใส่ใจต่อความปลอดภัยอาหาร ขณะที่ร้อยละ ๕๗ ยังวิตกกังวลเกี่ยวกับฮอร์โมน และสเตียรอยด์ และร้อยละ ๕๕ กังวลต่อการใช้ยาปฏิชีวนะในสัตว์ ขณะที่ ผู้บริโภคร้อยละ ๒๖ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อสวัสดิภาพสัตว์ โดยเฉพาะระยะเวลาที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ที่มีการเจริญเติบโตรวดเร็วเกินไป ผลการสำรวจยังพบว่า ผู้บริโภคสัดส่วน ๓ ใน ๔ รู้สึกเป็นกลาง หรือลบต่อสื่อมวลชนด้านอุตสาหกรรมสัตว์ปีก 

  เอกสารอ้างอิง


ภาพที่ ๑ เนื้อไก่ยังเป็นเมนูอาหารในใจลำดับหนึ่งของผู้บริโภค (แหล่งภาพ: Shutterstock)


วันพฤหัสบดีที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

คานาดาพบเชื้อซัลโมฯในนักเก๊ตไก่

บริษัทโลบลอว์เรียกคืนนักเก๊ตไก่แบรนด์เพรสซิเดนต์ชอยซ์ เนื่องจาก การตรวจพบเชื้อซัลโมเนลลาโดยหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยอาหารแห่งคานาดา
               บริษัท โลบลอว์ จำกัด เรียกคืนนักเก๊ตไก่สูตรพิเศษเพรสซิเดนต์ชอยซ์จากซูเปอร์มาร์เก๊ต เนื่องจาก การปนเปื้อนเชื้อซัลโมเนลลา ตามประกาศของหน่วยงานตรวจสอบความปลอดภัยอาหารแห่งคานาดา (Canadian Food Inspection Agency, CFIA) โดยเชื่อมโยงกับการระบาดของโรคอาหารเป็นพิษที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฏาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยจากเชื้อ ซัลโมเนลลา ๑๒ รายใน ๔ จังหวัดระหว่างเดือนเมษายน ถึงมิถุนายน ๕ รายมีรายงานในอัลเบอร์ตา และอีก ๕ รายในออนตาริโอ อีกจังหวัดละ ๑ รายในบริทิช โคลัมเบีย และนิว บรันซ์วิค ในจำนวนนี้ ๒ รายต้องพักรักษาในโรงพยาบาล ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ๒ ใน ๓ รายเป็นผู้ชาย อายุเฉลี่ยของผู้ป่วย ๒๓ ปี ตัวอย่างนักเก๊ตไก่สูตรพิเศษเพรสซิเดนต์ชอยซ์น้ำหนัก ๘๐๐ กรัม ระบุวันหมดอายุเป็น ๑๕ มีนาคม ๒๐๑๘ เก็บตัวอย่างจากร้านค้าปลีก ให้ผลการทดสอบเป็นบวกต่อเชื้อ ซัลโมเนลลา เอนเทอไรทิดิส และมีลายพิมพ์ดีเอ็นเอสอดคล้องกับตัวอย่างจากผู้ป่วยที่มีรายงานการระบาด หน่วย CFIA กำลังร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมในการสร้างความมั่นใจว่า สินค้าเหล่านี้จะถูกนำออกจากชั้นวางสินค้า โดยการสอบสวนยังคงดำเนินการต่อไป และเชื่อว่าน่าจะพบความเชื่อมโยงสินค้ากับการระบาดของโรคเพิ่มขึ้น โดยสาธารณสุขจะแจ้งข้อมูลล่าสุดให้ทราบตามลำดับ   

เอกสารอ้างอิง


ภาพที่ ๑ สินค้านักเก๊ตไก่แบรนด์เพรสซิเดนต์ชอยซ์เป็นชิ้นเนื้อชุบแป้ง สังเกตเครื่องหมายเพรสซิเดนต์ชอยซ์เป็นตราสัญลักษณ์ของ บริษัท โลบลอว์ จำกัด เพื่อรับรองสินค้าพรีเมียมในร้านค้าขายของชำ และผลิตภัณฑ์ในครัวเรือน รวมถึง บริการางการเงิน และโทรศัพท์มือถือ โดยให้การรับรองสินค้าขายปลีกจากบริษัทต่างๆมากมาย  


วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

วัคซีน และความปลอดภัยชีวภาพที่ดีช่วยทดแทนยาปฏิชีวนะ

การใช้วัคซีนที่เพิ่มขึ้น และยกระดับมาตรฐานสุขอนามัย และระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ๒ ประการของผู้ผลิตสุกร โค และสัตว์ปีก เพื่อชดเชยการใช้ยาปฏิชีวนะ
               กุญแจสำคัญของการศึกษาใหม่นี้เติมเต็มสุขภาพสัตว์ และโภชนาการ แม้ว่าจะมีความหลากหลายตามกลุ่มชนิดของสัตว์ แผนการให้วัคซีน และการยกระดับสุขอนามัยเป็นยุทธศาสตร์ ๒ ประการที่สำคัญที่สุดสำหรับกลุ่มผู้ผลิตปศุสัตว์ในสหรัฐฯมากกว่า ๗๐ เปอร์เซ็นต์ นอกเหนือจากยุทธศาสตร์อื่นๆ ได้แก่ การลดการสัมผัสกับสัตว์ตามธรรมชาติ การเปลี่ยนวัตถุเติมอาหารสัตว์ การปรับเปลี่ยนอุปกรณ์การเลี้ยยง การใช้สารกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม การเปลี่ยนปแลงที่สำคัญที่สุดในวัตถุเติมอาหารสัตว์คือ การใช้เชื้อจุลชีพใส่ลงในอาหารสัตว์โดยตรงเรียกว่า โปรไบโอติก ส่วนวัตถุเติมอาหารสัตว์ชนิดอื่นๆที่นิยมใช้น้อยกว่า ได้แก่ เอนไซม์ พรีไบโอติก โอลิโกแซคคาไรด์ กรดอินทรีย์ และไฟโตเจนิกส์ ผู้ผลิตสัตว์ปีกมากกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ บ่งชี้ว่า มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุเติมอาหารสัตว์มากกว่าหนึ่งชนิดเพื่อทดแทนการใช้ยาปฏิชีวนะ มากกว่าสัตว์ชนิดอื่นๆ

ความวิตกกังวลต่อการเลิกการใช้ยาปฏิชีวนะ
               ผู้ผลิตมากกว่าครึ่งในสหรัฐฯ ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตของตัวเองแล้ว โดยเฉพาะผู้ผลิตภาคสัตว์ปีก แต่มีเพียง ๓๘ เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เชื่อว่า พวกเขาจะยังสามารถรักษาผลผลิต และกำไรไว้ได้โดยปราศจากยาปฏิชีวะ แสดงให้เห็นถึง ความวิตกกังวลอย่างกว้างขวางของผู้ผลิตต่อการเลิกการใช้ยาปฏิชีวระ  
                 
ตารางที่ ๑ การเปลี่ยนแปลงการจัดการที่มีความสำคัญเรียงตามละดับ
กลยุทธ์
สัดส่วน
แผนการใช้วัคซีน
๗๔ เปอร์เซ็นต์
ความปลอดภัยทางชีวภาพ
๗๐ เปอร์เซ็นต์
การควบคุมสัตว์พาหะ
๕๓ เปอร์เซ็นต์
ความหนาแน่นการเลี้ยงสัตว์
๔๙ เปอร์เซ็นต์
สารเสริมภูมิคุ้มกัน
๓๘ เปอร์เซ็นต์
พันธุกรรม
๓๔ เปอร์เซ็นต์


เอกสารอ้างอิง


ภาพที่ ๑ ความวิตกกังวลต่อผลกระทบของการไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ โดยผู้ผลิตในสหรัฐฯเพียง ๓๘ เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เชื่อว่า พวกเขาจะยังสามารถรักษาผลผลิต และกำไรไว้ได้โดยปราศจากยาปฏิชีวะ (แหล่งภาพ: Shutterstock)

วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

จีนเริ่มทำวัคซีนไข้หวัดนกเอช ๗ เอ็น ๙ แล้ว

จีนยกระดับมาตรการควบคุมโรคไข้หวัดนกขึ้นเป็นอันตรายต่อสัตว์ปีก และมนุษย์ ประเทศในเอเชียกำลังต่อสู้กับโรคไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง การระบาดใหม่ในสัตว์ปีกมีรายงานขึ้นทั้งในเกาหลี ไต้หวัน และจีน รัฐบาลปักกิ่งเริ่มแผนการให้วัคซีนเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโรคต่อไป ในยุโรป เกษตรกรชาวฝรั่งเศสที่ประสบภัยโรคระบาดกำลังได้รับเงินชดเชย ขณะที่ มีการระบาดใหม่เกิดขึ้นในเบลเยี่ยม ขณะเดียวกัน ประเทศแถบแอฟริกา ได้แก่ คองโก และไนจีเรีย ยืนยันการระบาดใหม่ของโรคในสัตว์ปีกแล้ว
               จีนวิตกต่อโรคไข้หวัดนก สับไทป์ เอช ๗ เอ็น ๙ ตามรายงานของกระทรวงเกษตรจีนต่อโอไออีว่า สัตว์ปีกสี่แห่งมีผลการทดสอบเป็นบวกต่อเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง เอช ๗ เอ็น ๙ ทำให้จำนวนฟาร์มที่เกิดโรคระบาดตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้เป็น ๙ รายแล้ว โดยรายล่าสุดเกิดขึ้น ๒ ฟาร์ม ในมองโกเลีย ในกวางสี และโรงเชือดในจังหวัดฟูเจียน มีสัตว์ปีกทำลายไปแล้วเกือบ ๔๖๒,๐๐๐ ตัว
               ข้อมูลจนถึงวันที่ ๑๐ มิถุนายนนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อเอช ๗ เอ็น ๙ ในมนุษย์ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น ๑,๕๐๐ ราย ตามข้อมูลของศูนย์คุ้มครองสุขภาพในฮ่องกง ในจำนวนนี้ ๗๒๗ รายเกิดขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ค.ศ.๒๐๑๖ เป็นต้นมา โดยผู้ป่วยรายล่าสุด เกิดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๕ เมษายนถึง ๖ มิถุนายน จำนวน ๑๒ รายในปักกิ่ง และอีก ๖ จังหวัด
               ความกังวลต่อภัยคุกคามสุขภาพของมนุษย์ และสัตว์ปีกจากเชื้อไวรัสไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง เอช ๗ เอ็น ๘ เกิดขึ้นภายหลังประกาศของกระทรวงเกษตรจีนให้เริ่มต้นให้วัคซีนสัตว์ปีกเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัส ถึงกระนั้น สมาคมผู้เลี้ยงสัตว์ปีกจีนก็เชื่อว่า การให้วัคซีนอาจสามารถช่วยควบคุมโรคได้ในระยะสั้น เป็นการสร้างเสถียรภาพของตลาด แต่ก็ไม่สามารถช่วยกำจัดเชื้อไวรัสให้หมดไปได้

เอเชีย: การระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ปีกที่เกาหลีใต้ และไต้หวัน
               องค์การอนามัยโลกด้านสุขภาพสัตว์ (โอไออี) ได้รับรายงานการระบาดของโรคไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงเอช ๕ เอ็น ๘ ในเกาหลีใต้ตั้งแต่ต้นสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน มีสัตว์ปีกตาย และถูกทำลาย ๒,๗๗๖ ตัว การระบาดส่วนใหญ่เกิดขึ้นในฟาร์มสัตว์ปีกหลังบ้านขนาดเล็ก โดยสองฟาร์มที่มีสัตว์ปีกราว ๔๐๐ ตัว การระบาดสิบเอ็ดครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในบริเวณที่เคยเกิดโรคระบาดมาแล้วก่อนหน้านี้ ได้แก่ จังหวัด ช็อลลาเหนือ เมืองเจจู และปูซาน แต่การระบาดครั้งแรกยืนยันแล้วในจังหวัดคย็องซังใต้ และเมืองอุลซาน  
               ในไต้หวัน ไก่งวงมากกว่า ๑,๗๐๐ ตัวที่ฟาร์มในเมืองหยุนหลินถูกทำลายตาม Focus Taiwan ภายหลังการตายสูงผิดปรกติ และพบโรคไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง การระบาดครั้งล่าสุดทำให้จำนวนฟาร์มที่เกิดการระบาดเพิ่มขึ้นเป็น ๗๔ แห่งในเมืองนี้แห่งเดียวในปีนี้ และมีสัตว์ปีกมากกว่า ๙๓๐,๐๐๐ ตัวที่ถูกทำลายไปแล้ว
ภายหลังการระบาดก่อนหน้านี้ของโรคไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูงในสัตว์ปีกจากเชื้อไวรัสชนิดเอช ๕ เอ็น ๑ และเอช ๕ เอ็น ๘ กลายพันธุ์ ประเทศเนปาลได้ประกาศสถานะปลอดโรคต่อโอไออี เนื่องจาก การเฝ้าระวังโรครอบพื้นที่ระบาดไม่พบตัวอย่างที่เป็นบวกอีกแล้ว
เอกสารอ้างอิง


ภาพที่ ๑ รัฐบาลจีนต้องตัดสินใจให้วัคซีนเพื่อควบคุมการระบาดโรคไข้หวัดนกชนิดความรุนแรงสูง เอช ๗ เอ็น ๙ (แหล่งภาพ Harrisvaccines)

วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เทคโนโลยีใหม่ ป้อนอาหารไก่ตั้งแต่ในไข่

ก้าวกระโดดสำคัญในวงการสัตว์ปีกเวลานี้คือ การให้อาหารลูกไก่ตั้งแต่อยู่ในไข่กันเลยทีเดียว และสร้างพฤติกรรมจำฝังใจโดยใช้อาหารที่ปรับเปลี่ยนได้ในวันแรกของชีวิต 
     การเสริมสมรรถภาพทางพันธุกรรมให้สุดยอดคือ การคิดใหม่ทวนไปยังบทบาทของการฟัก การให้อาหารตั้งแต่ในไข่ และการให้อาหารลูกไก่แรกฟักจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น หากเกษตรกรมีความปรารถนาอัตราการเจริญเติบโตของสัตว์อย่างยั่งยืน เราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า การจัดการกำลังต่อสู้กับความก้าวหน้าทางพันธุกรรม และพันธุกรรมกำลังเปลี่ยนแปลงสนามเล่น แต่การแสดงออกของสมรรถภาพทางพันธุกรรมเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนผลผลิต และกำไร สัตว์มีคุณลักษณะเฉพาะตัวบางประการที่เราไม่สามารถควบคุมได้ บางครั้ง ความก้าวหน้าใหม่เดินหน้าไปแล้ว แต่เรายังเดินตามหลังอยู่ โภชนาการ และการจัดการยิ่งแทบจะเดินตามย่างก้าวยาวๆของพันธุกรรม ตอนนี้ อาจถึงเวลาที่เราจะลดช่องว่างนี้ลงได้แล้ว นั่นคือ ความเห็นอันเฉียบคมของ ปีเตอร์ เฟอร์เคต ศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยนอร์ธแคโรไลนา    
       ความก้าวหน้าทางพันธุกรรมช่วยให้ไก่เนื้อน้ำหนักได้ถึง ๔ กิโลกรัมที่อายุ ๔๒ วัน ด้วยอัตราการแลกเปลี่ยนอาหาร ๑ ต่อ ๑ ช่วงแรกของชีวิตไก่เนื้อเป็นระยะเวลาที่มีความสำคัญต่อผลผลิตมาก ทั้งการให้โภชนาการอาหารที่เป็นไปตามเป้าหมาย และการกำหนดโปรแกรมการย่อยอาหารสำหรับระยะต่อไป
    การให้อาหารลูกไก่ตั้งแต่ในไข่ด้วยพรีมิกซ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการตรงกันเข้าต้องการของลูกไก่เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่มีศักยภาพอันยิ่งใหญ่ คณะผู้วิจัยได้ในเทคนิคนิวตริจีโนมิก เพื่อทำแผนที่เมตาโลโบลิซึม ณ เวลาที่ของเหลวจากน้ำคร่ำถูกกินเข้าไป แล้วออกแบบพรีมิกซ์ที่อุดมด้วยพลังงาน วิตามิน และแร่ธาตุอันจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของตัวอ่อน การให้อาหารลูกไก่ตั้งแต่ในไข่ช่วยให้การเจริญเติบโตของวิลลัสดีขึ้นตั้งแต่ในระยะแรกของชีวิต และช่วยให้การสะสมของไกลโคเจนในตับเพิ่มขึ้น ลูกไก่ได้รับพลังงานเพิ่มขึ้นตั้งแต่ขณะฟักเป้นตัว และชั่วโมงแรกๆของชีวิต ดังนั้น น้ำหนักเฉลี่ยจึงเพิ่มขึ้น การพัฒนากระดูกเริ่มต้นตั้งแต่ต้น ช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังการฟัก ลูกไก่จะแอคทีพขึ้น อยากรู้อย่างเห็น และกินอาหารมากขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ มวลกล้ามเนื้ออก อัตราการเจริญเติบโต และประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนหาอาหารก็จะยิ่งดีขึ้น   

ตั้งโปรแกรมการย่อยอาหาร
               อีกด้านหนึ่งของงานวิจัยคือ การตั้งโปรแกรมการย่อยอาหารของไก่ไว้ตั้งแต่ก่อน และหลังการฟักเป็นตัว ความสร้างความจำฝังใจทางโภชนาการเป็นวิธีการฝึกลูกไก่ที่มีอิทธิพลส่งผลไปถึงการแสดงออกทางพันธุกรรม การใช้แร่ธาตุ หรือพลังงานจากสารอาหาร หรือความต้านทานทางภูมิคุ้มกัน ความเครียดจากสิ่งแวดล้อม หรือกระบวนการเผาผลาญภายในร่างกาย ทั้งหมดนี้ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารระยะแรก
               กรณีศึกษาหนึ่งในไก่เนื้อที่ให้สูตรอาหารที่มีแคลเซียม และฟอสฟอรัสต่ำในช่วง ๙๐ ชั่วโมงแรก ที่อายุ ๓๒ วัน ไก่สามารถดูดซึมสารอาหาร และการทดลองถัดมา ยังพบว่า ไก่ชุดดังกล่าว มีความทนทานต่อการขาดแร่ธาตุในอาหารสัตว์มากขึ้น ลูกไก่ที่ให้อาหารที่ออกแบบอย่างเหมาะสม แล้วได้รับอาหารสูตรสำหรับเจริญเติบโตที่สอดคล้องกัน และสูตรระยะสุดท้าย ช่วยเพิ่มการเจริญเติบโต และประสิทธิภาพการแลกเปลี่ยนอาหารไปจนถึงวันจับไก่
               แต่การให้อาหารดังกล่าวข้างต้นกำลังถูกท้าทายจากการปฏิวัติการเลี้ยงที่โรงฟัก ขณะนี้ บริษัท HatchTech แห่งเนเธอร์แลนด์ กำลังสร้างสรรค์โรงฟักแห่งอนาคตที่ไม่ได้มีหน้าที่เพียงการฟัก และให้วัคซีนลูกไก่ แต่กำลังเป็นสถานที่เตรียมความพร้อมให้ลูกไก่ท้าทายต่ออันตรายที่กำลังเผชิญหน้าถัดไปในชีวิต และตั้งโปรแกรมระบบย่อยอาหารให้มีความพร้อมสำหรับการให้ผลผลิตที่เป็นเลิศต่อไปในอนาคต

เอกสารอ้างอิง


ภาพที่ ๑ การให้อาหารลูกไก่ตั้งแต่ในไข่ (In-ovo feeding) สามารถจัดการพร้อมกับการเครื่องให้วัคซีน (In-ovo inject) (แหล่งภาพ: Fabian Brockötter) 

วัคซีนหวัดนก ความจริงที่ถูกกลบด้วยความกลัว

  ดร.เดวิด สเวย์น กล่าวว่าจำเป็นต้องมี “การเปลี่ยนกรอบความคิด” เพราะในความเป็นจริง สัตว์ปีกที่ได้รับวัคซีนมีความปลอดภัยมากกว่าสัตว์ปีกที่ไม่...